thainationusaและเกล อแร ต าง ๆ ส วนน ำม...

1
หน้า 9 ไทยเนชั่นยูเอสเอ www.thainationusa.com thainationusa Sec.A THAI ASSOCIATION OF LAS VEGAS, SOUTHERN NEVADA THAI ASSOCIATION OF LAS VEGAS, SOUTHERN NEVADA จดหมาย จาก อดีตนายกสมาคมไทยลาสเวกัส นายมานพ ปานแร่ MARK M PANRAE “ขมิ้นชัน” สมุนไพรชั้นเลิศ ช่วยดูแลสุขภาพ ขมิ้นชันสีเหลืองๆ เป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยรู้จัก นำมาใช้ประโยชน์กันนานแล้ว โดยเฉพาะการนำไปประ กอบอาหาร หรือแต่งสี แต่งกลิ่นให้อาหารจานเด็ด ทั้ง แกงไตปลา แกงกะหรี่ ไก่ทอด ฯลฯ อู้ย...ฟังชื่อแล้ว ชักหิวขึ้นมาซะงั้น...แต่ช้าก่อน...วันนีเราไม่ได้ชวน เพื่อน ๆ มาทำอาหารที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบ หรอกนะจ๊ะ เพราะเราจะมาพูดถึงสรรพคุณทางยาเด็ดๆ ของขมิ้นชันกัน พอจะรู้กันไหมเอ่ย ว่า ขมิ้นชัน ช่วย รักษาอาการเจ็บป่วยอะไรได้บ้าง ถ้ายังนึกไม่ออก ตาม ไปรู้จักขมิ้นชันให้มากขึ้นกันดีกว่า "ขมิ้นชัน" หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ "ขมิ้น" คน เชียงใหม่เรียกว่า ขมิ้นแกง ขมิ้นหัว ขมิ้นหยอกคนตรัง เรียก ขี้มิ้น หรือ หมิ้น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma longa Linn. เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิงที่มีถิ่น กำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีแขนงรูปทรงกระบอก แตกออกมาด้านข้าง 2 ด้าน ส่วนเนื้อในของเหง้ามีสี เหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวใบเดี่ยว ของขมิ้นชันจะแทงออกมาจากเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับ กันเป็นรูปหอก ขนาดใบกว้าง 12-15 เซนติเมตร ยาว 30-40 เซนติเมตร ดอกมีสีเหลืองอ่อน แทงออกมา จากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ ปกติจะบานครั้ง ละ 3-4 ดอก รูปกลมมี 3 พู เหง้าของขมิ้นชันมีสาร สำคัญประเภทเคอร์คูมินอยด์ ซึ่งเป็นสารสีเหลืองประ กอบอยู่หลายตัว ทั้ง เดสเมทอกซีเคอร์คูมิน และบิส เดส เมทอกซีเคอร์คูมิน และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมี สารสำคัญอย่าง เทอร์เมอโรน และซิงจิเบอรีน ซึ่งสาร ทั้งหมดนี้ ช่วยเพิ่มสรรพคุณทางยาให้ขมิ้นชันได้อย่างดี สรรพคุณทางยาของขมิ้นชัน :: มาดูสรรพคุณทาง ยาของขมิ้นชันกัน ส่วนที่ใช้ก็คือ "เหง้า" ที่มีรสฝาด นั่นเอง โดยเหง้ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการ อักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระป้อง กันการเกิดมะเร็งในตับ ช่วยบำรุงตับ นอกจากนี้ ยังมี สารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ ส่วนน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชัน ก็มีสรรพคุณบรร เทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียดได้ด้วย จึง นิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะอาหาร ทำความ สะอาดลำไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร การศึกษาวิจัย เพิ่มเติมยังพบว่า ขมิ้นมีสรรพคุณบำรุงร่างกายอีกหลาย อย่าง ทั้งช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศีรษะ รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไข ข้ออักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยขับน้ำนม สตรีหลังคลอดบุตร แต่ไม่ใช่ว่าปลูกขมิ้นแล้วจะขุดเหง้าขึ้นมา ใช้ประ โยชน์ได้ทันทีเลยนะ เพราะเหง้า ที่จะนำขึ้นมาใช้ประ โยชน์ได้นั้น ต้องมีอายุอย่างน้อย 