นำเสนอ เทคน คการนำตนเอง

10
9. กกกกกกกกกกกกก กกกกกกกกกกกกกกกก กกกกกกกกกกกกกกกกกกก 1) กกกกกกกกกกกกก : เเเเเเเเเเเ เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเ เเเเเ เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเ เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเ เเเ เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเ เเเเ เเเเเเเเเเเเเเเเเเ เเเเเเเเเ เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเ เเเเเเเเ เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเ เเเเเเเเเเเเเเเเ “เเเเเเเเเเเเเ” เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเ

Upload: -

Post on 28-Jul-2015

74 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

9. การฝึ�กหร�อส่งเส่ร มให�ผู้��เร�ยนเร�ยนร��แบบน�าตนเอง

1) ส่�ญญาการเร�ยน : เป็�นสิ่��งที่�กำ� หนดขึ้��นระหว่� งผู้�� สิ่อนกำ�บผู้��เรยน ซึ่��งเป็�นลั�กำษณะกำ รสิ่อนร ยบ"คคลัที่�

ให�ผู้��เรยนมีคว่ มีร�บผู้�ดชอบ มีระเบยบว่�น�ยในตนเอง เป็�นต�ว่ขึ้องต�ว่เองให�มี กำ โดยกำ รให�สิ่� รว่จแลัะ

ค�นห คว่ มีสิ่นใจที่�แที่�จร�งขึ้องตนเอง แลั�ว่ให�ผู้��เรยน “ ” เลั+อกำเรยนต มีคว่ มีสิ่นใจ สิ่�ญญ กำ รเรยน น�จะ

ช�ว่ยให�ผู้��เรยนร� �ด�ว่ยตนเองได�มี กำขึ้��น เพร ะได�เป็/ด เผู้ยต�ว่เองได�เต0มีที่� แลัะพ��งพ ตนเองได�มี กำที่�สิ่"ด

2) การเร�ยนร��จากกลุ่�มเพื่� อน : สิ่��งที่�ได�จ กำกำ รเรยน ร� �จ กำกำลั"�มีเพ+�อน ค+อ ป็ระสิ่บกำ รณ1ที่�ต� งคนต� งน�

มี แลักำเป็ลั�ยนกำ�น ป็ระสิ่บกำ รณ1ขึ้องตนเอง อ จช�ว่ยช�น� เพ+�อนได�แลัะในที่ งตรงขึ้� มีป็ระสิ่บกำ รณ1ขึ้องเพ+�อนกำ0อ จช�ว่ยช�น� ต�ว่เองพร�อมีกำ�นน�กำ0จะเป็�นกำ รเรยนกำ รสิ่อนที่�มีกำ รแลักำเป็ลั�ยน

ป็ระสิ่บกำ รณ1 คว่ มีค�ดเห0นระหว่� งคร� หร+อผู้��สิ่อน หร+อผู้��อ� นว่ยคว่ มีสิ่ะดว่กำ กำ�บผู้��เรยนในกำลั"�มีด�ว่ย

3) ทั�ศนะเก� ยวก�บเวลุ่า : กำ รกำ� หนดระยะเว่ลั ต ยต�ว่กำ�บกำ�จกำรรมีต� งๆ จะช�ว่ยให�ผู้��เรยน

ตระหน�กำถึ�งค"ณค� ขึ้องเว่ลั ที่�จะเรยนร� �สิ่��งต� งๆแลัะกำ รน� ไป็ใช�ได�ที่�นที่ในชว่�ตป็ระจ� ว่�น

4) ประโยชน(ของการเร�ยนร�� : ผู้��เรยนจะร� �ด�ว่ย ตนเองได� มี กำขึ้��น ห กำกำ รเรยนร� �เป็�นกำ รแกำ�

ป็4ญห มี�ใช�กำ รจดจ� แค�เน+�อห กำ รจ�ดโป็รแกำรมี กำ รเรยน จ�งจ� เป็�นต�องสิ่นองคว่ มีต�องกำ รขึ้อง

ผู้��เรยน เป็�นกำ รให�คว่ มีร� �ที่�กำษะที่�จ� เป็�นแลัะที่�นต�อ เหต"กำ รณ1 สิ่ถึ นกำ รณ1ที่�เป็�นอย��

