16capital struture
TRANSCRIPT
27/12/2005 ณัฐวุฒิครองขจรสุข 1
บทที่16โครงสรางเงินทุน
2
Basic Concepts
มูลคาของธุรกิจ(V) =
ตนทุนเงินทุน(WACC) = wd = สัดสวนของทุนจากหนี้สินT = อัตราภาษีเงินไดนิติบุคคลrd = ตนทุนของหนี้สินwe = สัดสวนของทุนจากสวนของผูถือหุนrs = ตนทุนของสวนของผูถือหุน
)1(....
)1()1( 22
11
WACCFCF
WACCFCF
WACCFCF
sedd rwrTw )1(
3
Basic Concepts (cont.)
rd < rs เนื่องจากผูถือหุน(ซึ่งเรียกรองไดเปนรายสุดทายหรือเปนResidual Claimer) มีความเสี่ยงมากกวาเจาหนี้จึงตองการผลตอบแทนสูงกวาโครงสรางเงินทุน(Capital Structure) คือwdและwe ที่บริษัทเลือกใช(เชนบริษัทเลือกระดมทุนจากการกอหนี้20% และระดมทุนจากสวนของผูถือหุน80%)
4
Basic Concepts (cont.)
wd และwe ที่ถูกเลือกจะสงผลกระทบตอWACC และFCFV จึงไดรับผลกระทบดวย
โครงสรางเงินทุนที่เหมาะสม(Optimal CapitalStructure) คือwd และwe ที่ทําใหV สูงสุด(ทําใหWACC ต่ําสุดนั่นเอง)
5
ผลกระทบของการเพิ่มwd ตอสวนตางๆในWACCwd สูงขึ้น WACC สูงขึ้นถาสวนอื่นไมเปลี่ยน
we ต่ําลง WACC ต่ําลงถาสวนอื่นไมเปลี่ยน
rs สูงขึ้นเนื่องจากมีความไมแนนอนสูงขึ้นที่ผูถือหุนจะเรียกรองไมได WACC สูงขึ้นถาสวนอื่นไมเปลี่ยน
6
ผลกระทบของการเพิ่มwd ตอสวนตางๆในWACC (ตอ)rd สูงขึ้นเนื่องจากความนาจะเปนของการลมละลาย(Probability of Bankruptcy) เพิ่มสูงขึ้น WACC สูงขึ้นถาสวนอื่นไมเปลี่ยน
ลดหยอนภาษีไดเพิ่มขึ้น(Trd สูงขึ้น) WACC ต่ําลงถาสวนอื่นไมเปลี่ยน
ผลกระทบโดยรวมตอWACC จึงไมแนนอนขึ้นอยูกับวาสวนไหนเปลี่ยนแปลงเยอะกวา
7
ผลกระทบของการเพิ่มwd ตอFCF
การเพิ่มwd ทําใหความนาจะเปนของการลมละลายสูงขึ้นซึ่งอาจทําใหFCF ต่ําลง(และV ต่ําลง) เนื่องจากยอดขาย(Sales) ต่ําลงจากความเชื่อมั่นของลูกคาที่ต่ําลงผลิตภาพ(Productivity) ของลูกจางและผูจัดการต่ําลงเนื่องจากความกังวลในการหางานใหมบัญชีเจาหนี้การคา(Account Payables) ต่ําลงเนื่องจากเจาหนี้ไมเชื่อถือจึงไมยอมใหซื้อเชื่อเทาเดิมทําใหตนทุนหมุนเวียนสุทธิ(Net WorkingCapital) สูงขึ้น
8
ผลกระทบของการเพิ่มwd ตอตนทุนตัวแทน(Agency Costs)ความนาจะเปนของการลมละลายที่สูงขึ้นอาจสงผลกระทบตอพฤติกรรมของตัวแทน(ผูจัดการของบริษัท) 2 ทางลดคาใชจายที่ไมจําเปน ตนทุนตัวแทนต่ําลง FCF สูงขึ้น V สูงขึ้นถาอยางอื่นไมเปลี่ยนแปลงไมกลาลงทุนในโครงการที่มีNPV > 0 กอใหเกิดปญหาการลงทุนที่นอยเกินไป(Underinvestment) ตนทุนตัวแทนสูงขึ้น FCF ต่ําลง V ต่ําลงถาอยางอื่นไมเปลี่ยนแปลง
ผลกระทบรวมตอV ไมแนนอนขึ้นอยูกับวาสวนไหนเปลี่ยนแปลงเยอะกวา
9
ขอมูลอสมมาตร(Asymmetric
Information) ในการออกหุนนิยาม: ผูจัดการของบริษัทอยูในสถานะที่จะคาดการณวาFCF ในอนาคตของบริษัทจะเปนเชนไรดีกวานักลงทุนผลลัพธ: การออกหุนเพิ่มเติมเปนสัญญาณไมดี
