๑ ป ฺจสตภิกฺขุวตฺถุ ปทา ·...
TRANSCRIPT
1
๒๐. มคฺควคฺค ๑. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ
[๒๗๓] มคฺคานฏงฺคิโก เสฏโ สจฺจาน ํ จตุโร ปทา วิราโค เสฏโ ธมฺมาน ํ ทปิทานฺจ จกฺขุมา. [๒๗๔] เอเสว1 มคฺโค นตฺถฺโ ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยา เอตฺหิ ตมุเฺห ปฏิปชฺชถ มารสฺเสตํ ปโมหน.ํ [๒๗๕] เอตฺหิ ตมุเฺห ปฏิปนฺนา ทุกฺขสฺสนฺต ํ กริสฺสถ อกฺขาโต โว2 มยา มคฺโค อฺาย สลฺลสตฺถน.ํ3 [๒๗๖] ตุเมฺหห ิ กิจฺจ ํ อาตปฺป อกฺขาตาโร ตถาคตา ปฏิปนฺนา ปโมกฺขนฺติ ฌายิโน มารพนฺธนา.
๒. อนิจฺจลกฺขณวตฺถุ [๒๗๗] “สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา”ต ิ ยทา ปฺาย ปสฺสติ
อถ นพฺิพินฺทต ิ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
๓. ทุกฺขลกฺขณวตฺถุ [๒๗๘] “สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา”ต ิ ยทา ปฺาย ปสฺสติ
อถ นิพฺพินฺทต ิ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
๔. อนตฺตลกฺขณวตฺถุ [๒๗๙] “สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา”ต ิ ยทา ปฺาย ปสฺสติ อถ นิพฺพินฺทต ิ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
๕. ปธานกมฺมิกติสฺสตฺเถรวตฺถ ุ[๒๘๐] อุฏานกาลมฺห ิ อนุฏหาโน ยุวา พลี อาลสิยํ อุเปโต สํสนฺนสงฺกปฺปมโน4 กุสีโต ปฺาย มคฺค ํ อลโส น วินฺทต.ิ
1 สี.อิ. เอโสว 2 สี.อิ. อกฺขาโต เว 3 ฉ.ม. สลิลกนฺตนํ, สี.อิ. สลฺลสนฺถน ํ4 ม. อสมฺปนฺนสงฺกปฺปมโน
2
๖. สูกรเปตวตฺถ ุ[๒๘๑] วาจานุรกฺขี มนสา สุสํวุโต กาเยน จ อกุสลํ น กยิรา5 เอเต ตโย กมฺมปเถ วิโสธเย อาราธเย มคฺค ํ อิสิปฺปเวทิตํ.
๗. โปฏ ิลตฺเถรวตฺถ ุ[๒๘๒] โยคา เว ชายเต6 ภูริ อโยคา ภูริสงฺขโย เอตํ เทวฺธา ปถํ ตฺวา ภวาย วิภวาย จ ตถตฺตานํ7 นิเวเสยฺย ยถา ภูริ ปวฑฺฒติ.
๘. สมฺพหุลมหลฺลกภิกฺขุวตฺถุ [๒๘๓] วน ํ ฉินฺทถ มา รุกฺขํ วนโต ชายตี8 ภยํ เฉตฺวา วนฺจ วนถฺจ นิพฺพนา โหถ ภิกฺขโว. [๒๘๔] ยาว ห ิ วนโถ น ฉิชฺชต ิ อณุมตฺโตป นรสฺส นาริสุ ปฏิพทฺธมโน9 ว ตาว โส วจฺโฉ ขีรปโกว10 มาตริ.