9-12 เดือนและต้อง ไม่เก็บไว้นานเกินไปด้วย ไม่เช่นนั้นน้ำมันหอมระเหยจะ หายหมด ที่สำคัญต้องเก็บไว้ไม่ให้ถูกแสงแดดด้วยเช่น กัน และห้ามเก็บเกี่ยวในระยะที่ขมิ้นชันเริ่มแตกหน่อ เพราะจะทำให้สารเคอร์คิวมินในขมิ้นชันลดลง ซึ่งก็ทำ ให้สรรพคุณเด็ด ๆ ของขมิ้นชันหายไปด้วย วิธีนำขมิ้นชันไปใช้รักษาโรค :; หากจะนำขมิ้นชันไป รับประทาน ให้นำขมิ้นชันไปล้างน้ำให้สะอาด ไม่ต้อง ปอกเปลือกออก แล้วหั่นเป็นแว่นชิ้นบาง ๆ นำไปตาก แดดจัด ๆ 1-2 วัน แล้วนำมาบดให้ละเอียด ผสมกับ น้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขนาดประมาณปลายนิ้วก้อย นำมารับประทานครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน จะช่วยแก้อาการดังกล่าวได้ แต่หากใครรับประทานแล้วท้องเสีย หรือมีอาการจุก เสียดแน่นท้องให้หยุดยาทันที นอกจากนี้ ยังสามารถนำเหง้าแก่สด ยาวประมาณ 2 นิ้ว มาขูดเปลือกออก นำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้ว ตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำมารับประทาน ครั้ง ละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง สำหรับคนที่ซื้อขมิ้น ชันแบบผงมารับประทานเอง ให้ใช้สูตรคือ ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) แล้วรับประทาน ขมิ้นชันที่ไหลผ่านอวัยวะภายในต่าง ๆ สามารถบำรุง อวัยวะส่วนนั้นได้ด้วย คือ ผ่านลำคอ จะช่วยขับไล่ไร ฝุ่นที่ลำคอ, ผ่านปอดจะช่วยดูแลปอดให้หายใจได้ดีขึ้น, ผ่านม้ามจะช่วยลดไขมัน ไม่ให้น้ำเหลืองเสีย, ผ่านกระ เพาะอาหารจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร, ผ่าน ลำไส้จะช่วยสมานแผลในลำไส้ และ ผ่านตับก็จะช่วย บำรุงตับ ล้างไขมันในตับ การใช้ขมิ้นชันเป็นยาทาภาย นอก เพื่อรักษาอาการแพ้ แก้อักเสบ ผื่นแดง แมลง สัตว์กัดต่อย ให้นำเหง้าขมิ้นยาวประมาณ 2 นิ้ว มาฝน กับน้ำต้มสุก แล้วทาในบริเวณที่เป็น วันละ 3 ครั้งหรือ จะใช้ผงขมิ้นโรยทาบริเวณที่มีอาการผื่นคัน จากแมลง สัตว์กัดต่อยก็ช่วยได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เคยมีการศึกษาพบว่า หากรับประ ทานขมิ้นชันตามเวลาที่อวัยวะต่าง ๆ เปิดการทำงานจะ เกิดประสิทธิผลมากขึ้น เราก็เลยขอนำวิธีการรับประ ทานขมิ้นชันให้ได้ผลดีมาฝากกัน โดยควรรับประทาน ขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี- เวลา 03.00-05.00 น. เป็นเวลาของปอด การรับ ประทานขมิ้นชันในช่วงเวลานี้จะช่วยบำรุงปอด ป้องกัน การเป็นมะเร็งปอด ทำให้ปอดแข็งแรง และช่วยเรื่อง ภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และยังช่วยเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง - เวลา 05.00-07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ จะ ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ซึ่งถ้าหากคุณเคยรับประทาน ยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้รับประทานขมิ้นชันเวลานีเพราะขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ ต้องรับประทานเป็นประจำจึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัว เพื่อช่วยให้ขับถ่ายได้เป็นปกติ นอกจากนี้ขมิ้นชันยังช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืน ลำไส้เล็ก และปัญหาลำไส้ใหญ่ขับถ่ายน้อยหรือมากจน เกินไปได้เช่นกัน แต่ถ้าหากลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้รับ ประทานขมิ้นชันพร้อมกับสูตรโยเกิร์ต นมสด น้ำผึ้ง มะนาวหรือน้ำอุ่นก็ได้ เพื่อช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวด เป็นขนเล็ก ๆ จำนวนกว่าล้านเส้น ซึ่งขมิ้นชันจะช่วย ล้างบริเวณขนนี้ให้สะอาดโดยไม่ให้มีขยะตกค้างอยู่ที่ขน และเมื่อขนสะอาดจะทำให้ไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิด กลิ่นตัว ป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและโรคมะ เร็งลำไส้ได้เช่นกัน - เวลา 07.00-09.