(Negative Signal)นักลงทุนมักมองวาราคาขายของหุนที่ผูจัดการของบริษัทเสนอสูงเกินจริง(ไมมีใครอยากขายของที่ขาดทุน) V แทจริงต่ํากวานี้ กลไกของตลาดมักทําใหราคาหุนของบริษัท(ซึ่งสะทอนถึงV)ต่ําลง(มีประเด็นเพิ่มเติมในSignaling Theory)
10
ความเสี่ยงทางธุรกิจ(Business Risk)ความหมาย:ความเสี่ยงที่ผูถือหุนสามัญของบริษัทจะตองเผชิญถาบริษัทไมมีการกอหนี้
วัดไดจากความผันผวนหรือคาเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทนจากทุนที่ลงไป(Return on Invested Capital or ROIC) ของบริษัทROIC = EBIT(1 – T)/Capital ความผันผวนในROIC เกิดจากความผันผวนของEBITกับCapitalNet Operating Profit After Taxes (NOPAT)
= EBIT(1-T)
11
ปจจัยที่สงผลกระทบตอความเสี่ยงทางธุรกิจความผันผวน(Variability) ของอุปสงค(Demand)ความผันผวนของราคาขาย(Sale Price)ความผันผวนของตนทุนของปจจัยการผลิต(Input
Cost)ความสามารถในการปรับราคาของผลิตภัณฑ(Output
Price) เมื่อตนทุนของปจจัยการผลิตเปลี่ยนไปอายุของผลิตภัณฑ(ยิ่งเสียเร็วยิ่งมีความเสี่ยงทางธุรกิจสูง)
ระดับความเสี่ยงจากภายนอกประเทศ(Foreign RiskExposure)
ระดับภาระผูกพันจากการดําเนินงาน(OperatingAverage)
12
Operating Averageนิยาม:ระดับการเปลี่ยนแปลงของEBIT จากการเปลี่ยนแปลงของยอดขาย(Sale) ถาปจจัยอื่นคงที่
ตนทุนคงที่(Fixed Cost) เปนปจจัยหลักที่สงผลกระทบตอภาระผูกผันจากการดําเนินงานผลิตภัณฑที่ตองใชเทคโนโลยีการผลิตระดับสูงจะมีตนทุนคงที่ที่สูงซึ่งทําใหมีภาระผูกผันจากการดําเนินงานสูงดวย ระดับการเปลี่ยนแปลงของEBIT จากการเปลี่ยนแปลงของSale สูง ความผันผวนของROIC สูง(ในขณะที่ROIC คาดหมายจะสูงขึ้นดวย) Business Risk สูง
13
ความเสี่ยงทางการเงิน(Financial Risk)ความหมาย:ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากความเสี่ยงทางธุรกิจซึ่งผูถือหุนสามัญของบริษัทจะตองเผชิญถาบริษัทตัดสินใจกอหนี้(มีภาระผูกพันทางการเงินหรือFinancial Leverage) หรือเพิ่มเงินกูเขาไปในโครงสรางเงินทุนเนื่องจากมีความเปนไปไดที่บริษัทจะไมสามารถจายชําระเงินตนและดอกเบี้ยได
ภาระผูกพันทางการเงินจะทําใหความเขมขนของความเสี่ยงทางธุรกิจที่ผูถือหุนสามัญแตละคนตองเผชิญจะเพิ่มขึ้นดวยนึกถึงสถานการณตอนที่บริษัทระดมทุนจากเจาของหุน10 คนกับสถานการณที่บริษัทระดมทุนจากเจาของหุน5 คนกับเจาหนี้5 คน
14
ผลกระทบของภาระผูกพันทางการเงินตอผลตอบแทนตอสวนของผูถือหุนสามัญROE (Return on Equity) = กําไรสุทธิที่เหลือใหผูถือหุนสามัญ÷ สวนของผูถือหุนสามัญกําไรสุทธิที่เหลือใหผูถือหุนสามัญ= (EBIT –
Interest)*(1-T)
ROIC = EBIT(1 – T)/Capital ROE =ROIC เมื่อบริษัทไมมีหนี้
15
ผลกระทบฯ(ตอ)การกอหนี้ไมสงผลกระทบตอEBIT เนื่องจากการคํานวณEBIT ไมไดพิจารณาถึงคาใชจายจากการจายดอกเบี้ยจึงไมสงผลกระทบตอBEP = EBIT/TA และ