5) การเตร�ยมความพื่ร�อมในการเร�ยนร��ด้�วย ตนเอง : ผู้��เรยนต�องมีคว่ มีสิ่นใจ เต0มีใจที่�จะเรยน

ด�ว่ยตนเอง เพร ะกำ รเรยนร� �ด�ว่ยตนเองน�เป็�น เร+�องภ ยในจ�ตใจอย��ในจ�ตสิ่� น�กำขึ้องผู้��เรยน

เป็�นกำ รเป็ลั�ยนแป็ลังที่�อย��ภ ยในต�ว่ผู้��เรยนมี กำกำว่� กำ รจ�ดกำ รภ ยนอกำ

10. บทับาทัของผู้��เร�ยนในการเร�ยนร��ด้�วยตนเอง

กำ รเรยนกำ รสิ่อนด�ว่ยกำ รเรยนร� �ด�ว่ยตนเอง จะเน�นบที่บ ที่ขึ้องผู้��

เรยน ซึ่��ง Knowles (1976) ได�สิ่ร"ป็บที่บ ที่ขึ้องผู้��เรยนในกำ รเรยนด�ว่ยตนเองด�งน� 1) กำ รเรยนด�ว่ยตนเอง คว่ร เร��มีจ กำกำ รที่�ผู้��เรยน มีคว่ มีต�องกำ รที่�จะเรยนในสิ่��งหน��งสิ่��งใด เพ+�อกำ รพ�ฒน ที่�กำษะ คว่ มีร� � สิ่� หร�บกำ รพ�ฒน ชว่�ตแลัะกำ รง นอ ชพขึ้องตนเอง 2) กำ รเตรยมีต�ว่ขึ้องผู้��เรยน ค+อ ผู้��เรยนจะต�องศึ�กำษ หลั�กำกำ ร จ"ด

มี"�งหมี ยแลัะโครงสิ่ร� งขึ้องหลั�กำสิ่�ตร ร ยว่�ช แลัะจ"ดป็ระสิ่งค1ขึ้องร ยว่�ช ที่�สิ่อน

3) ผู้��เรยนคว่รจ�ดเน+�อห ว่�ช ด�ว่ยตนเอง ต มีจ� นว่นค บที่�กำ� หนด ไว่�ในโครงสิ่ร� ง แลัะกำ� หนดว่�ตถึ"ป็ระสิ่งค1เช�งพฤต�กำรรมีลังไป็ให�

ช�ดเจนว่� จะให�บรรลั"ผู้ลัในด� นใดเพ+�อแสิ่ดงให�เห0นว่� ผู้��เรยนได� เกำ�ดกำ รเรยนร� �ในเร+�องน��นๆ แลั�ว่ แลัะมีคว่ มีค�ดเห0นหร+อเจตคต� ในกำ รน� ไป็ใช�กำ�บชว่�ตสิ่�งคมี แลัะสิ่��งแว่ดลั�อมีด�ว่ย

4) ผู้��เรยนเป็�นผู้��ว่ งแผู้นกำ รสิ่อน แลัะด� เน�นกำ�จกำรรมีกำ รเรยน กำ รสิ่อนน��นด�ว่ยตนเอง โดยอ จจะขึ้อค� แนะน� ช�ว่ยเหลั+อจ กำ

คร�หร+อเพ+�อน ในลั�กำษณะขึ้องกำ รร�ว่มีมี+อกำ�นที่� ง นได�เช�นกำ�น5) กำ รป็ระเมี�นผู้ลั กำ รเรยนด�ว่ยตนเอง คว่รเป็�นกำ รป็ระเมี�นผู้ลั

ร�ว่มีกำ�นระหว่� งคร�ผู้��สิ่อนกำ�บผู้��เรยน โดยคร�แลัะผู้��เรยนร�ว่มีกำ�นต��งเกำณฑ์1กำ รป็ระเมี�นผู้ลัร�ว่มีกำ�น

