จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

47

Upload: -

Post on 28-May-2015

728 views

Category:

Documents


1 download

TRANSCRIPT

Page 1: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333
Page 2: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ความหมายของการเร ยนร�� การเร�ยนร  หมายถึ�ง    กระบวนการเปลี่��ยนแปลี่งที่��มน�ษย�ได้ร�บร ถึ�ง

สิ่ �งแวด้ลี่อมที่��อย"รอบตั�ว ม�ความหมายลี่�กซึ้�&งมากกว"าการสิ่��งสิ่อน หร'อการบอกเลี่"าใหเข้าใจแลี่ะจ+าได้เที่"าน�&นไม"ใช่"เร'�องข้องการที่+าตัามแบบ ไม"ได้ม�ความหมายตั"อการเร�ยนในว ช่าตั"างๆเที่"าน�&น แตั"ความหมายคลี่�มไปถึ�ง การเปลี่��ยนแปลี่งที่างพฤตั กรรมอ�นเป0นผลี่จากการสิ่�งเกตัพ จารณา ไตัร"ตัรอง แกป3ญหาที่�&งปวงแลี่ะไม"ช่�&ช่�ด้ว"าการเปลี่��ยนแปลี่งน�&นเป0นไปในที่างที่��สิ่�งคมยอมร�บเที่"าน�&น การเร�ยนร เป0นการปร�บตั�วใหเข้าก�บสิ่ �งแวด้ลี่อม การเร�ยนร เป0นความเจร ญงอกงาม   เนนว"าการเปลี่��ยนแปลี่งพฤตั กรรมที่��เป0นการเร�ยนร ตัองเน'�องมาจากประสิ่บการณ� หร'อการฝึ6กห�ด้ แลี่ะพฤตั กรรมที่��เปลี่��ยนแปลี่งไปน�&นควรจะตัองม�ความคงที่นถึาวรเหมาะแก"เหตั�เม'�อพฤตั กรรมด้�&งเด้ มเปลี่��ยนไปสิ่"พฤตั กรรมที่��ม�"งหว�ง ก7แสิ่ด้งว"าเก ด้การเร�ยนร แลี่ว

(ก�นยา สิ่�วรรณแสิ่ง 2538: 244)

Page 3: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

จุ�ดม��งหมายของการเร ยนร�� พฤตั กรรมการเร�ยนร ตัามจ�ด้ม�"งหมายข้องน�กศึ�กษาซึ้��งก+าหนด้โด้ย

บลี่ม แลี่ะคณะ(Bloom and Others) ม�"งพ�ฒนาผเร�ยนใน 3 ด้าน ด้�งน�&

1.ด้านพ�ที่ธพ สิ่�ย(Cognitive Domain) ค'อ ผลี่ข้องการเร�ยนร ที่��เป0นความสิ่ามารถึที่างสิ่มองครอบคลี่�มพฤตั กรรมประเภที่ ความจ+า ความเข้าใจ การน+าไปใช่ การว เคราะห� การสิ่�งเคราะห�แลี่ะประเม นผลี่

2.ด้านเจตัคตั (Affective Domain ) ค'อ ผลี่ข้องการเร�ยนร ที่��เปลี่��ยนแปลี่งด้านความร สิ่�กครอบคลี่�มพฤตั กรรมประเภที่ ความร สิ่�ก ความสิ่นใจ ที่�ศึนคตั การประเม นค"าแลี่ะค"าน ยม

3.ด้านที่�กษะพ สิ่�ย(Psychomotor Domain) ค'อ ผลี่ข้องการเร�ยนร ที่��เป0นความสิ่ามารถึด้านการปฎิ บ�ตั ครอบคลี่�มพฤตั กรรมประเภที่ การเคลี่'�อนไหว การกระที่+า การปฎิ บ�ตั งาน การม�ที่�กษะแลี่ะความช่+านาญ

Page 4: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

องค�ประกอบสำ�าค�ญของการเร ยนร��ด้อลี่ลี่าร�ด้ แลี่ะม ลี่เลี่อร�  (Dallard and Miller) เสิ่นอว"าการเร�ยน

ร ม�องค�ประกอบสิ่+าค�ญ ๔  ประการ ค'อ๑.  แรงข้�บ (Drive) เป0นความตัองการที่��เก ด้ข้�&นภายในตั�วบ�คคลี่   

เป0นความพรอมที่��จะเร�ยนร ข้องบ�คคลี่ที่�&งสิ่มอง ระบบประสิ่าที่สิ่�มผ�สิ่แลี่ะกลี่ามเน'&อ  แรงข้�บแลี่ะความพรอมเหลี่"าน�&จะก"อใหเก ด้ปฏิ ก ร ยา หร'อพฤตั กรรมที่��จะช่�กน+าไปสิ่"การเร�ยนร ตั"อไป

๒.  สิ่ �งเรา (Stimulus) เป0นสิ่ �งแวด้ลี่อมที่��เก ด้ข้�&นในสิ่ถึานการณ�ตั"างๆ   ซึ้��งเป0นตั�วการที่��ที่+าใหบ�คคลี่ม�ปฏิ ก ร ยา  หร'อพฤตั กรรมตัอบสิ่นองออกมา ในสิ่ภาพการเร�ยนการสิ่อน สิ่ �งเราจะหมายถึ�งคร  ก จกรรมการสิ่อน  แลี่ะอ�ปกรณ�การสิ่อนตั"างๆ   ที่��ครน+ามาใช่

Page 5: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

๓.  การตัอบสิ่นอง (Response) เป0นปฏิ ก ร ยา หร'อพฤตั กรรมตั"างๆ ที่��แสิ่ด้งออกมาเม'�อบ�คคลี่ได้ร�บการกระตั�นจากสิ่ �งเรา ที่�&งสิ่"วนที่��สิ่�งเกตัเห7นได้แลี่ะสิ่"วนที่��ไม"สิ่ามารถึสิ่�งเกตัเห7นได้    เช่"น การเคลี่'�อนไหว ที่"าที่าง  ค+าพด้ การค ด้  การร�บร   ความสิ่นใจ แลี่ะความร สิ่�ก  เป0นตัน

๔.  การเสิ่ร มแรง (Reinforcement) เป0นการใหสิ่ �งที่��ม�อ ที่ธ พลี่ตั"อบ�คคลี่อ�นม�ผลี่ในการเพ �มพลี่�งใหเก ด้การเช่'�อมโยง ระหว"างสิ่ �งเราก�บการตัอบสิ่นองเพ �มข้�&น การเสิ่ร มแรงม�ที่�&งที่างบวกแลี่ะที่างลี่บ ซึ้��งม�ผลี่ตั"อการเร�ยนร ข้องบ�คคลี่เป0นอ�นมาก

Page 6: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

               

ธรรมชาติ ของการเร ยนร��การเร�ยนร ม�ลี่�กษณะสิ่+าค�ญด้�งตั"อไปน�&๑.  การเร�ยนร เป0นกระบวนการ  การเก ด้การเร�ยนร ข้องบ�คคลี่จะ

ม�กระบวนการข้องการเร�ยนร จากการไม"ร ไปสิ่"การเร�ยนร ๕ ข้�&นตัอน ค'อ

๑.๑  ม�สิ่ �งเรามากระตั�นบ�คคลี่๑.๒  บ�คคลี่สิ่�มผ�สิ่สิ่ �งเราด้วยประสิ่าที่ที่�&ง ๕๑.๓  บ�คคลี่แปลี่ความหมายหร'อร�บร สิ่ �งเรา๑.๔  บ�คคลี่ม�ปฏิ ก ร ยาตัอบสิ่นองอย"างใด้อย"างหน��งตั"อสิ่ �งเราตัาม

ที่��ร �บร ๑.๕  บ�คคลี่ประเม นผลี่ที่��เก ด้จากการตัอบสิ่นองตั"อสิ่ �งเรา

Page 7: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

๒.  การเร�ยนร ไม"ใช่"ว�ฒ ภาวะแตั"การเร�ยนร อาศึ�ยว�ฒ ภาวะว�ฒ ภาวะ ค'อ ระด้�บความเจร ญเตั บโตัสิ่งสิ่�ด้ข้องพ�ฒนาการด้าน