ROIC ดวย(มูลคาคาดหมายและคาเบี่ยงเบนมาตรฐานของตัววัดเหลานี้จะไมเปลี่ยนแปลงไมวาบริษัทจะกอหนี้หรือไม)
ROE หรือROE คาดหมายจะเพิ่มขึ้นเมื่อบริษัทมีการกอหนี้เนื่องจากตัวหาร(Capital) ลดลงเปนสัดสวนมากกวาการลดของตัวตั้ง(EBIT –Interest)*(1-T)เพราะคาใชจายจากดอกเบี้ยลดหยอนภาษีได
16
ผลกระทบฯ(ตอ)
การกอหนี้ทําใหความผันผวนของROE สูงขึ้น(คาเบี่ยงเบนมาตรฐานสูงขึ้น) เนื่องจากบริษัทมีภาระผูกพันจากการตองจายดอกเบี้ยถาเศรษฐกิจไมดี อุปสงคต่ํา รายไดสุทธิยิ่งต่ํากวาในกรณที่ีไมมีหนี้
ความเสี่ยงทางการเงินวัดไดจากσROE - σROIC
17
ทฤษฎีโครงสรางเงินทุน(CapitalStructure Theory)นักวิเคราะหพยายามหาเหตุผลในการอธิบายวา
ทําไมสองบริษัทในอุตสาหกรรมที่ตางกันจึงมีโครงสรางเงินทุนที่แตกตางกัน
ทําไมสองบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันจึงมีโครงสรางเงินทุนที่แตกตางกัน
ทฤษฎีของMM (Modigliani and Miller)แบบไมมีภาษีเงินไดนิติบุคคล(Zero taxes)
แบบมีเฉพาะภาษีเงินไดนิติบุคคล(Corporate taxes)
แบบมีทั้งภาษีเงินไดนิติบุคคลและภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา(Corporate and personal taxes)
18
Capital Structure Theory(cont.)
ทฤษฎีไดอยางเสียอยาง(Trade-off theory)
ทฤษฎีการใหสัญญาณ (Signaling theory)
ใชการระดมทุนดวยการกอหนี้เปนเงื่อนไขบังคับการบริหาร
19
MM (1958) Theory: ZeroTaxes
WACC =ภายใตสมมติฐานหลายๆประการVL = VUVL = มูลคาของบริษัทที่มีการกอหนี้VU = มูลคาของบริษัทที่ไมมีการกอหนี้
Intuition:ผลกระทบโดยรวมของการเพิ่มwd ตอสวนตางๆในWACCเปนศูนย(การเพิ่มwd และลดws มีผลดีเนื่องจากrd < rsแตวาผลดีจะถูกหักลางดวยการเพิ่มของrsเนื่องจากความเสี่ยงที่ผูถือหุนจะเรียกรองไมไดมีสูงขึ้น)
การเพิ่มของROE จากการกอหนี้จะถูกหักลางดวยการเพิ่มของความเสี่ยง
sedd rwrw
20
Cost ofCapital (%)
26
20
14
8
0 20 40 60 80 100Debt/ValueRatio (%)
rs
WACC
rd
MM (1958) Theory: ZeroTaxes (cont.)
21
Value of Firm, V (%)4
3
2
1
0 0.5 1.0 1.5 2.0 2.5Debt (millions of $)
VLVU
Firm value ($3.6 million)
MM (1958) Theory: ZeroTaxes (cont.)
Implication:
โครงสรางเงินทุนไมเปลี่ยนแปลงมูลคาของธุรกิจ
22
MM (1963) Theory: CorporateTaxes
WACC =ภายใตสมมติฐานหลายๆประการVL = VU + TDTD = อัตราภาษี*จํานวนของหนี้สิน ยิ่งกอหนี้มากVLยิ่งสูง
Intuition:ผลกระทบโดยรวมของการเพิ่มwd ตอสวนตางๆใน
WACC เปนบวกนั่นคือการเพิ่มwd จะทําใหWACC ลดลง(ผลดีจากการไดลดหยอนภาษีสูงกวาผลเสียดานอื่นๆจากการเพิ่มwd) ยิ่งกอหนี้มากWACC ยิ่งต่ํา
การเพิ่มของความเสี่ยงจากการกอหนี้(rs) ไมมากเทากรณีกอนที่ลดหยอนภาษีไมได
sedd rwrTw )1(
23
Cost ofCapital (%)
0 20 40 60 80 100Debt/ValueRatio (%)
rs
WACCrd(1 - T)
MM (1963) Theory:Corporate Taxes (cont.)