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะอาหาร จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่เกิดจากการรับ ประทานอาหารไม่เป็นเวลา และยังลดอาการท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมองและป้องกัน ความจำเสื่อมได้ - เวลา 09.00-11.00 น. เป็นเวลาของม้าม ขมิ้นชัน จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วน เกินไป และผอมเกินไปซึ่งเกี่ยวข้องกับม้าม นอกจาก นี้ยังลดอาการของโรคเกาต์ ลดอาการเบาหวาน - เวลา 11.00-13.00 น. เป็นเวลาของหัวใจ ผู้ที่มี ปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ หากทานขมิ้นชันเวลานี้ จะช่วย บำรุงหัวใจให้แข็งแรง แต่ถ้าหากรับประทานขมิ้นชันเลย เวลา 11.00 น. ไปแล้ว ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับแล้ว ตับจะส่งมาที่ปอด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง (แต่ส่วนมาก มักไปไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่น จะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง) จึงต้องลงขมิ้น ชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง - เวลา 15.00-17.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะ ปัสสาวะ ขมิ้นชันจะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้ แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรรับประ ทานน้ำกระชายเวลานี้ จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะ ให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออกจะดีมากเพราะ ร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้ นอก จากนี้ หากรับประทานขมิ้นชันเลยจากช่วงเวลานี้ไปจน ถึงเวลานอน จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้นและเมื่อตื่นนอน ตอนเช้าก็จะไม่ค่อยอ่อนเพลีย ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น ด้วย ขมิ้นชัน กับการบำรุงผิวพรรณ :: รู้จักสรรพคุณทาง ยากันไปแล้ว คราวนี้ขอเอาใจคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงาม กันบ้าง เชื่อว่าสาวๆต้องเคยเห็นคนนำขมิ้นมาทาใบหน้า หรือตามผิวหนังหลังอาบน้ำแน่ ๆ เลย ซึ่งนั่นเป็นวิธี การบำรุงผิวอย่างหนึ่งค่ะ เพราะขมิ้นจะช่วยให้ผิวพรรณ นุ่มนวลผ่องใสขึ้น แถมยังมีสรรพคุณป้องกันการงอก ของขน ทำให้ผิวพรรณดูเกลี้ยงเกลาละเอียดเชียวล่ะ. ปีท่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๙๔ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖o Vol. 11 No.194 December 2017 รายละเอียดข้างนี้คือ ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็ปไซต์ของสำนักเลขาธิการ รัฐเนวาด้า Nevada Secretary of State http://nvsos.gov เป็นเว็ปไซต์สาธารณะ ที่ใครๆก็สามารถเข้าไปดูได้ ไม้เป็นความลับแต่อย่างใด...ใน เว็ปไซต์ของ SOS ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่า ในขณะนี้ไม่มีสมาคมไทยลาสเวกัส คือ สถานะภาพสิ้นสุดไปแล้ว Status : Dissolved คณะกรรมการที่รายชื่อทั้งหมดในนั้น จึงไม่สามารถดำเนินกิจกรรมในนนามของ สมาคมไทย