ร"างกาย  อารมณ�  สิ่�งคม  แลี่ะสิ่ตั ป3ญญาข้องบ�คคลี่แตั"ลี่ะว�ยที่��เป0นไปตัามธรรมช่าตั   แมว"าการเร�ยนร จะไม"ใช่"ว�ฒ ภาวะแตั"การเร�ยนร ตัองอาศึ�ยว�ฒ ภาวะด้วย  เพราะการที่��บ�คคลี่จะม�ความสิ่ามารถึในการร�บร หร'อตัอบสิ่นองตั"อสิ่ �งเรามากหร'อนอยเพ�ยงใด้ข้�&นอย"ก�บว"าบ�คคลี่น�&นม�ว�ฒ ภาวะเพ�ยงพอหร'อไม"

๓.  การเร�ยนร เก ด้ได้ง"าย ถึาสิ่ �งที่��เร�ยนเป0นสิ่ �งที่��ม�ความหมายตั"อผเร�ยนการเร�ยนสิ่ �งที่��ม�ความหมายตั"อผเร�ยน ค'อ การเร�ยนในสิ่ �งที่��ผเร�ยน

ตัองการจะเร�ยนหร'อสิ่นใจจะเร�ยน เหมาะก�บว�ยแลี่ะว�ฒ ภาวะข้องผเร�ยนแลี่ะเก ด้ประโยช่น�แก"ผเร�ยน  การเร�ยนในสิ่ �งที่��ม�ความหมายตั"อผเร�ยนย"อมที่+าใหผเร�ยนเก ด้การเร�ยนร ได้ด้�กว"าการเร�ยนในสิ่ �งที่��ผเร�ยนไม"ตัองการหร'อไม"สิ่นใจ

Page 8: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

๔.  การเร�ยนร แตักตั"างก�นตัามตั�วบ�คคลี่แลี่ะว ธ�การในการเร�ยนในการเร�ยนร สิ่ �งเด้�ยวก�น บ�คคลี่ตั"างก�นอาจเร�ยนร ได้ไม"เที่"าก�น

เพราะบ�คคลี่อาจม�ความพรอมตั"างก�น  ม�ความสิ่ามารถึในการเร�ยนตั"างก�น  ม�อารมณ�แลี่ะความสิ่นใจที่��จะเร�ยนตั"างก�นแลี่ะม�ความร เด้ มหร'อประสิ่บการณ�เด้ มที่��เก��ยวข้องก�บสิ่ �งที่��จะเร�ยนตั"างก�น

ในการเร�ยนร สิ่ �งเด้�ยวก�น  ถึาใช่ว ธ�เร�ยนตั"างก�น ผลี่ข้องการเร�ยนร อาจมากนอยตั"างก�นได้  แลี่ะว ธ�ที่��ที่+าใหเก ด้การเร�ยนร ได้มากสิ่+าหร�บบ�คคลี่หน��งอาจไม"ใช่"ว ธ�เร�ยนที่��ที่+าใหอ�กบ�คคลี่หน��งเก ด้การเร�ยนร ได้มากเที่"าก�บบ�คคลี่น�&นก7ได้

Page 9: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

             

การถ่�ายโยงการเร ยนร��การถึ"ายโยงการเร�ยนร เก ด้ข้�&นได้ ๒ ลี่�กษณะ ค'อ การถึ"ายโยงการเร�ยน

ร ที่างบวก (Positive Transfer) แลี่ะการถึ"ายโยงการเร�ยนร ที่างลี่บ (Negative Transfer)

การถ่�ายโยงการเร ยนร��ทางบวก (Positive Transfer) ค'อ การถึ"ายโยงการเร�ยนร ช่น ด้ที่��ผลี่ข้องการเร�ยนร งานหน��งช่"วยใหผเร�ยนเก ด้การเร�ยนร อ�กงานหน��งได้เร7วข้�&น ง"ายข้�&น หร'อด้�ข้�&น   การถึ"ายโยงการเร�ยนร ที่างบวก ม�กเก ด้จาก

๑.  เม'�องานหน��ง ม�ความคลี่ายคลี่�งก�บอ�กงานหน��ง  แลี่ะผเร�ยนเก ด้การเร�ยนร งานแรกอย"างแจ"มแจงแลี่ว

๒.  เม'�อผเร�ยนมองเห7นความสิ่�มพ�นธ�ระหว"างงานหน��งก�บอ�กงานหน��ง

Page 10: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

๓.  เม'�อผเร�ยนม�ความตั�&งใจที่��จะน+าผลี่การเร�ยนร จากงานหน��งไปใช่ใหเป0นประโยช่น�ก�บการเร�ยนร อ�กงานหน��ง  แลี่ะสิ่ามารถึจ+าว ธ�เร�ยนหร'อผลี่ข้องการเร�ยนร งานแรกได้อย"างแม"นย+า

๔.  เม'�อผเร�ยนเป0นผที่��ม�ความค ด้ร เร �มสิ่รางสิ่รรค�  โด้ยช่อบที่��จะน+าความร ตั"างๆ ที่��เคยเร�ยนร มาก"อนมาลี่องค ด้ที่ด้ลี่องจนเก ด้ความร ใหม"ๆ

Page 11: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การถ่�ายโยงการเร ยนร��ทางลบ (Negative Transfer)  ค'อการถึ"ายโยงการเร�ยนร ช่น ด้ที่��ผลี่การเร�ยนร งานหน��งไปข้�ด้ข้วางที่+าใหผเร�ยนเก ด้การเร�ยนร อ�กงานหน��งได้ช่าลี่ง  หร'อยากข้�&นแลี่ะไม"ได้ด้�เที่"าที่��ควร  การถึ"ายโยงการเร�ยนร ที่างลี่บ อาจเก ด้ข้�&นได้ ๒ แบบ ค'อ

๑.  แบบตัามรบกวน (Proactive Inhibition) ผลี่ข้องการเร�ยนร งานแรกไปข้�ด้ข้วางการเร�ยนร งานที่��๒

๒.  แบบยอนรบกวน (Retroactive Inhibition)  ผลี่การเร�ยนร งานที่�� ๒ ที่+าใหการเร�ยนร งานแรกนอยลี่ง

การเก ด้การเร�ยนร ที่างลี่บม�กเก ด้จาก-  เม'�องาน ๒ อย"างคลี่ายก�นมาก แตั"ผเร�ยนย�งไม"เก ด้การเร�ยนร งานใด้

งานหน��งอย"างแที่จร งก"อนที่��จะเร�ยนอ�กงานหน��ง  ที่+าใหการเร�ยนงาน ๒ อย"างในเวลี่าใกลี่เค�ยงก�นเก ด้ความสิ่�บสิ่น

-  เม'�อผเร�ยนตัองเร�ยนร งานหลี่ายๆ อย"างในเวลี่าตั ด้ตั"อก�น  ผลี่ข้องการเร�ยนร งานหน��งอาจไปที่+าใหผเร�ยนเก ด้ความสิ่�บสิ่นในการเร�ยนร อ�กงานหน��งได้

Page 12: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การน�าความร��ไปใช�งาน๑.  ก"อนที่��จะใหผเร�ยนเก ด้ความร ใหม"  ตัองแน"ใจว"า ผเร�ยนม�

ความร พ'&นฐานที่��เก��ยวข้องก�บความร ใหม"มาแลี่ว๒.  พยายามสิ่อนหร'อบอกใหผเร�ยนเข้าใจถึ�งจ�ด้ม�"งหมายข้องการ

เร�ยนที่��ก"อใหเก ด้ประโยช่น�แก"ตันเอง๓.  ไม"ลี่งโที่ษผที่��เร�ยนเร7วหร'อช่ากว"าคนอ'�นๆ แลี่ะไม"ม�"งหว�งว"าผ

เร�ยนที่�กคนจะตัองเก ด้การเร�ยนร ที่��เที่"าก�นในเวลี่าเที่"าก�น๔.  ถึาสิ่อนบที่เร�ยนที่��คลี่ายก�น ตัองแน"ใจว"าผเร�ยนเข้าใจบที่เร�ยน