24
Value of Firm, V (%)4
3
2
10 0.5 1.0 1.5 2.0 2.5
Debt(Millions of $)
VL
VU
TD
MM (1963) Theory:Corporate Taxes (cont.)
Implication:
โครงสรางเงินทุนของบริษัทควรเปนหนี้สิน100%
25
Miller (1977)’s Theory:Corporate and Personal Taxes
ภายใตสมมติฐานหลายๆประการ
Tc = อัตราภาษีเงินไดนิติบุคคลTs = อัตราภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาของรายไดจากการถือหุนสามัญ (Stocks)Td = อัตราภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาของรายไดจากการถือหุนกู(Bonds)Tc > Td > Ts
DT
TTVV
d
scUL
1)1)(1(
1
26
Miller (1977)’s Theory (cont.)
อัตราภาษีในไทย:กรณผีูมีเงินไดเปนนิติบุคคลที่ไดรับเงินกําไรจากการขายหลักทรัพย, เงินปนผล, และดอกเบี้ยตองนํารายไดดังกลาวมารวมคํานวณหากําไรสุทธิเพื่อเสียภาษีในอัตรารอยละ30เงินกําไรจากการขายหลักทรัพยหักภาษีณ ที่จายรอยละ15 (ยกเวนการขายหลักทรัพยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย)เงินปนผลหักภาษีณที่จายรอยละ10ดอกเบี้ยหุนกูและพันธบัตรหักภาษีณ ที่จายรอยละ15
27
Miller (1977)’s Theory (cont.)
Implication:ถาเราพิจารณาถึงมูลคาของเงินตามเวลาโดยเฉลี่ยแลวรายไดจากการถือหุนสามัญ (เงินปนผลและกําไรจากการขาย) จะถูกหักภาษีนอยกวารายไดจากการถือหุนกู(ดอกเบี้ย) เนื่องจากเราไดผลประโยชนจากการเลื่อนจายภาษี(Tax Deferral)ของการถือหุนสามัญตนทุนจากการออกหุนสามัญจึงต่ํากวากรณกีอน(ที่ยังไมมีการพิจาณาภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา)ผลประโยชนจากการกอหนี้ลดนอยลงกวาในกรณีกอน(แตก็ยังมีอยู) โครงสรางเงินทุนของบริษัทก็ยังคงควรเปนหนี้สิน100%
28
Miller (1977)’s Theory (cont.)
Implication (cont.)กราฟWACC VS Debt Ratio กับกราฟVL VS
Debt Ratio ยังเหมือนกรณกีอนหนานี้เพียงแตมีความชันต่ํากวาเดิม
29
ขอสังเกตจากสมการของMiller (1977)
สมการของMiller (1997) เปนสมการที่วางนัยทั่วไป(Generalized Equation) ของสองสมการกอนหนานี้T ใน ของMM (1963) ถูกแทนที่ดวย
ของMiller (1977)
ถาไมพิจารณาถึงภาษี(Tc = Td = Ts) สมการของMiller (1997) จะเหมือนกับสมการของMM (1958)นั่นคือ
TDVV UL
d
sc
TTT
1)1)(1(
1
UL VV
30
ขอสังเกตฯ(ตอ)ถาTd = Ts = 0 หรือTd = Ts สมการของMiller
(1997) จะเหมือนกับสมการของMM (1963) นั่นคือ
ถา จะเกิดภาวะดุลยภาพ(Equilibrium)ผลประโยชนรวมจากการกอหนี้เปนศูนย(ผลประโยชนจากการลดหยอนภาษีของการกอหนี้จะถูกหักลางดวยผลประโยชนดานภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาของการออกหุน)
สมการของMiller (1997) จะกลับไปเปนเหมือนกับสมการของMM (1958) นั่นคือ
TDVV UL
)1()1)(1( dsc TTT
UL VV
31
คําวิจารณตอทฤษฎีของMMนัยยะสําคัญของMM (1958) คือโครงสรางเงินทุนไมมีความสําคัญตอมูลคาของบริษัทซึ่งไมเปนความจริง