๙. สารีปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกวตฺถุ11 [๒๘๕] อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน กุมุท ํ สารทิกํว ปาณินา สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย นิพฺพาน ํ สุคเตน เทสิต.ํ
5 ฉ.ม. นากุสลํ กยิรา 6 ฉ.ม. ชายตี 7 ฉ.ม. ตถาตฺตานํ 8 ฉ.ม. ชายเต 9 ม. ปฏิพนฺธมโน 10 อิ. ขีรปาโนว 11 ฉ.ม.สี.อิ. สุวณฺณการตฺเถรวตฺถ ุ
3
๑๐. มหาธนวาณิชวตฺถุ [๒๘๖] อิธ วสฺสํ วสิสฺสามิ อิธ เหมนฺตคิมฺหิส ุ อิติ พาโล วิจินฺเตต ิ อนฺตรายํ น พุชฺฌต.ิ
๑๑. กิสาโคตรมีวตฺถุ [๒๘๗] ต ํปุ ตฺตปสุสมฺมตฺตํ พฺยาสตฺตมนส ํ นร ํ สุตฺตํ คามํ มโหโฆว มจฺจ ุ อาทาย คจฺฉต.ิ
๑๒. ปฏาจาราวตฺถ ุ[๒๘๘] น สนฺต ิ ปุตฺตา ตาณาย น ปตา นป พนฺธวา อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส นตฺถิ าตีสุ ตาณตา. [๒๘๙] เอตมตฺถวสํ ตฺวา ปณฺฑิโต สีลสํวุโต นิพฺพานคมน ํ มคฺค ํ ขิปฺปเมว วิโสธเย.
มคฺควคฺโค วีสติโม.
_______________________
๒๐. มัคควรรค หมวดวาดวยมรรค ๑. ปญจสตภิกขวุัตถุ เรื่องภิกษุ ๕๐๐ รูป
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกภิกษุ ๕๐๐ รูป ดังนี)้ [๒๗๓] บรรดามรรค มรรคมีองค ๘ ประเสริฐที่สุด
บรรดาสัจจะ อริยสัจ ๔ ประเสริฐที่สุด บรรดาธรรม วิราคธรรม12ประเสริฐที่สุด บรรดาสัตวสองเทา13 ตถาคตผูมีจักษุ14 ประเสริฐที่สุด15
[๒๗๔] ทางเพ่ือความหมดจดแหงทัสสนะ คือทางนี้เทานั้น มิใชทางอื่น (มีทาง16นี้เทานั้น เพ่ือความบริสุทธ์ิแหงทัสสนะ ไมมทีางอื่น)
12 วิราคธรรม หมายถึงนิพพาน (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๗๓/๒๙๘) 13 สัตวสองเทา ในที่นี้หมายถึงมนุษย (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๗๓/๒๙๘) 14 จักษุ ในที่นี้หมายถึงปญญาจักษุ (วิ.อ. (บาลี) ๓/๑๓/๑๗) 15 อภิ.ก. (ไทย) ๓๗/๘๗๒/๙๐๒
4
เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายจงดําเนินไปตามทางนี้แล เพราะทางนี้เปนทางลวงมารใหหลง
[๒๗๕] ดวยวา เธอทั้งหลายดําเนินไปตามทางนี้แลว จักทําที่สุดแหงทุกขได เรารูวิธีถอนลูกศรคือกิเลสแลว จึงชี้บอกทางนี้แกเธอทั้งหลาย
[๒๗๖] เธอทั้งหลายควรทําความเพียรเองเถิด ตถาคตเปนเพียงผูชี้บอกเทานั้น ผูบําเพ็ญภาวนา ดําเนินตามทางนี้แลว เพงพินิจอยู จักพนจากเครื่องผูกแหงมารได17
๒. อนิจจลักขณวัตถุ เรื่องอนิจจลักษณะ
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกภิกษุทั้งหลาย ดังนี)้ [๒๗๗] เมื่อใด อริยสาวกพิจารณาเห็นดวยปญญา18วา
สังขารทั้งหลายทั้งปวงไมเที่ยง เมื่อนั้น ยอมหนายในทุกข นั่นเปนทางแหงความบริสุทธ์ิ
๓. ทุกขลักขณวัตถุ เรื่องทุกขลักษณะ
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกภิกษุทั้งหลาย ดังนี)้ [๒๗๘] เมื่อใด อริยสาวกพิจารณาเห็นดวยปญญาวา
สังขารทั้งหลายทั้งปวงเปนทุกข เมื่อนั้นยอมหนายในทุกข นั่นเปนทางแหงความบริสุทธ์ิ