แรกได้ด้�แลี่วจ�งจะสิ่อนบที่เร�ยนตั"อไป๕.  พยายามช่�&แนะใหผเร�ยนมองเห7นความสิ่�มพ�นธ�ข้องบที่เร�ยนที่��

ม�ความสิ่�มพ�นธ�ก�น

Page 13: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ล�กษณะสำ�าค�ญ ท *แสำดงให�เห,นว�าม การเร ยนร��เก ดข-.น จุะติ�องประกอบด�วยป/จุจุ�ย  ๓  ประการ  ค1อ

  ๑ . ม�การเปลี่��ยนแปลี่งที่��ค"อนข้างคงที่นถึาวร ๒.  การเปลี่��ยนแปลี่งพฤตั กรรมน�&นจะตัองเป0นผลี่มาจาก

ประสิ่บการณ� หร'อการฝึ6ก การปฏิ บ�ตั ซึ้+&าๆ  เที่"าน�&น ๓.  การเปลี่��ยนแปลี่งพฤตั กรรมด้�งกลี่"าวจะม�การเพ �มพนใน

ด้านความร   ความเข้าใจ  ความร สิ่�กแลี่ะความสิ่ามารถึที่างที่�กษะที่�&งปร มาณแลี่ะค�ณภาพ

Page 14: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี การเร ยนร�� (Theory of Learning)

ที่ฤษฎิ�การเร�ยนร ม�อ ที่ธ พลี่ตั"อการจ�ด้การเร�ยนการสิ่อนมาก เพราะจะเป0นแนวที่างในการก+าหนด้ปร�ช่ญาการศึ�กษาแลี่ะการจ�ด้ประสิ่บการณ� เน'�องจากที่ฤษฎิ�การเร�ยนร เป0นสิ่ �งที่��อธ บายถึ�งกระบวนการ ว ธ�การแลี่ะเง'�อนไข้ที่��จะที่+าใหเก ด้การเร�ยนร แลี่ะตัรวจสิ่อบว"าพฤตั กรรมข้องมน�ษย� ม�การเปลี่��ยนแปลี่งได้อย"างไร

ทฤษฎี การเร ยนร��ท *สำ�าค�ญ แบ�งออกได� ๒ กล��มใหญ�ๆ ค1อ๑ . ที่ฤษฎิ�กลี่�"มสิ่�มพ�นธ�ตั"อเน'�อง (Associative Theories)๒ . ที่ฤษฎิ�กลี่�"มความร ความเข้าใจ (Cognitive Theories)

Page 15: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี การเร ยนร��กล��มสำ�มพั�นธ�ติ�อเน1*อง ที่ฤษฎิ�น�&เห7นว"าการเร�ยนร เก ด้จากการเช่'�อมโยงระหว"างสิ่ �งเรา (Stimulus ) แลี่ะ

การตัอบสิ่นอง (Response ) ป3จจ�บ�นเร�ยกน�กที่ฤษฎิ�กลี่�"มน�&ว"า "พฤตั กรรมน ยม " (Behaviorism ) ซึ้��งเนนเก��ยวก�บกระบวนการเปลี่��ยนแปลี่ง พฤตั กรรมที่��มองเห7น แลี่ะสิ่�งเกตัได้มากกว"ากระบวนการค ด้ แลี่ะปฏิ ก ร ยาภายในข้องผเร�ยน ที่ฤษฎิ�การเร�ยนร กลี่�"มน�&แบ"งเป0นกลี่�"มย"อยได้ ด้�งน�&๑ . ที่ฤษฎิ�การวางเง'�อนไข้ (Conditioning Theories) ๑.๑ ที่ฤษฎิ�การวางเง'�อนไข้แบบคลี่าสิ่สิ่ ค (Classical Conditioning Theories ) ๑.๒ ที่ฤษฎิ�การวางเง'�อนไข้แบบการกระที่+า (Operant Conditioning Theory)๒ . ที่ฤษฎิ�สิ่�มพ�นธ�เช่'�อมโยง (Connectionism Theories) ๒.๑ ที่ฤษฎิ�สิ่�มพ�นธ�เช่'�อมโยง (Connectionism Theory ) ๒.๒ ที่ฤษฎิ�สิ่�มพ�นธ�ตั"อเน'�อง (S-R Contiguity Theory)

Page 16: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี การวางเง1*อนไขแบบคลาสำสำ ค

อธ บายถึ�งการเร�ยนร ที่��เก ด้จากการเช่'�อมโยงระหว"างสิ่ �งเราตัามธรรมช่าตั แลี่ะสิ่ �งเราที่��วางเง'�อนไข้ก�บการ ตัอบสิ่นอง พฤตั กรรมหร'อการตัอบสิ่นองที่��เก��ยวข้องม�กจะเป0นพฤตั กรรมที่��เป0นปฏิ ก ร ยาสิ่ะที่อน (Reflex )หร'อ พฤตั กรรมที่��เก��ยวข้องอารมณ� ความร สิ่�ก บ�คคลี่สิ่+าค�ญข้องที่ฤษฎิ�น�& ได้แก" Pavlov, Watson, Wolpe etc.

Page 17: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

Ivan P. Pavlov

น�กสิ่ร�รว ที่ยาช่าวร�สิ่เซึ้�ย - (1849 1936) ได้ที่+าการที่ด้ลี่องเพ'�อศึ�กษาการเร�ยนร ที่��เก ด้ข้�&นจากการเช่'�อมโยงระหว"างการตัอบสิ่นองตั"อสิ่ �งเราตัามธรรมช่าตั ที่��ไม"ได้วางเง'�อนไข้ (Unconditioned Stimulus = UCS ) แลี่ะสิ่ �งเรา ที่��เป0นกลี่าง (Neutral Stimulus) จนเก ด้การเปลี่��ยนแปลี่งสิ่ �งเราที่��เป0นกลี่างใหกลี่ายเป0นสิ่ �งเราที่��วางเง'�อนไข้ (Conditioned Stimulus = CS) แลี่ะการตัอบสิ่นองที่��ไม"ม�เง'�อนไข้ (Unconditioned Response = UCR ) เป0นการตัอบสิ่นองที่��ม�เง'�อนไข้ (Conditioned Response = CR ) ลี่+าด้�บข้�&นตัอนการเร�ยนร ที่��เก ด้ข้�&นด้�งน�&

Page 18: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

๑ . ก"อนการวางเง'�อนไข้ UCS (อาหาร ) UCR (น+&าลี่ายไหลี่) สิ่ �งเราที่��เป0นกลี่าง (เสิ่�ยงกระด้ �ง ) น+&าลี่ายไม"ไหลี่๒ . ข้ณะวางเง'�อนไข้ CS (เสิ่�ยงกระด้ �ง ) + UCS (อาหาร ) UCR (น+&าลี่าย

ไหลี่)๓ . หลี่�งการวางเง'�อนไข้

CS (เสิ่�ยงกระด้ �ง ) CR (น+&าลี่ายไหลี่)หลี่�กการเก ด้การเร�ยนร ที่��เก ด้ข้�&น ค'อ การตัอบสิ่นองที่��เก ด้จากการวางเง'�อนไข้

(CR ) เก ด้จากการน+าเอาสิ่ �งเราที่��วางเง'�อนไข้ (CS ) มาเข้าค"ก�บสิ่ �งเราที่��ไม"ได้วางเง'�อนไข้ (UCS ) ซึ้+&าก�นหลี่ายๆ คร�&ง ตั"อมาเพ�ยงแตั"ใหสิ่ �งเราที่��วางเง'�อนไข้ (CS ) เพ�ยงอย"างเด้�ยวก7ม�ผลี่ที่+าใหเก ด้การตัอบสิ่นองในแบบเด้�ยวก�น

Page 19: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ผลจุากการทดลอง Pavlov สำร�ปหล�กเกณฑ์�ของการเร ยนร��ได� ๔ ประการ ค1อ