นัยยะสําคัญของMM (1963) กับMiller (1977) คือบริษัทควรระดมทุนดวยการกอหนี้เพียงอยางเดียวซึ่งไมเปนความจริงเชนกัน
สมมติฐานหลายอยางถูกวิจารณวาไมอิงหลักความจริงทฤษฎีจึงยังไมสมบูรณไมมีตนทุนของการทําธุรกรรม(Transaction Costs)การกอหนี้ไมมีความเสี่ยงนักลงทุนมีการคาดหมายอยางเดียวกันเกี่ยวกับกําไรในอนาคตของบริษัท
ฯลฯ
32
Trade-off TheoryทฤษฎีของMM ตั้งสมมติฐานวาการกอหนี้ไมมีความเสี่ยงแตที่จริงการกอหนี้จะทําใหตนทุนของการลมละลาย(Bankruptcy Costs) เพิ่มขึ้นเชนคาปรึกษาฝายกฎหมายยอดขายที่ลดลงความนาเชื่อถือที่ลดลงฯลฯ
ทฤษฎีไดอยางเสียอยาง: การกอหนี้ไดประโยชนที่การลดหยอนภาษีแตก็ทําใหมีภาระดานการจายดอกเบี้ยและตนทุนของการลมละลายที่เพิ่มขึ้นณระดับของหนี้สินที่ต่ําผลประโยชนยังมีมากกวาตนทุนณระดับของหนี้สินที่สูงตนทุนมีมากกวาผลประโยชนระดับของหนี้สินที่ทําใหผลประโยชนหนวยสุดทาย
(Marginal Benefits) เทากับตนทุนหนวยสุดทาย(Marginal Costs) คือโครงสรางเงินทุนที่เหมาะสม(หนี้สินไมมากและไมนอยจนเกินไป)
33
Trade-off Theory (cont.)
Value of Stock
0 D1 D2
D/A
MM result
Actual
No leverage
34
Trade-off Theory (cont.)
V ตามMM (เสนMM result) เพิ่มขึ้นตามระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นV ในความเปนจริง(เสนActual)ณระดับหนี้สินที่0 – กอนD1: V เพิ่มขึ้นตามระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นและเทากับเสนMM result เนื่องจากตนทุนยังไมมีนัยยะสําคัญ (Immaterial)ณระดับหนี้สินที่D1: ระดับมูลฐาน(Threshold Level)ที่ตนทุนเริ่มมีนัยยะสําคัญ
35
Trade-off Theory (cont.)V ในความเปนจริง(เสนActual) (ตอ)ณระดับหนี้สินที่D1 – กอนD2: V เพิ่มขึ้นตามระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นแตนอยกวาเสนMM resultเนื่องจากตนทุนเริ่มมีนัยยะสําคัญแตMC < MBณระดับหนี้สินที่D2 : เปนโครงสรางเงินทุนที่เหมาะสมที่ทําใหV สูงสุด(MC = MB)ตั้งแตD2 ขึ้นไป: V ลดลงตามระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้น
(MC > MB)
Implication: โครงสรางเงินทุนของบริษัทไมควรเปนหนี้สิน100%
36
Signaling TheoryทฤษฎีTrade-off + MM มีเหตุมีผลแตยังบอกเรื่องราวไมหมดเนื่องจากขอสมมติฐานที่วาผูจัดการบริษัทและนักลงทุนรูขอมูลเดียวกันไมเปนความจริง(ผูจัดการรูมากกวานักลงทุน)ทฤษฎีการสงสัญญาณ (สมมติวาผูจัดการบริหารบริษัทเพื่อประโยชนสูงสุดตอผูถือหุนเดิม):ถาผูจัดการระดมทุนเพิ่มดวยการออกหุนนักลงทุนจะมองวาเปนสัญญาณดานลบ(บริษัทมีอนาคตมืดมน) กลไกตลาดจะทําใหราคาหุนเดิมของบริษัทลดลงถาผูจัดการระดมทุนเพิ่มดวยการกูนักลงทุนจะมองวาเปนสัญญาณดานบวก(บริษัทมีอนาคตสดใส)กลไกตลาดจะทําใหราคาหุนเดิมของบริษัทเพิ่มขึ้น
37