11. “ ”บทับาทัของ ผู้��อ�านวยความส่ะด้วก

1) มีองเห0นกำ รใช�ป็ระโยชน1จ กำป็ระสิ่บกำ รณ1เด�มีขึ้องผู้��เรยน2) มีคว่ มีเต0มีใจที่�จะแลักำเป็ลั�ยนป็ระสิ่บกำ รณ1กำ�บผู้��เรยน3) เป็/ดโอกำ สิ่ต�อขึ้�อเสิ่นอแนะขึ้องผู้��เรยน4) จ�ดบรรย กำ ศึแห�งคว่ มีเค รพน�บถึ+อซึ่��งกำ�นแลัะกำ�น ที่��งในหมี��ผู้��เรยนแลัะระหว่� งผู้��เรยนกำ�บผู้��สิ่อน

5) ผู้��สิ่อนต�องพ�ดให�ผู้��เรยนเขึ้� ใจช�ดเจน ว่� เป็: หมี ยขึ้องกำ รเรยนค+อ อะไร แลัะให�กำ รเสิ่ร�มีแรงอย� งสิ่มี�� เสิ่มีอ

6) ผู้��สิ่อนต�องตระหน�กำถึ�งร�ป็แบบกำ รเรยนร� � ขึ้องผู้��เรยนที่�ต� งกำ�น แลัะ จะต�องใช�ร�ป็แบบกำ รสิ่อน ให�เหมี สิ่มี

7) ต�องใช�ป็ฏิ�สิ่�มีพ�นธ์1ในหมี��ผู้��เรยนให�พอเหมี ะกำ�บกำ รเป็�นอ�สิ่ระ หร+อกำ รเป็�นต�ว่ขึ้องต�ว่เองในผู้��เรยนแต�ลัะบ"คคลั

12.ต�วบงช�,

1. ผู้��เรยนมีกำ รว่ งแผู้นกำ รเรยนร� �ด�ว่ยตนเอง2.  ผู้��เรยนมีกำ รต��งเป็: หมี ยในกำ รเรยนร� �3. ผู้��เรยนมีกำ รต��งเป็: หมี ยในกำ รเรยนร� �ด�ว่ยตนเอง4. ผู้��เรยนร� �มีกำ รเลั+อกำว่�ธ์เรยนด�ว่ยตนเอง5. ผู้��เรยนมีกำ รแสิ่ว่งห แหลั�งคว่ มีร� � ขึ้�อมี�ลั แลัะว่�เคร ะห1ขึ้�อมี�ลัด�ว่ย

ตนเอง6. ผู้��เรยนมีกำ รป็ระเมี�นผู้ลักำ รเรยนร� �ด�ว่ยตนเอง7. ผู้��สิ่อนมีกำ รสิ่น�บสิ่น"น สิ่�งเสิ่ร�มี ให�ค� แนะน� แลัะคว่ มีช�ว่ยเหลั+อแกำ�

ผู้��เรยนในขึ้��นตอนต� งๆ ต มีคว่ มีเหมี ะสิ่มีแลัะคว่ มีจ� เป็�น 8. ผู้��สิ่อนมีกำ รว่�ดแลัะป็ระเมี�นผู้ลัโดยใช�ผู้ลักำ รป็ระเมี�นขึ้องตนเอง

แลัะขึ้องผู้��เรยนป็ระกำอบกำ�น

13. ประโยชน(ของการเร�ยนร��โด้ยให�ผู้��เร�ยนน�าตนเอง

1. ช�ว่ยฝึ>กำฝึนให�ผู้��เรยนพ��งพ ตนเอง แลัะพ�ฒน ตนเองได� ช�ว่ยให�ผู้�� เรยนเกำ�ดแรงจ�งใจภ ยใน ซึ่��งสิ่ มีรถึกำระต"�นคว่ มีต�องกำ รที่�จะเรยนร� �

แลัะช�ว่ยให�ผู้��เรยนร� �อย� งมีจ"ดหมี ยสิ่�งผู้ลัให�ผู้��เรยนสิ่ มี รถึเรยนร� �ได�ด ได�มี กำ แลัะจดจ� ได�น น รว่มีที่��งน� ไป็ใช�ป็ระโยชน1ได�มี กำขึ้��นด�ว่ย

2. เน+�องจ กำผู้��เรยนมีแบบกำ รเรยนร� � ที่�แตกำต� งกำ�นกำ รให�ผู้��เรยนน� ตนเองแลัะเลั+อกำว่�ธ์กำ รเรยนร� �เองจะช�ว่ยให�ผู้��เรยนสิ่ มี รถึเรยนร� �ได�ด