๑ . การด้�บสิ่ญหร'อการลี่ด้ภาวะ (Extinction ) เม'�อให CR นานๆ โด้ยไม"ให UCS เลี่ย การตัอบสิ่นองที่��ม�เง'�อนไข้ (CR ) จะค"อยๆ ลี่ด้ลี่งแลี่ะหมด้ไป

๒ . การฟื้G& นกลี่�บหร'อการค'นสิ่ภาพ ( Spontaneous Recovery )เม'�อเก ด้การด้�บสิ่ญข้องการตัอบสิ่นอง (Extinction ) แลี่วเวนระยะการวางเง'�อนไข้ไปสิ่�กระยะหน��ง เม'�อให CS จะเก ด้ CR โด้ยอ�ตัโนม�ตั

๓ . การแผ"ข้ยาย หร'อ การสิ่ร�ปความ (Generalization ) หลี่�งจากเก ด้การตัอบสิ่นองที่��ม�เง'�อนไข้ ( CR ) แลี่ว เม'�อใหสิ่ �งเราที่��วางเง'�อนไข้ (CS ) ที่��คลี่ายคลี่�งก�น จะเก ด้การตัอบสิ่นองแบบเด้�ยวก�น

๔ . การจ+าแนกความแตักตั"าง (Discrimination ) เม'�อใหสิ่ �งเราใหม"ที่��แตักตั"างจากสิ่ �งเราที่��วางเง'�อนไข้ จะม�การจ+าแนกความแตักตั"างข้องสิ่ �งเรา แลี่ะม�การตัอบสิ่นองที่��แตักตั"างก�นด้วย

Page 20: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

John B. Watson

น�กจ ตัว ที่ยาช่าวอเมร ก�น - 1878 1958( ) ได้ที่+าการที่ด้ลี่องการวางเง'�อนไข้ที่างอารมณ�ก�บเด้7กช่ายอาย�ประมาณ ๑๑ เด้'อน โด้ยใช่หลี่�กการเด้�ยวก�บ Pavlov หลี่�งการที่ด้ลี่องเข้าสิ่ร�ปหลี่�กเกณฑ์�การเร�ยนร ได้ ด้�งน�&

๑ . การแผ"ข้ยายพฤตั กรรม (Generalization ) ม�การแผ"ข้ยายการตัอบสิ่นองที่��วางเง'�อนไข้ตั"อสิ่ �งเรา ที่��คลี่ายคลี่�งก�บสิ่ �งเราที่��วางเง'�อนไข้

๒ . การลี่ด้ภาวะ หร'อการด้�บสิ่ญการตัอบสิ่นอง (Extinction ) ที่+าได้ยากตัองใหสิ่ �งเราใหม" (UCS ) ที่��ม�ผลี่ตัรงข้ามก�บสิ่ �งเราเด้ ม จ�งจะได้ผลี่ซึ้��งเร�ยกว"า Counter - Conditioning

Page 21: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

Joseph Wolpe

น�กจ ตัว ที่ยาช่าวอเมร ก�น 1958( ) ได้น+าหลี่�กการ Counter - Conditioning ข้อง Watson ไปที่ด้ลี่องใช่บ+าบ�ด้ความกลี่�ว (Phobia ) ร"วมก�บการใช่เที่คน คผ"อนคลี่ายกลี่ามเน'&อ (Muscle Relaxation ) เร�ยกว ธ�การน�&ว"า Desensitization

Page 22: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การน�าหล�กการมาประย�กติ�ใช�ในการสำอน๑ . ครสิ่ามารถึน+าหลี่�กการเร�ยนร ข้องที่ฤษฎิ�น�&มาที่+าความเข้าใจพฤตั กรรม

ข้องผเร�ยนที่��แสิ่ด้งออกถึ�งอารมณ� ความร สิ่�กที่�&งด้านด้�แลี่ะไม"ด้� รวมที่�&งเจตัคตั ตั"อสิ่ �งแวด้ลี่อมตั"างๆ เช่"น ว ช่าที่��เร�ยน ก จกรรม หร'อครผสิ่อน เพราะเข้าอาจได้ร�บการวางเง'�อนไข้อย"างใด้อย"างหน��งอย"ก7เป0นได้

๒ . ครควรใช่หลี่�กการเร�ยนร จากที่ฤษฎิ�ปลี่กฝึ3งความร สิ่�กแลี่ะเจตัคตั ที่��ด้�ตั"อเน'&อหาว ช่า ก จกรรมน�กเร�ยน ครผสิ่อนแลี่ะสิ่ �งแวด้ลี่อมอ'�นๆ ที่��เก��ยวข้องใหเก ด้ในตั�วผเร�ยน

๓ . ครสิ่ามารถึปIองก�นความร สิ่�กลี่มเหลี่ว ผ ด้หว�ง แลี่ะว ตักก�งวลี่ข้องผเร�ยนได้โด้ยการสิ่"งเสิ่ร มใหก+าลี่�งใจในการเร�ยนแลี่ะการที่+าก จกรรม ไม"คาด้หว�งผลี่เลี่ ศึจากผเร�ยน แลี่ะหลี่�กเลี่��ยงการใช่อารมณ�หร'อลี่งโที่ษผเร�ยนอย"างร�นแรงจนเก ด้การวางเง'�อนไข้ข้�&น กรณ�ที่��ผเร�ยนเก ด้ความเคร�ยด้ แลี่ะว ตักก�งวลี่มาก ครควรเปJด้โอกาสิ่ใหผเร�ยนได้ผ"อนคลี่ายความร สิ่�กได้บางตัามข้อบเข้ตัที่��เหมาะสิ่ม

Page 23: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี การวางเข1*อนไขแบบการกระท�าของสำก นเนอร� (Skinner's Operant Conditioning

Theory) B.F. Skinner - 19041990( ) น�กจ ตัว ที่ยาช่าวอเมร ก�น ได้ที่+าการ

ที่ด้ลี่องด้านจ ตัว ที่ยาการศึ�กษาแลี่ะว เคราะห�สิ่ถึานการณ�การเร�ยนร ที่��ม�การตัอบสิ่นองแบบแสิ่ด้งการกระที่+า (Operant Behavior ) สิ่ก นเนอร�ได้แบ"ง พฤตั กรรมข้องสิ่ �งม�ช่�ว ตัไว ๒ แบบ ค'อ

๑. Respondent Behavior พฤตั กรรมหร'อการตัอบสิ่นองที่��เก ด้ข้�&นโด้ยอ�ตัโนม�ตั หร'อเป0นปฏิ ก ร ยาสิ่ะที่อน (Reflex) ซึ้��งสิ่ �งม�ช่�ว ตัไม"สิ่ามารถึควบค�มตั�วเองได้ เช่"น การกระพร บตัา น+&าลี่ายไหลี่ หร'อการเก ด้อารมณ� ความร สิ่�กตั"างๆ

Page 24: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

๒ . Operant Behavior พฤตั กรรมที่��เก ด้จากสิ่ �งม�ช่�ว ตัเป0นผก+าหนด้ หร'อเลี่'อกที่��จะแสิ่ด้งออกมา สิ่"วนใหญ"จะเป0นพฤตั กรรมที่��บ�คคลี่แสิ่ด้งออกในช่�ว ตัประจ+าว�น เช่"น ก น นอน พด้ เด้ น ที่+างาน ข้�บรถึ ฯลี่ฯ.