Signaling Theory (cont.)Implications:ในเวลาปกติบริษัทควรสํารองระดับความสามารถในการกูยืม(Reserving Borrowing Capacity) ไวเผื่อโอกาสที่ดีที่สุดในการลงทุนในอนาคต ในเวลาปกติที่บริษัทตองการเงินทุนเพิ่มเติมบริษัทอาจจะออกหุนมากกวา(หรือกอหนี้นอยกวา) ระดับเหมาะสม(Optimal Level) ที่Trade-off + MMระบุไวขอมูลอสมมาตรอาจทําใหบางบริษัทระดมทุนตามลําดับที่วางไว(Pecking Order): ใชกําไรสะสมหรือขายสินทรัพยเกากอนจะกูและเลือกออกหุนเพิ่มเติมเปนทางเลือกสุดทาย
38
Debt and Agency Costs
ตนทุนตัวแทนเปนสวนหนึ่งของการพิจารณาโครงสรางเงินทุนที่เหมาะสมการกอหนี้สามารถจํากัดความฟุมเฟอยของฝายบริหารเชนการเขายึดครองบริษัท(Leveraged Buy-out)แตการกอหนี้มากเกินไปอาจทําใหเกิดปญหาการลงทุนที่นอยเกินไป(Underinvestment) เนื่องจากฝายบริหารกลัวที่จะเสี่ยง
39
Debt and InvestmentOpportunity
โอกาสในการลงทุนก็เปนสวนหนึ่งของการพิจารณาโครงสรางเงินทุนที่เหมาะสมบริษัทที่มีโอกาสมากควรสํารองความสามารถในการลงทุนไวดวยการกอหนี้แตนอยๆบริษัทที่ไมคอยมีโอกาสในการลงทุนอาจใชการกอหนี้จํากัดผูบริหารไมใหลงทุนในโครงการที่ไมดี
40
Conclusions
การระดมทุนดวยการกอหนี้ไดประโยชนจากการลดหยอนภาษีดังนั้นบริษัทควรมีหนี้สินในโครงสรางเงินทุนของบริษัท
แตตนทุนการลมละลายและตนทุนตัวแทนหักลางผลประโยชนจากการกอหนี้ไปบางสวน
ลักษณะของสินทรัพย(Assets) สวนใหญที่บริษัทถือไวก็เปนสวนหนึ่งของการพิจารณาวาควรกอหนี้มากนอยแคไหนบริษัทที่ถือสินทรัพยที่ไมมีตัวตน(Intangible Assets) เปนสวนใหญก็ไมควรกอหนี้มาก
บริษัทที่ถือสินทรัพยที่มีตัวตน(tangible Assets) เปนสวนใหญสามารถกอหนี้ไดมากกวา
41
Conclusions (cont.)
ปญหาขอมูลอสมมาตรทําใหบริษัทที่มีอัตราเจริญเติบโตนอยใชการระดมทุนตามPecking Order
นอกจากนี้ขอมูลอสมมาตรทําใหบริษัทตองสํารองความสามารถในการกูยืมเอาไว(ระดับของหนี้สินอาจนอยกวาที่ทฤษฎีไดอยางเสียอยางบอกไว)
ในความเปนจริงโครงสรางเงินทุนของบริษัทแตกตางกันมากเนื่องจากหัวขอนี้ขึ้นอยูกับปจจัยหลายๆอยางที่บริษัทแตละบริษัทตองเผชิญและแตละบริษัทอาจมีมุมมองไมเหมือนกัน
42
หลายๆปจจัยที่สงผลกระทบตอโครงสรางเงินทุนความมีเสถียรภาพของยอดขาย(Sale
Stability)โครงสรางของสินทรัพยในบริษัท(Asset
Structure)พันธะผูกพันจากการดําเนินงาน(Operating
Average)อัตราการเจริญเติบโต(Growth Rateกําไร(Profitability)
43
หลายๆปจจัยฯ(ตอ)
อัตราภาษี(Tax Rate)ระดับการควบคุมภายใน(Control)ทัศนคติของผูบริหาร(Management
Attitudes)ทัศนคติของผูใหสินเชื่อ(Lender and Rating
Attitudes)เงื่อนไขในตลาด(Market Conditions)
44
หลายๆปจจัยฯ(ตอ)
เงื่อนไขภายในบริษัท(The Firm’s InternalCondition)ความยืดหยุนดานการเงิน(Financial
Flexibility)
45
46
CONTACT
Email: [email protected]: 01- 6394990Office: ภาควิชาการเงิน(ชั้น4 คณะเกษตรศาสตร)Office Hours: วันอังคารและวันพุธ
10.00 น. – 14.00 น.