Upload: others

Post on 07-Jul-2020

2 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1: thainationusaและเกล อแร ต าง ๆ ส วนน ำม นหอมระเหยในขม นช น ก ม สรรพค ณบรร เทาอาการปวดท

หนา้ 9ไทยเนชั่นยูเอสเอ

www.thainationusa.com thainationusa Sec.A

THAI ASSOCIATION OF LAS VEGAS, SOUTHERN NEVADA

THAI ASSOCIATION OF LAS VEGAS, SOUTHERN NEVADA

จดหมาย จาก อดีตนายกสมาคมไทยลาสเวกัสนายมานพ ปานแร่ MARK M PANRAE

“ขมิ้นชัน” สมุนไพรชั้นเลิศ ช่วยดูแลสุขภาพ

ขมิ้นชันสีเหลืองๆ เป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยรู้จักนำมาใช้ประโยชน์กันนานแล้ว โดยเฉพาะการนำไปประกอบอาหาร หรือแต่งสี แต่งกลิ่นให้อาหารจานเด็ด ทั้งแกงไตปลา แกงกะหรี่ ไก่ทอด ฯลฯ อู้ย...ฟังชื่อแล้วชักหิวขึ้นมาซะงั้น...แต่ช้าก่อน...วันนี้ เราไม่ได้ชวนเพื่อน ๆ มาทำอาหารที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบหรอกนะจ๊ะ เพราะเราจะมาพูดถึงสรรพคุณทางยาเด็ดๆ ของขมิ้นชันกัน พอจะรู้กันไหมเอ่ย ว่า ขมิ้นชัน ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยอะไรได้บ้าง ถ้ายังนึกไม่ออก ตามไปรู้จักขมิ้นชันให้มากขึ้นกันดีกว่า "ขมิ้นชัน" หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ "ขมิ้น" คนเชียงใหม่เรียกว่า ขมิ้นแกง ขมิ้นหัว ขมิ้นหยอกคนตรัง เรียก ขี้มิ้น หรือ หมิ้น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma longa Linn. เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิงที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกมาด้านข้าง 2 ด้าน ส่วนเนื้อในของเหง้ามีสีเหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวใบเดี่ยวของขมิ้นชันจะแทงออกมาจากเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันเป็นรูปหอก ขนาดใบกว้าง 12-15 เซนติเมตร ยาว 30-40 เซนติเมตร ดอกมีสีเหลืองอ่อน แทงออกมาจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ ปกติจะบานครั้งละ 3-4 ดอก รูปกลมมี 3 พู เหง้าของขมิ้นชันมีสาร สำคัญประเภทเคอร์คูมินอยด์ ซึ่งเป็นสารสีเหลืองประกอบอยู่หลายตัว ทั้ง เดสเมทอกซีเคอร์คูมิน และบิส