๔. อนัตตลักขณวัตถุ เรื่องอนัตตลักษณะ
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกภิกษุทั้งหลาย ดังนี)้ [๒๗๙] เมื่อใด อริยสาวกพิจารณาเห็นดวยปญญาวา
16 ทาง ในที่นี้หมายถึงอริยมรรคมีองค ๘ (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๗๔/๒๙๘) 17 เครื่องผูกแหงมาร หมายถึงวัฏฏะอันเปนไปในภูมิ ๓ (กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ) (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๗๖/๒๙๙) 18 เห็นดวยปญญา หมายถึงเห็นดวยวิปสสนาปญญา (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๗๗/๓๐๐)
5
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเปนอนัตตา เมื่อนั้น ยอมหนายในทุกข นั่นเปนทางแหงความบริสุทธ์ิ19
๕. ปธานกัมมิกติสสเถรวัตถุ เรื่องพระปธานกัมมิกติสสเถระ
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกภิกษุทั้งหลาย ดังนี)้ [๒๘๐] คนที่ไมขยันในเวลาที่ควรขยัน
ทั้งที่ยังหนุมยังสาว มีกําลัง แตกลับเกียจคราน มีความคิดใฝต่ํา20 ปราศจากความเพียร เกียจครานมาก ยอมไมประสบทาง21ดวยปญญา
๖. สูกรเปตวัตถุ เรื่องสูกรเปรต
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกภิกษุทั้งหลาย ดังนี)้ [๒๘๑] บุคคลพึงรักษาวาจา22 พึงสํารวมใจ23
และไมพึงทําความชั่วทางกาย24 พึงชําระกรรมบถทั้ง ๓ ประการนี้ใหหมดจด จะพึงพบทางที่พระพุทธเจาประกาศไว
๗. โปฐิลเถรวัตถุ เรื่องพระโปฐิลเถระ
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกโปฐิลเถระ ดังนี)้ [๒๘๒] ปญญา25เกิดเพราะการประกอบ26
และเสื่อมไปเพราะการไมประกอบ
19 ขอ ๒๗๗-๒๗๙ ดูเทียบ ขุ.เถร. (ไทย) ๒๖/๖๗๖-๖๗๘/๔๗๕-๔๗๖, อภิ.ก. (ไทย) ๓๗/๗๕๓/๗๙๘-๗๙๙ 20 มีความคิดใฝต่ํา หมายถึงหมกมุนในมจิฉาวิตก ๓ ประการ คือ กามวิตก พยาบาทวิตก และวิหิงสาวิตก (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๐/๓๐๓) 21 ทาง หมายถึงอริยมรรค (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๐/๓๐๓) 22 รักษาวาจา หมายถึงระมัดระวังวาจา โดยเวนจากวจีทุจริต ๔ อยาง (เวนจากการพูดเท็จ เวนจากการ พูดคําหยาบ เวนจากการพูดสอเสียด เวนจากการพูดเพอเจอ) (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๑/๓๐๗) 23 สํารวมใจ หมายถึงควบคุมใจ โดยไมใหมโนทุจริตเกิดขึ้น (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๑/๓๐๗) 24 ความชั่วทางกาย หมายถึงกายทุริต ๓ อยาง (ฆาสัตว ลักทรัพย ประพฤติผิดในกาม) (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๑/๓๐๗) 25 ปญญา แปลจากคําวา “ภูร”ิ ซึ่งเปนชื่ออีกชื่อหนึ่งของปญญา (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๒/๓๑๐, อภิธา.ฏีกา (บาลี) ๑๕๒-๑๕๔/๑๒๑) 26 การประกอบ หมายถึงมนสิการโดยแยบคายในอารมณธรรม ๓๘ ประการ (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๒/๓๑๐)