การเร�ยนร ตัามแนวค ด้ข้องสิ่ก นเนอร� เก ด้จากการเช่'�อมโยงระหว"างสิ่ �งเราก�บการตัอบสิ่นองเช่"นเด้�ยวก�น แตั"สิ่ก นเนอร�ใหความสิ่+าค�ญตั"อการตัอบสิ่นองมากกว"าสิ่ �งเรา จ�งม�คนเร�ยกว"าเป0นที่ฤษฎิ�การวางเง'�อนไข้แบบ Type R นอกจากน�&สิ่ก นเนอร�ใหความสิ่+าค�ญตั"อการเสิ่ร มแรง (Reinforcement ) ว"าม�ผลี่ที่+าใหเก ด้การเร�ยนร ที่��คงที่นถึาวร ย �งข้�&นด้วย สิ่ก นเนอร�ได้สิ่ร�ปไวว"า อ�ตัราการเก ด้พฤตั กรรมหร'อการตัอบสิ่นองข้�&นอย"ก�บผลี่ข้องการกระที่+า ค'อ การเสิ่ร มแรง หร'อการลี่งโที่ษ ที่�&งที่างบวกแลี่ะที่างลี่บ

Page 25: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การเร�ยนร ตัามแนวค ด้ข้องสิ่ก นเนอร� เก ด้จากการเช่'�อมโยงระหว"างสิ่ �งเราก�บการตัอบสิ่นองเช่"นเด้�ยวก�น แตั"สิ่ก นเนอร�ใหความสิ่+าค�ญตั"อการตัอบสิ่นองมากกว"าสิ่ �งเรา จ�งม�คนเร�ยกว"าเป0นที่ฤษฎิ�การวางเง'�อนไข้แบบ Type R นอกจากน�&สิ่ก นเนอร�ใหความสิ่+าค�ญตั"อการเสิ่ร มแรง (Reinforcement ) ว"าม�ผลี่ที่+าใหเก ด้การเร�ยนร ที่��คงที่นถึาวร ย �งข้�&นด้วย สิ่ก นเนอร�ได้สิ่ร�ปไวว"า อ�ตัราการเก ด้พฤตั กรรมหร'อการตัอบสิ่นองข้�&นอย"ก�บผลี่ข้องการกระที่+า ค'อ การเสิ่ร มแรง หร'อการลี่งโที่ษ ที่�&งที่างบวกแลี่ะที่างลี่บ

Page 26: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

พฤตั กรรม 

การเสิ่ร ม การลี่งโที่ษแรง

ที่างบวก ที่างลี่บ ที่างบวก ที่างลี่บ 

ความถึ��ข้องพฤตั กรรมเพ �มข้�&น ความถึ��ข้องพฤตั กรรมลี่ด้ลี่ง

 

Page 27: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การน�าหล�กการมาประย�กติ�ใช�

๑ . การเสิ่ร มแรง แลี่ะ การลี่งโที่ษ๒ . การปร�บพฤตั กรรม แลี่ะ การแตั"งพฤตั กรรม๓ . การสิ่รางบที่เร�ยนสิ่+าเร7จรป

Page 28: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การเสำร มแรงและการลงโทษ การเสำร มแรง (Reinforcement ) ค'อการที่+าใหอ�ตัราการตัอบสิ่นอง

หร'อความถึ��ข้องการแสิ่ด้งพฤตั กรรมเพ �มข้�&นอ�นเป0นผลี่จากการได้ร�บสิ่ �งเสิ่ร มแรง (Reinforce ) ที่��เหมาะสิ่ม การเสิ่ร มแรงม� ๒ ที่าง ได้แก"

๑ . การเสิ่ร มแรงที่างบวก (Positive Reinforcement ) เป0นการใหสิ่ �งเสิ่ร มแรงที่��บ�คคลี่พ�งพอใจ ม�ผลี่ที่+าใหบ�คคลี่แสิ่ด้งพฤตั กรรมถึ��ข้�&น

๒ . การเสิ่ร มแรงที่างลี่บ (Negative Reinforcement ) เป0นการน+าเอาสิ่ �งที่��บ�คคลี่ไม"พ�งพอใจออกไป ม�ผลี่ที่+าใหบ�คคลี่แสิ่ด้งพฤตั กรรมถึ��ข้�&น

การลงโทษ (Punishment ) ค'อ การที่+าใหอ�ตัราการตัอบสิ่นองหร'อความถึ��ข้องการแสิ่ด้งพฤตั กรรมลี่ด้ลี่ง การลี่งโที่ษม� ๒ ที่าง ได้แก"

๑ . การลี่งโที่ษที่างบวก (Positive Punishment ) เป0นการใหสิ่ �งเราที่��บ�คคลี่ที่��ไม"พ�งพอใจ ม�ผลี่ที่+าใหบ�คคลี่แสิ่ด้งพฤตั กรรมลี่ด้ลี่ง

๒ . การลี่งโที่ษที่างลี่บ (Negative Punishment ) เป0นการน+าสิ่ �งเราที่��บ�คคลี่พ�งพอใจ หร'อสิ่ �งเสิ่ร มแรงออกไป ม�ผลี่ที่+าใหบ�คคลี่แสิ่ด้งพฤตั กรรมลี่ด้ลี่ง

Page 29: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ติารางการเสำร มแรง (The Schedule of Reinforcement )

๑ . การเสิ่ร มแรงอย"างตั"อเน'�อง (Continuous Reinforcement )เป0นการใหสิ่ �งเสิ่ร มแรงที่�กคร�&งที่��บ�คคลี่แสิ่ด้งพฤตั กรรมตัามตัองการ

๒ . การเสิ่ร มแรงเป0นคร�&งคราว (Intermittent Reinforcement ) ซึ้��งม�การก+าหนด้ตัารางได้หลี่ายแบบ ด้�งน�&

๒.๑ ก+าหนด้การเสิ่ร มแรงตัามเวลี่า (I interval schedule) ๒.๑.๑ ก+าหนด้เวลี่าแน"นอน (Fixed Interval Schedules = FI ) ๒.๑.๒ ก+าหนด้เวลี่าไม"แน"นอน (Variable Interval Schedules =

VI ) ๒.๒ ก+าหนด้การเสิ่ร มแรงโด้ยใช่อ�ตัรา (Ratio schedule) ๒.๒.๑

ก+าหนด้อ�ตัราแน"นอน (Fixed Ratio Schedules = FR ) ๒.๒.๒ ก+าหนด้อ�ตัราไม"แน"นอน (Variable Ratio Schedules =

VR)

Page 30: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การปร�บพัฤติ กรรมและการแติ�งพัฤติ กรรม

การปร�บพัฤติ กรรม (Behavior Modification ) เป0นการปร�บเปลี่��ยนพฤตั กรรมที่��ไม"พ�งประสิ่งค� มาเป0นพฤตั กรรมที่��พ�งประสิ่งค� โด้ยใช่หลี่�กการเสิ่ร มแรงแลี่ะการลี่งโที่ษ

การแติ�งพัฤติ กรรม (Shaping Behavior ) เป0นการเสิ่ร มสิ่รางใหเก ด้พฤตั กรรมใหม" โด้ยใช่ว ธ�การเสิ่ร มแรงกระตั�นใหเก ด้พฤตั กรรมที่�ลี่ะเลี่7กที่�ลี่ะนอย จนกระที่��งเก ด้พฤตั กรรมตัามตัองการ

Page 31: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

บทเร ยนสำ�าเร,จุร�ป (Programmed Instruction)

เป0นบที่เร�ยนโปรแกรมที่��น�กการศึ�กษา หร'อครผสิ่อนสิ่รางข้�&น ประกอบด้วย เน'&อหา ก จกรรม ค+าถึามแลี่ะ ค+าเฉลี่ย การสิ่รางบที่เร�ยนโปรแกรมใช่หลี่�กข้อง Skinner ค'อเม'�อผเร�ยนศึ�กษาเน'&อหาแลี่ะที่+าก จกรรม จบ ๑ บที่ จะม�ค+าถึามย��วย�ใหที่ด้สิ่อบความร ความสิ่ามารถึ แลี่วม�ค+าเฉลี่ยเป0นแรงเสิ่ร มใหอยากเร�ยนบที่ตั"อๆ ไปอ�ก

Page 32: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี สำ�มพั�นธ�เช1*อมโยงของธอร�นไดค� (Thorndike's Connectionism