เดส เมทอกซีเคอร์คูมิน และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีสารสำคัญอย่าง เทอร์เมอโรน และซิงจิเบอรีน ซึ่งสารทั้งหมดนี้ ช่วยเพิ่มสรรพคุณทางยาให้ขมิ้นชันได้อย่างดี สรรพคุณทางยาของขมิ้นชัน :: มาดูสรรพคุณทางยาของขมิ้นชันกัน ส่วนที่ใช้ก็คือ "เหง้า" ที่มีรสฝาดนั่นเอง โดยเหง้ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ ช่วยบำรุงตับ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ ส่วนน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชัน ก็มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียดได้ด้วย จึงนิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร การศึกษาวิจัยเพิ่มเติมยังพบว่า ขมิ้นมีสรรพคุณบำรุงร่างกายอีกหลายอย่าง ทั้งช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศีรษะ รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยขับน้ำนมสตรีหลังคลอดบุตร แต่ไม่ใช่ว่าปลูกขมิ้นแล้วจะขุดเหง้าขึ้นมา ใช้ประโยชน์ได้ทันทีเลยนะ เพราะเหง้า ที่จะนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้นั้น ต้องมีอายุอย่างน้อย 9-12 เดือนและต้องไม่เก็บไว้นานเกินไปด้วย ไม่เช่นนั้นน้ำมันหอมระเหยจะหายหมด ที่สำคัญต้องเก็บไว้ไม่ให้ถูกแสงแดดด้วยเช่นกัน และห้ามเก็บเกี่ยวในระยะที่ขมิ้นชันเริ่มแตกหน่อ เพราะจะทำให้สารเคอร์คิวมินในขมิ้นชันลดลง ซึ่งก็ทำให้สรรพคุณเด็ด ๆ ของขมิ้นชันหายไปด้วย วิธีนำขมิ้นชันไปใช้รักษาโรค :; หากจะนำขมิ้นชันไปรับประทาน ให้นำขมิ้นชันไปล้างน้ำให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือกออก แล้วหั่นเป็นแว่นชิ้นบาง ๆ นำไปตากแดดจัด ๆ 1-2 วัน แล้วนำมาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขนาดประมาณปลายนิ้วก้อย นำมารับประทานครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน จะช่วยแก้อาการดังกล่าวได้ แต่หากใครรับประทานแล้วท้องเสีย หรือมีอาการจุกเสียดแน่นท้องให้หยุดยาทันที

นอกจากนี้ ยังสามารถนำเหง้าแก่สด ยาวประมาณ 2 นิ้ว มาขูดเปลือกออก นำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำมารับประทาน ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง สำหรับคนที่ซื้อขมิ้นชันแบบผงมารับประทานเอง ให้ใช้สูตรคือ ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) แล้วรับประทาน ขมิ้นชันที่ไหลผ่านอวัยวะภายในต่าง ๆ สามารถบำรุงอวัยวะส่วนนั้นได้ด้วย คือ ผ่านลำคอ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ, ผ่านปอดจะช่วยดูแลปอดให้หายใจได้ดีขึ้น, ผ่านม้ามจะช่วยลดไขมัน ไม่ให้น้ำเหลืองเสีย, ผ่านกระเพาะอาหารจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร, ผ่านลำไส้จะช่วยสมานแผลในลำไส้ และ ผ่านตับก็จะช่วยบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ การใช้ขมิ้นชันเป็นยาทาภายนอก เพื่อรักษาอาการแพ้ แก้อักเสบ ผื่นแดง แมลงสัตว์กัดต่อย ให้นำเหง้าขมิ้นยาวประมาณ 2 นิ้ว มาฝนกับน้ำต้มสุก แล้วทาในบริเวณที่เป็น วันละ 3 ครั้งหรือจะใช้ผงขมิ้นโรยทาบริเวณที่มีอาการผื่นคัน จากแมลงสัตว์กัดต่อยก็ช่วยได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เคยมีการศึกษาพบว่า หากรับประทานขมิ้นชันตามเวลาที่อวัยวะต่าง ๆ เปิดการทำงานจะเกิดประสิทธิผลมากขึ้น เราก็เลยขอนำวิธีการรับประทานขมิ้นชันให้ได้ผลดีมาฝากกัน โดยควรรับประทานขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้- เวลา 03.00-05.00 น. เป็นเวลาของปอด การรับประทานขมิ้นชันในช่วงเวลานี้จะช่วยบำรุงปอด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ทำให้ปอดแข็งแรง และช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง- เวลา 05.00-07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ จะช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ซึ่งถ้าหากคุณเคยรับประทานยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้รับประทานขมิ้นชันเวลานี้ เพราะขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องรับประทานเป็นประจำจึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อช่วยให้ขับถ่ายได้เป็นปกติ

