ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ( renaissance) 17 ·...
TRANSCRIPT
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ( Renaissance)
การส ารวจและค้นพบดนิแดนใหม่
การปฏิรูปศาสนา ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ คริสต์ศตวรรษที่ 17 ยุคแห่งเหตุผล
เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม คริสต์ศตวรรษที่ 19
การอพยพย้ายเข้าสูภ่าคพื่นยุโรปและอเมริกา
สังคมยุโรปเกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆดังนี ้
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม
ชนชั้นกลาง อยู่ดีกินดี , ชนชั้นกรรมกร ถูกเอารัดเอาเปรียบ
สังคมยุโรปเกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆดังนี ้
การเติบโตของแนวคิดเสรีนิยม
มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองและเศรษฐกิจ
การเรียกร้องความเสมอภาคหรือแนวคิดเสรีนิยมท าให้ชนชั้นกลางสามารถเลื่อนฐานะทางสังคมได้ง่ายโดยไม่ต้องค านึงถึงชาติตระกูล
มีการเรียกร้องประชาธิปไตยในหลายประเทศ
การเติบโตของแนวคิดสังคมนิยม
เกิดจากชนชั้นกรรมกรท่ีถูกเอารัดเอาเปรียบ
ต้องการแก้ไขให้สังคมมคีวามเสมอภาคทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
***นักคิดคนส าคัญคือ คาร์ล มาร์กซ์
เร่งการเจริญเติบโตของระบบทุนนิยม
เกิดความเลื่อมล้ าทางเศรษฐกิจทั้งภายในและนอกประเทศ
เกิดการแข่งขันและการพึ่งพากันทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ
การปฏิวัติอุตสาหกรรมน าไปสู่การแย่งชิงความเป็นใหญ่ทางเศรษฐกิจ
ท าให้ประเทศผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นมหาอ านาจและมั่งคั่งมาก
เกิดลัทธิการเมืองใหม ่
มีการท าการเกษตรแบบปิดล้อม
การปฏิวัติอุตสาหกรรมก่อให้เกิดแนวความคิดต่างๆมากมาย ดังนี ้
ลัทธิเสรีนิยม ลัทธิสังคมนิยม
ลัทธิเสรีนิยม อดัม สมิธ
เศรษฐกิจแบบเสรี
เขียนไว้ในหนังสือชื่อ “ The Wealth of Nation”
ลัทธสิังคมนิยม
แนวความคิดเรียกร้องสิทธิและความชอบธรรมให้กรรมกรต่อต้านการเอารัดเอาเปรียบของนายทุน
แบ่งลัทธิสังคมนยิมได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มสังคมนิยมยูโทเปีย สังคมนิยมแบบเพ้อฝันแบ่งทรัพย์สินในระบบสหกรณ์
*** สังคมนิยมยูโทเปีย เริ่มจาก เซอร ์โธมัส มอร ์ ( Sir Thomus More) ได้เขียนแนวความคิดเกี่ยวกับสังคมในอุดมคติในหนังสือ “ Utopia Socialism “
แบ่งลัทธิสังคมนยิมได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
สังคมนิยมคาร์ล มาร์กซ ์ สังคมนิยมคอมมิวนิสต์หรือสังคมนิยมวิทยาศาสตร์
อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส
พัฒนาการระบอบประชาธิปไตยในอังกฤษ
การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยในประเทศอังกฤษเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
พัฒนาการระบอบประชาธิปไตยในอังกฤษ
ค.ศ. 1215 ขุนนางอังกฤษรวมตัวกันต่อต้านอ านาจการกดขี่ของพระเจ้าจอห์น ที่ 5
บีบบังคับให้พระเจ้าจอห์นที่ 5 ยอมรับใน “กฎบัตรแมกนาคารต์า”
“กฎบัตรแมกนาคาร์ตา”
จ ากัดพระราชอ านาจสทิธข์าดและการกระท าอันมิชอบของพระองค ์
ในฐานะกษัตริย์อังกฤษจะมิทรงอยูเ่หนือกฎหมาย เช่นหากพระมหากษัตริย์จะเรียกเก็บภาษีทุกครั้งต้องผ่านการเห็นชอบจากสภาทุกครัง้
ดังนั้นกฎบัตรแมกนาคารต์า จึงเป็นการวางรากฐานรัฐธรรมนูญของประเทศอังกฤษ ซึ่งต่อมาได้มีการจัดตั้งสภาขุนนางและสภาสามัญรวมกันเรียก “รัฐสภา” เพื่อถ่วงดุลอ านาจกษัตริย์
เวลาผ่านไปมีกษัตริย์อังกฤษหลายพระองค์พยายามระเมิดกฏบัตรแมกนาคารต์า จึงเกิดความขัดแย้งกันระหว่างกษัตริย์และขุนนาง
จนในที่สุดเหล่าขุนนางได้ยื่นฎีกาเรียกร้องสิทธิ ในปี 1628 น าไปสู่การต่อสู้เป็นสงครามทางการเมืองระหว่างกษัตริย์และขุนนางในปี ค.ศ. 1640
พระเจ้าชาร์ลสท์ี่ 1 ถูกจับส าเร็จโทษท าให้อังกฤษมีการเปลี่ยนการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐภายใต้การน าของ
โอลเิวอร์ ครอมเวลล์ (Oliver Cromwell)
ช่วงปี ค.ศ. 1660 เกิดเหตุการณ์ “ปฏิวัติอันรุ่งโรจน”์ ในสมัยพระเจ้าชาร์ลสท์ี่ 2 ท าให้อังกฤษเปลี่ยนการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยอย่างถาวร