Theory)Edward L. Thorndike - 18741949( ) น�กจ ตัว ที่ยาการ

ศึ�กษาช่าวอเมร ก�น ผได้ช่'�อว"าเป0น"บ ด้าแห"งจ ตัว ที่ยาการศึ�กษา " เข้าเช่'�อว"า "คนเราจะเลี่'อกที่+าในสิ่ �งก"อใหเก ด้ความพ�งพอใจแลี่ะจะหลี่�กเลี่��ยงสิ่ �งที่��ที่+าใหไม"พ�งพอใจ " จากการที่ด้ลี่องก�บแมวเข้าสิ่ร�ปหลี่�กการเร�ยนร ได้ว"า เม'�อเผช่ ญก�บป3ญหาสิ่ �งม�ช่�ว ตัจะเก ด้การเร�ยนร ในการแกป3ญหาแบบลี่องผ ด้ลี่องถึก (Trial and Error ) นอกจากน�&เข้าย�งใหความสิ่+าค�ญก�บการเสิ่ร มแรงว"าเป0นสิ่ �งกระตั�นใหเก ด้การเร�ยนร ได้เร7วข้�&น

Page 33: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

กฎีการเร ยนร��ของธอร�นไดค�๑ . กฎิแห"งผลี่ (Law of Effect ) ม�ใจความสิ่+าค�ญค'อ ผลี่แห"งปฏิ ก ร ยาตัอบ

สิ่นองใด้ที่��เป0นที่��น"าพอใจ อ นที่ร�ย�ย"อมกระที่+าปฏิ ก ร ยาน�&นซึ้+&าอ�กแลี่ะผลี่ข้องปฏิ ก ร ยาใด้ไม"เป0นที่��พอใจบ�คคลี่จะหลี่�กเลี่��ยงไม"ที่+าปฏิ ก ร ยาน�&นซึ้+&าอ�ก

๒ . กฎิแห"งความพรอม (Law of Readiness ) ม�ใจความสิ่+าค�ญ ๓ ประเด้7น ค'อ

๒.๑ ถึาอ นที่ร�ย�พรอมที่��จะเร�ยนร แลี่วได้เร�ยน อ นที่ร�ย�จะเก ด้ความพอใจ ๒.๒ ถึาอ นที่ร�ย�พรอมที่��จะเร�ยนร แลี่วไม"ได้เร�ยน จะเก ด้ความร+าคาญใจ ๒.๓ ถึาอ นที่ร�ย�ไม"พรอมที่��จะเร�ยนร แลี่วถึกบ�งค�บใหเร�ยน จะเก ด้ความร+าคาญ

ใจ๓ . กฎิแห"งการฝึ6กห�ด้ (Law of Exercise ) ม�ใจความสิ่+าค�ญค'อ พฤตั กรรมใด้

ที่��ได้ม�โอกาสิ่กระที่+าซึ้+&าบ"อยๆ แลี่ะม�การปร�บปร�งอย"เสิ่มอ ย"อมก"อใหเก ด้ความคลี่"องแคลี่"วช่+าน ช่+านาญ สิ่ �งใด้ที่��ที่อด้ที่ &งไปนานย"อมกระที่+าได้ไม"ด้�เหม'อนเด้ มหร'ออาจที่+าใหลี่'มได้

Page 34: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การน�าหล�กการมาประย�กติ�ใช�๑ . การสิ่อนในช่�&นเร�ยนครควรก+าหนด้ว�ตัถึ�ประสิ่งค�ใหช่�ด้เจน จ�ด้แบ"งเน'&อหา

เป0นลี่+าด้�บเร�ยงจากง"ายไปยาก เพ'�อกระตั�นใหผเร�ยนสิ่นใจตั ด้ตัามบที่เร�ยนอย"างตั"อเน'�อง เน'&อหาที่��เร�ยนควรม�ประโยช่น�ตั"อช่�ว ตัประจ+าว�นข้องผเร�ยน

๒ . ก"อนเร �มสิ่อนผเร�ยนควรม�ความพรอมที่��จะเร�ยน ผเร�ยนตัองม�ว�ฒ ภาวะเพ�ยงพอแลี่ะไม"ตักอย"ในสิ่ภาวะบางอย"าง เช่"น ปMวย เหน'�อย ง"วง หร'อ ห ว จะที่+าใหการเร�ยนม�ประสิ่ ที่ธ ภาพ

๓ . ครควรจ�ด้ใหผเร�ยนม�โอกาสิ่ฝึ6กฝึนแลี่ะที่บที่วนสิ่ �งที่��เร�ยนไปแลี่ว แตั"ไม"ควรใหที่+าซึ้+&าซึ้ากจนเก ด้ความเม'�อยลี่าแลี่ะเบ'�อหน"าย

๔ . ครควรใหผเร�ยนได้ม�โอกาสิ่พ�งพอใจแลี่ะร สิ่�กประสิ่บผลี่สิ่+าเร7จในการที่+าก จกรรม โด้ยครตัองแจงผลี่การที่+าก จกรรมใหที่ราบ หากผเร�ยนที่+าได้ด้�ควรช่มเช่ยหร'อใหรางว�ลี่ หากม�ข้อบกพร"องตัองช่�&แจงเพ'�อการปร�บปร�งแกไข้

Page 35: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี สำ�มพั�นธ�ติ�อเน1*องของก�ทร (Guthrie's Contiguity Theory)

Edwin R. Guthrie น�กจ ตัว ที่ยาช่าวอเมร ก�น เป0นผกลี่"าวย+&าถึ�งความสิ่+าค�ญข้องความใกลี่ช่ ด้ตั"อเน'�องระหว"างสิ่ �งเราก�บการตัอบสิ่นอง ถึาม�การเช่'�อมโยงอย"างใกลี่ช่ ด้แลี่ะแนบแน"นเพ�ยงคร�&งเด้�ยวก7สิ่ามารถึเก ด้การเร�ยนร ได้ (One Trial Learning ) เช่"น ประสิ่บการณ�ช่�ว ตัที่��ว กฤตัหร'อร�นแรงบางอย"าง ได้แก"

การประสิ่บอ�บ�ตั เหตั�ที่��ร�นแรง การสิ่ญเสิ่�ยบ�คคลี่อ�นเป0นที่��ร �ก ฯลี่ฯ

Page 36: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี การเร ยนร��กล��มความร��ความเข�าใจุ ที่ฤษฎิ�การเร�ยนร ที่��มองเห7นความสิ่+าค�ญข้องกระบวนการค ด้ซึ้��งเก ด้ข้�&น

ภายในตั�วบ�คคลี่ในระหว"างการเร�ยนร มากกว"าสิ่ �งเราแลี่ะการตัอบสิ่นอง น�กที่ฤษฎิ�กลี่�"มน�&เช่'�อว"า พฤตั กรรมหร'อการตัอบสิ่นองใด้ๆ ที่��บ�คคลี่แสิ่ด้งออกมาน�&นตัองผ"านกระบวนการค ด้ที่��เก ด้ข้�&นระหว"างที่��ม�สิ่ �งเราแลี่ะการตัอบสิ่นอง ซึ้��งหมายถึ�งการหย��งเห7น (Insight ) ค'อความร ความเข้าใจในการแกป3ญหา โด้ยการจ�ด้ระบบการร�บร แลี่วเช่'�อมโยงก�บประสิ่บการณ�เด้ ม

ที่ฤษฎิ�การเร�ยนร กลี่�"มน�&ย�งแบ"งย"อยได้อ�กด้�งน�&๑ . ที่ฤษฎิ�กลี่�"มเกสิ่ตั�ลี่ที่� (Gestalt's Theory)๒ . ที่ฤษฎิ�สิ่นามข้องเลี่ว น ( Lewin's Field Theory)

Page 37: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี กล��มเกสำติ�ลท� (Gestalt's Theory)น�กจ ตัว ที่ยากลี่�"มเกสิ่ตั�ลี่ที่� (Gestalt Psychology ) ช่าวเยอรม�น ประกอบด้วย

Max Wertheimer, Wolfgang Kohler แลี่ะ Kurt Koftka ซึ้��งม�ความสิ่นใจเก��ยวก�บการร�บร (Perception ) การเช่'�อมโยงระหว"างประสิ่บการณ�เก"าแลี่ะใหม" น+าไปสิ่"กระบวนการค ด้เพ'�อการแกป3ญหา (Insight)

องค�ประกอบข้องการเร�ยนร ม� ๒ สิ่"วน ค'อ๑ . การร�บร (Perception ) เป0นกระบวนการแปลี่ความหมายข้องสิ่ �งเราที่��มา