6
เมื่อรูทางเจริญและทางเสื่อมแหงปญญาทั้ง ๒ ทางนี้แลว บุคคลพึงตั้งตนโดยวิธีที่ปญญาจะเจริญย่ิงขึ้น
๘. สัมพหุลมหัลลกภิกขุวัตถุ เรื่องภิกษุแกหลายรูป
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกภิกษุทั้งหลาย ดังนี)้ [๒๘๓] ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงตัดปา27 แตอยาตัดตนไม
เพราะภัย28ยอมเกิดจากปา เธอทั้งหลายครั้นตัดปา และหมูไมในปาแลว29 จงเปนผูไมมีปาอยูเถิด
[๒๘๔] ตราบใด บุรุษยังไมตัดหมูไมในปา แมเพียงเล็กนอยในสตรีทั้งหลาย ตราบนั้น เขายอมมีใจผูกพัน เหมือนลูกโคที่ยังดื่มนมมีใจผูกพันในแมโค ฉะนั้น
๙. สารีปุตตเถรสัทธิวิหาริกวัตถุ เรื่องสัทธิวิหาริกของพระสารีบุตรเถระ
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกภิกษุผูเปนศิษยของพระสารีบุตร ดังนี)้ [๒๘๕] เธอจงตัดความรักของตน
เหมือนตัดดอกบัวที่เกิดในสารทกาล จงเพ่ิมพูนทางแหงสันติ30เทานั้น เพราะพระสุคตเจาแสดงนิพพานไวแลว
๑๐. มหาธนวาณิชวัตถุ เรื่องพอคามีทรัพยมาก
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกพอคาผาที่พักอยูริมฝงแมน้ํา ดังนี)้ [๒๘๖] คนพาลมักคิดเชนนี้วา “เราจักอยูที่นี่ตลอดฤดูฝน
เราจักอยูที่นี่ตลอดฤดูหนาวและฤดูรอน” ชื่อวายอมไมรูอันตราย31ที่จะมาถึงตน
27 ปา ในที่นี้หมายถึงกิเลสมีราคะ เปนตน (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๓/๓๑๒) 28 ภัย ในที่นี้หมายถึงภัยคือชาติ (การเกิด) เปนตน ที่เกิดจากปาคือกิเลส (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๓/๓๑๒) 29 หมูไมในปา หมายถึงกิเลสอื่น ๆ ที่ใหวิบาก หรือที่ใหเกิดในภพตอ ๆ ไป (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๓/๓๑๒) 30 ทางแหงสันติ หมายถึงมรรคมีองค ๘ ที่ยังสัตวใหถึงนิพพาน (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๕/๓๑๕) 31 อันตราย หมายถึงความตาย (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๖/๓๑๗)
7
๑๑. กิสาโคตมีวัตถุ เรื่องนางกิสาโคตมี
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกนางกิสาโคตมี ดังนี)้ [๒๘๗] นรชนผูมัวเมาในบุตรและปศุสัตว
มีใจเก่ียวของในอารมณตาง ๆ32 ยอมถูกมฤตยูคราไป เหมือนชาวบานผูหลับไหลถูกหวงน้ําพัดพาไป ฉะนั้น
๑๒. ปฏาจาราวัตถุ เรื่องนางปฏาจารา
(พระผูมีพระภาคตรัสพระคาถานี้แกนางปฏาจารา ดังนี)้ [๒๘๘] บุคคลเมื่อถึงคราวจะตาย
บุตรทั้งหลายก็ตานทานไวไมได บิดาก็ตานทานไวไมได พวกพองก็ตานทานไวไมได แมญาติพ่ีนองก็ตานทานไวไมได
[๒๘๙] บัณฑิตผูสํารวมในศีล รูความจริงนีแ้ลว พึงรีบเรงชําระทางอันจะนําไปสูนิพพาน
มัคควรรคท่ี ๒๐ จบ
_______________________
32 มีใจเกี่ยวของในอารมณตาง ๆ หมายถึงปรารถนาอยากไดทรัพยสมบัติเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ (ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๒๘๗/๓๑๘)