นอกจากนี้ขมิ้นชันยังช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก และปัญหาลำไส้ใหญ่ขับถ่ายน้อยหรือมากจนเกินไปได้เช่นกัน แต่ถ้าหากลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้รับประทานขมิ้นชันพร้อมกับสูตรโยเกิร์ต นมสด น้ำผึ้ง มะนาวหรือน้ำอุ่นก็ได้ เพื่อช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็ก ๆ จำนวนกว่าล้านเส้น ซึ่งขมิ้นชันจะช่วยล้างบริเวณขนนี้ให้สะอาดโดยไม่ให้มีขยะตกค้างอยู่ที่ขน และเมื่อขนสะอาดจะทำให้ไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว ป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและโรคมะเร็งลำไส้ได้เช่นกัน- เวลา 07.00-09.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะอาหารจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และยังลดอาการท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมองและป้องกันความจำเสื่อมได้- เวลา 09.00-11.00 น. เป็นเวลาของม้าม ขมิ้นชันจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป และผอมเกินไปซึ่งเกี่ยวข้องกับม้าม นอกจากนี้ยังลดอาการของโรคเกาต์ ลดอาการเบาหวาน- เวลา 11.00-13.00 น. เป็นเวลาของหัวใจ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ หากทานขมิ้นชันเวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง แต่ถ้าหากรับประทานขมิ้นชันเลยเวลา 11.00 น. ไปแล้ว ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับแล้วตับจะส่งมาที่ปอด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง (แต่ส่วนมากมักไปไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง) จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง- เวลา 15.00-17.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ขมิ้นชันจะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรรับประทานน้ำกระชายเวลานี้ จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออกจะดีมากเพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้ นอกจากนี้ หากรับประทานขมิ้นชันเลยจากช่วงเวลานี้ไปจนถึงเวลานอน จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้นและเมื่อตื่นนอนตอนเช้าก็จะไม่ค่อยอ่อนเพลีย ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นด้วย ขมิ้นชัน กับการบำรุงผิวพรรณ :: รู้จักสรรพคุณทางยากันไปแล้ว คราวนี้ขอเอาใจคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามกันบ้าง เชื่อว่าสาวๆต้องเคยเห็นคนนำขมิ้นมาทาใบหน้า หรือตามผิวหนังหลังอาบน้ำแน่ ๆ เลย ซึ่งนั่นเป็นวิธีการบำรุงผิวอย่างหนึ่งค่ะ เพราะขมิ้นจะช่วยให้ผิวพรรณนุ่มนวลผ่องใสขึ้น แถมยังมีสรรพคุณป้องกันการงอกของขน ทำให้ผิวพรรณดูเกลี้ยงเกลาละเอียดเชียวล่ะ.

ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๙๔ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖o Vol. 11 No.194 December 2017

รายละเอียดข้างนี้คือ ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็ปไซต์ของสำนักเลขาธิการ รัฐเนวาด้า Nevada Secretary of State http://nvsos.gov เป็นเว็ปไซต์สาธารณะ ที่ใครๆก็สามารถเข้าไปดูได้ ไม้เป็นความลับแต่อย่างใด...ในเว็ปไซต์ของ SOS ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่า ในขณะนี้ไม่มีสมาคมไทยลาสเวกัส คือ สถานะภาพสิ้นสุดไปแล้ว Status : Dissolved คณะกรรมการที่รายชื่อทั้งหมดในนั้น จึงไม่สามารถดำเนินกิจกรรมในนนามของสมาคมไทย