กระที่บประสิ่าที่สิ่�มผ�สิ่ ซึ้��งจะเนนความสิ่+าค�ญข้องการร�บร เป0นสิ่"วนรวมที่��สิ่มบรณ�มากกว"าการร�บร สิ่"วนย"อยที่�ลี่ะสิ่"วน

๒ . การหย��งเห7น (Insight ) เป0นการร แจง เก ด้ความค ด้ความเข้าใจแวบเข้ามาที่�นที่�ที่�นใด้ข้ณะที่��บ�คคลี่ก+าลี่�งเผช่ ญป3ญหาแลี่ะจ�ด้ระบบการร�บร ซึ้��งเด้ว สิ่ (Davis, 1965 ) ใช่ค+าว"า Aha ' experience

Page 38: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

หล�กของการหย�*งเห,นสำร�ปได�ด�งน . ๒.๑ การหย��งเห7นข้�&นอย"ก�บสิ่ภาพป3ญหา การหย��งเห7นจะเก ด้ข้�&นได้

ง"ายถึาม�การร�บร องค�ประกอบข้องป3ญหาที่��สิ่�มพ�นธ�ก�น บ�คคลี่สิ่ามารถึสิ่รางภาพในใจเก��ยวก�บข้�&นตัอนเหตั�การณ� หร'อสิ่ภาพการณ�ที่��เก��ยวข้องเพ'�อพยายามหาค+าตัอบ

๒.๒ ค+าตัอบที่��เก ด้ข้�&นในใจถึ'อว"าเป0นการหย��งเห7น ถึาสิ่ามารถึแกป3ญหาได้บ�คคลี่จะน+ามาใช่ในโอกาสิ่ตั"อไปอ�ก

๒.๓ ค+าตัอบหร'อการหย��งเห7นที่��เก ด้ข้�&นสิ่ามารถึน+าไปประย�กตั� ใช่ในสิ่ถึานการณ�ใหม"ได้

Page 39: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี สำนามของเลว น (Lewin's Field Theory )

Kurt Lewin น�กจ ตัว ที่ยาช่าวเยอรม�น - 18901947( ) ม�แนวค ด้เก��ยวก�บการเร�ยนร เช่"นเด้�ยวก�บกลี่�"มเกสิ่ตั�ลี่ที่� ที่��ว"าการเร�ยนร เก ด้ข้�&นจากการจ�ด้กระบวนการร�บร แลี่ะกระบวนการค ด้เพ'�อการแกไข้ป3ญหาแตั"เข้าได้น+าเอาหลี่�กการที่างว ที่ยาศึาสิ่ตัร�มาร"วมอธ บายพฤตั กรรมมน�ษย� เข้าเช่'�อว"าพฤตั กรรมมน�ษย�แสิ่ด้งออกมาอย"างม�พลี่�งแลี่ะที่ ศึที่าง (Field of Force ) สิ่ �งที่��อย"ในความสิ่นใจแลี่ะตัองการจะม�พลี่�งเป0นบวก ซึ้��งเข้าเร�ยกว"า Life space สิ่ �งใด้ที่��อย"นอกเหน'อความสิ่นใจจะม�พลี่�งเป0นลี่บ

Page 40: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

Lewin ก+าหนด้ว"า สิ่ �งแวด้ลี่อมรอบตั�วมน�ษย� จะม� ๒ ช่น ด้ ค'อ

๑ . สิ่ �งแวด้ลี่อมที่างกายภาพ (Physical environment)๒ . สิ่ �งแวด้ลี่อมที่างจ ตัว ที่ยา (Psychological environment )

เป0นโลี่กแห"งการร�บร ตัามประสิ่บการณ�ข้องแตั"ลี่ะบ�คคลี่ซึ้��งอาจจะเหม'อนหร'อแตักตั"างก�บสิ่ภาพที่��สิ่�งเกตัเห7นโลี่ก หมายถึ�ง Life space น��นเอง

Life space ข้องบ�คคลี่เป0นสิ่ �งเฉพาะตั�ว ความสิ่+าค�ญที่��ม�ตั"อการจ�ด้การเร�ยนการสิ่อน ค'อ ครตัองหาว ธ�ที่+าใหตั�วครเข้าไปอย"ใน Life space ข้องผเร�ยนใหได้

Page 41: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การน�าหล�กการทฤษฎี กล��มความร�� ความเข�าใจุ ไปประย�กติ�ใช�

๑ . ครควรสิ่รางบรรยากาศึการเร�ยนที่��เป0นก�นเอง แลี่ะม�อ สิ่ระที่��จะใหผเร�ยนแสิ่ด้งความค ด้เห7นอย"างเตั7มที่��ที่� &งที่��ถึกแลี่ะผ ด้ เพ'�อใหผเร�ยนมองเห7นความสิ่�มพ�นธ�ข้องข้อมลี่ แลี่ะเก ด้การหย��งเห7น

๒ . เปJด้โอกาสิ่ใหม�การอภ ปรายในช่�&นเร�ยน โด้ยใช่แนวที่างตั"อไปน�& ๒.๑ เนนความแตักตั"าง ๒.๒ กระตั�นใหม�การเด้าแลี่ะหาเหตั�ผลี่ ๒.๓ กระตั�นใหที่�กคนม�สิ่"วนร"วม ๒.๔ กระตั�นใหใช่ความค ด้อย"างรอบคอบ ๒.๕ ก+าหนด้ข้อบเข้ตัไม"ใหอภ ปรายออกนอกประเด้7น

Page 42: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

๓ . การก+าหนด้บที่เร�ยนควรม�โครงสิ่รางที่��ม�ระบบเป0นข้�&นตัอน เน'&อหาม�ความสิ่อด้คลี่องตั"อเน'�องก�น

๔ . ค+าน�งถึ�งเจตัคตั แลี่ะความร สิ่�กข้องผเร�ยน พยายามจ�ด้ก จกรรมที่��กระตั�นความสิ่นใจข้องผเร�ยนม�เน'&อหาที่��เป0นประโยช่น� ผเร�ยนน+าไปใช่ประโยช่น�ได้ แลี่ะควรจ�ด้โอกาสิ่ใหผเร�ยนร สิ่�กประสิ่บความสิ่+าเร7จด้วย

๕ . บ�คลี่ กภาพข้องครแลี่ะความสิ่ามารถึในการถึ"ายที่อด้ จะเป0นสิ่ �งจงใจใหผเร�ยนม�ความศึร�ที่ธาแลี่ะครจะสิ่ามารถึเข้าไปอย"ใน Life space ข้องผเร�ยนได้

Page 43: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ทฤษฎี ป/ญญาสำ�งคม (Social Learning Theory)

Albert Bandura - (1962 1986) น�กจ ตัว ที่ยาช่าวอเมร ก�น เป0นผพ�ฒนาที่ฤษฎิ�น�&ข้�&นจากการศึ�กษาคนควาข้องตันเอง เด้ มใช่ช่'�อว"า "ที่ฤษฎิ�การเร�ยนร ที่างสิ่�งคม " (Social Learning Theory ) ตั"อมาเข้าได้เปลี่��ยนช่'�อที่ฤษฎิ�เพ'�อความเหมาะสิ่มเป0น "ที่ฤษฎิ�ป3ญญาสิ่�งคม "

ที่ฤษฎิ�ป3ญญาสิ่�งคมเนนหลี่�กการเร�ยนร โด้ยการสิ่�งเกตั (Observational Learning ) เก ด้จากการที่��บ�คคลี่สิ่�งเกตัการกระที่+าข้องผอ'�นแลี่วพยายามเลี่�ยนแบบพฤตั กรรมน�&น ซึ้��งเป0นการเร�ยนร ที่��เก ด้ข้�&นในสิ่ภาพแวด้ลี่อมที่างสิ่�งคมเราสิ่ามารถึพบได้ในช่�ว ตัประจ+าว�น เช่"น การออกเสิ่�ยง การข้�บรถึยนตั� การเลี่"นก�ฬาประเภที่ตั"างๆ เป0นตัน

 

Page 44: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ข้�&นตัอนข้องการเร�ยนร โด้ยการสิ่�งเกตั๑ . ข้�&นใหความสิ่นใจ (Attention Phase ) ถึาไม"ม�ข้� &นตัอนน�& การเร�ยนร อาจจะไม"เก ด้

ข้�&น เป0นข้�&นตัอน ที่��ผเร�ยนใหความสิ่นใจตั"อตั�วแบบ (Modeling ) ความสิ่ามารถึ ความม�ช่'�อเสิ่�ยง แลี่ะค�ณลี่�กษณะเด้"นข้องตั�วแบบจะเป0นสิ่ �งด้�งด้ด้ใหผเร�ยนสิ่นใจ

๒ . ข้�&นจ+า (Retention Phase ) เม'�อผเร�ยนสิ่นใจพฤตั กรรมข้องตั�วแบบ จะบ�นที่�กสิ่ �งที่��สิ่�งเกตัได้ไวในระบบความจ+าข้องตันเอง ซึ้��งม�กจะจด้จ+าไวเป0นจ นตัภาพเก��ยวก�บข้�&นตัอนการแสิ่ด้งพฤตั กรรม

๓ . ข้�&นปฏิ บ�ตั (Reproduction Phase ) เป0นข้�&นตัอนที่��ผเร�ยนลี่องแสิ่ด้งพฤตั กรรมตัามตั�วแบบ ซึ้��งจะสิ่"งผลี่ใหม�การตัรวจสิ่อบการเร�ยนร ที่��ได้จด้จ+าไว

๔ . ข้�&นจงใจ (Motivation Phase ) ข้�&นตัอนน�&เป0นข้�&นแสิ่ด้งผลี่ข้องการกระที่+า (Consequence ) จากการแสิ่ด้งพฤตั กรรมตัามตั�วแบบ ถึาผลี่ที่��ตั�วแบบเคยได้ร�บ (Vicarious Consequence ) เป0นไปในที่างบวก (Vicarious Reinforcement ) ก7จะจงใจใหผเร�ยนอยากแสิ่ด้งพฤตั กรรมตัามแบบ ถึาเป0นไปในที่างลี่บ (Vicarious Punishment ) ผเร�ยนก7ม�กจะงด้เวนการแสิ่ด้งพฤตั กรรมน�&นๆ

Page 45: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

หลี่�กพ'&นฐานข้องที่ฤษฎิ�ป3ญญาสิ่�งคม ม� ๓ ประการ ค'อ

๑ . กระบวนการเร�ยนร ตัองอาศึ�ยที่�&งกระบวนการที่างป3ญญา แลี่ะที่�กษะการตั�ด้สิ่ นใจข้องผเร�ยน

๒ . การเร�ยนร เป0นความสิ่�มพ�นธ�ระหว"างองค�ประกอบ ๓ ประการ ระหว"าง ตั�วบ�คคลี่ (Person ) สิ่ �งแวด้ลี่อม (Environment ) แลี่ะพฤตั กรรม (Behavior ) ซึ้��งม�อ ที่ธ พลี่ตั"อก�นแลี่ะก�น

P   B

E ๓ . ผลี่ข้องการเร�ยนร ก�บการแสิ่ด้งออกอาจจะแตักตั"างก�น สิ่ �งที่��เร�ยนร แลี่วอาจไม"ม�

การแสิ่ด้งออกก7ได้ เช่"น ผลี่ข้องการกระที่+า (Consequence ) ด้านบวก เม'�อเร�ยนร แลี่วจะเก ด้การแสิ่ด้งพฤตั กรรมเลี่�ยนแบบ แตั"ผลี่การกระที่+าด้านลี่บ อาจม�การเร�ยนร แตั"ไม"ม�การเลี่�ยนแบบ

Page 46: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

การน�าหล�กการมาประย�กติ�ใช�๑ . ในหองเร�ยนครจะเป0นตั�วแบบที่��ม�อ ที่ธ พลี่มากที่��สิ่�ด้ ครควรค+าน�งอย"

เสิ่มอว"า การเร�ยนร โด้ยการสิ่�งเกตัแลี่ะเลี่�ยนแบบจะเก ด้ข้�&นได้เสิ่มอ แมว"าครจะไม"ได้ตั�&งว�ตัถึ�ประสิ่งค�ไวก7ตัาม

๒ . การสิ่อนแบบสิ่าธ ตัปฏิ บ�ตั เป0นการสิ่อนโด้ยใช่หลี่�กการแลี่ะข้�&นตัอนข้องที่ฤษฎิ�ป3ญญาสิ่�งคมที่�&งสิ่ &น ครตัองแสิ่ด้งตั�วอย"างพฤตั กรรมที่��ถึกตัองที่��สิ่�ด้เที่"าน�&น จ�งจะม�ประสิ่ ที่ธ ภาพในการแสิ่ด้งพฤตั กรรมเลี่�ยนแบบ ความผ ด้พลี่าด้ข้องครแมไม"ตั�&งใจ ไม"ว"าครจะพร+�าบอกผเร�ยนว"าไม"ตัองสิ่นใจจด้จ+า แตั"ก7ผ"านการสิ่�งเกตัแลี่ะการร�บร ข้องผเร�ยนไปแลี่ว

๓ . ตั�วแบบในช่�&นเร�ยนไม"ควรจ+าก�ด้ไวที่��ครเที่"าน�&น ควรใช่ผเร�ยนด้วยก�นเป0นตั�วแบบได้ในบางกรณ� โด้ยธรรมช่าตั เพ'�อนในช่�&นเร�ยนย"อมม�อ ที่ธ พลี่ตั"อการเลี่�ยนแบบสิ่งอย"แลี่ว ครควรพยายามใช่ที่�กษะจงใจใหผเร�ยนสิ่นใจแลี่ะเลี่�ยนแบบเพ'�อนที่��ม�พฤตั กรรมที่��ด้� มากกว"าผที่��ม�พฤตั กรรมไม"ด้�

Page 47: จิตวิทยาการเรียนรู้ 333333

ประด้ น�นที่�  อ�ปรม�ย . ๒๕๔๐ . เอกสิ่ารการสิ่อนช่�ด้ว ช่าพ'&นฐานการศึ�กษา หน"วยที่�� ๔ มน�ษย�ก�บการเร�ยนร (น . ๑๑๗ – ๑๕๕ ) . พ มพ�คร�&งที่�� ๑๕ : นนที่บ�ร�, สิ่+าน�กพ มพ�มหาว ที่ยาลี่�ยสิ่�โข้ที่�ยธรรมาธ ราช่.

พรรณ�   ช่ที่�ย   เจนจ ตั . ๒๕๓๘ . จ ตัว ที่ยาการเร�ยนการสิ่อน.  พ มพ�คร�&งที่��  ๔ ; กร�งเที่พ , บร ษ�ที่คอมแพคที่�พร &นที่�จ+าก�ด้.

อ�จฉรา   ธรรมาภรณ� .๒๕๓๑.  จ ตัว ที่ยาการเร�ยนร .  ป3ตัตัาน� : คณะศึ�กษาศึาสิ่ตัร�  มหาว ที่ยาลี่�ยสิ่งข้ลี่านคร นที่ร�   ว ที่ยาเข้ตัป3ตัตัาน�,  ๒๕๓๑.

ก�นยา สิ่�วรรณแสิ่ง.๒๕๓๕.จ ตัว ที่ยาที่��วไป General psychology . กร�งเที่พมหานคร :อ�กษรพ ที่ยา, หนา, ๒๒๔.

ช่�ยร�ตัน� บ�ม�.(ม.ป.ป.).เอกสิ่ารประกอบการสิ่อนว ช่า พฤตั กรรมการสิ่อนว ช่าคอมพ วเตัอร�.ก+าแพงเพช่ร:โปรแกรมคอมพ วเตัอร�ศึ�กษา คณะคร�ศึาสิ่ตัร� มหาว ที่ยาลี่�ยราช่ภ�ฎิก+าแพงเพช่ร

 

บรรณาน�กรม