ppt immunity ชีววิทยา ม.5
TRANSCRIPT
ภูม ิค ุ้มก ัน ภูม ิค ุ้มก ันการตอบสนองทางการตอบสนองทาง
ภูม ิค ุ้มก ันภ ูม ิค ุ้มก ัน
ImmunityImmunity
ภูมติ ้านทาน ร ่างกายการ ภูมติ ้านทาน ร ่างกายการ กำาจ ัดส ิง่แปลกปลอม กำาจ ัดส ิง่แปลกปลอม
• ภูม ิช ีว ิตภ ูม ิช ีว ิต : : Immune SystemImmune System คือระบบภูม ิค ุ้มก ันท ั้งหมดคือระบบภูม ิค ุ้มก ันท ั้งหมด
ของร ่างกายที่ท ำาหน้าท ีค่อยของร ่างกายที่ท ำาหน้าท ีค่อยป้องก ันไม ่ให ้เช ือ้โรคหร ือส ิง่ป ้องก ันไม ่ให ้เช ือ้โรคหร ือส ิง่แปลกปลอมที่เป ็นอ ันตรายเข ้าแปลกปลอมที่เป ็นอ ันตรายเข ้ามาทำาอ ันตรายต่อร ่างกายหรือมาทำาอ ันตรายต่อร ่างกายหรือ
เม ื่อหลดุเข ้ามาแลว้ ระบบ เม ื่อหลดุเข ้ามาแลว้ ระบบภูม ิค ุ้มก ันก ็จะพยายามทำาลายภูม ิค ุ้มก ันก ็จะพยายามทำาลายกำาจ ัดส ิ่งแปลกปลอมให้หมดไปกำาจ ัดส ิ่งแปลกปลอมให้หมดไปจากร ่างกายโดยเร ็วและอย่างม ีจากร ่างกายโดยเร ็วและอย่างม ีประส ิทธ ิภาพประส ิทธ ิภาพ
3
หนา้ท ี่โดยสงัเขปของระบบอมิหนา้ท ี่โดยสงัเขปของระบบอมิม ูนรา่งกายคอืม ูนรา่งกายคอื
Defense Defense ปอ้งกันและทำาลายปอ้งกันและทำาลาย เชื้อโรคและสิง่แปลกปลอม เชื้อโรคและสิง่แปลกปลอม
Homeostasis Homeostasis คอยกำาจัดคอยกำาจัดเซลปกตทิีเ่สือ่มสภาพเช่นเม็ดเซลปกตทิีเ่สือ่มสภาพเช่นเม็ดเลอืดทีมี่อายุเลอืดทีมี่อายุ มากแล้ว ออกจากระบบของ มากแล้ว ออกจากระบบของร่างกายร่างกาย Surveillance Surveillance คอยจับตาดูคอยจับตาดู
เซลตา่งๆทีจ่ะ แปรสภาพผิดไป เซลตา่งๆทีจ่ะ แปรสภาพผิดไป จากปกติ เช่น คอยดักทำาลาย จากปกติ เช่น คอยดักทำาลาย
tumor cells tumor cells เพือ่ปอ้งกันการเพือ่ปอ้งกันการ เกิดโรคมะเร็ง เกิดโรคมะเร็ง
กลไกการป้องกนัการต ิดเช ื้อกลไกการป้องกนัการต ิดเช ื้อของร ่างกายของร ่างกาย
11. . ผิวหนงั ผิวหนงั ((SkinSkin))
22. . เย ือ่ช ุ่ม เย ือ่ช ุ่ม ((mucous membranesmucous membranes))
33. . ขบวนการกลืนทำาลาย ขบวนการกลืนทำาลาย ((PhagocytosisPhagocytosis))
44. . เซลล์ท ีม่หีน ้าท ีก่ล ืนท ำาลายตามอวยัวะต ่างๆ เซลล์ท ีม่หีน ้าท ีก่ล ืนท ำาลายตามอวยัวะต ่างๆ((Reticuloendothelial systemReticuloendothelial system))
55. . ส่วนประกอบทางเคมขีองเน ื้อเย ือ่ส ่วนประกอบทางเคมขีองเน ื้อเย ือ่66. . การเกดิการอ ักเสบ การเกดิการอ ักเสบ ((InflammatoryInflammatory))
77. . การขับถ ่าย การขับถ ่าย ((ExcretionExcretion))
88. . การไอ และจาม การไอ และจาม ((Cough reflexCough reflex))
ผิวหนังเช ือ้จลุ ินทร ียผ์ ่านทะลุผ ิวหนังเป ็นไปได้ยากเพราะมกีลไกเชน่
การลอกหลุดออกเป ็นระยะๆ ความแหง้ ความเป ็นกรด เน ือ่งจากกรดไขมนั ซึ่งเปล ี่ยนแปลงไปตามอายสุ ัตว ์
มเีอนไซมห์ลายชนิดเช ่น ไลโซไซม์(lysozyme) ยอ่ยทำาลายจุล ินทร ีย ์
มจี ุล ินทร ียห์ลายชนดิทีไ่มท่ ำาอ ันตรายต่อร ่างกายแต่ป ้องก ันเช ื้ออ ื่น
• บริเวณผิวหนงัของเย ือ่ช ุ่มท ีบ่ ุช ่องต ่างๆจะม ีบร ิเวณผิวหนงัของเย ือ่ช ุ่มท ีบ่ ุช ่องต ่างๆจะม ีเมอืกเหนยีวคอยดักจ ับจ ุล ินทร ียห์ร ือส ิง่แปลกเมอืกเหนยีวคอยดักจ ับจ ุล ินทร ียห์ร ือส ิง่แปลกปลอมปลอม
• มเีอนไซมจ์ ำาพวกไลโซโซมแ์ละสารเคม ีมเีอนไซมจ์ ำาพวกไลโซโซมแ์ละสารเคม ี• ทีน่ ำ้ายอ่ยในกระเพาะจะมคีวามเป ็นกรดสูง ทีน่ ำ้ายอ่ยในกระเพาะจะมคีวามเป ็นกรดสูง
ยบัย ัง้การเจร ิญเต ิบโตของเช ือ้ท ี่จะท ำาใหเ้ก ิดยบัย ัง้การเจร ิญเต ิบโตของเช ือ้ท ี่จะท ำาใหเ้ก ิด โรค โรค
• เย ือ่ช ุ่มท ีบ่ ุช ่องอว ัยวะส ืบพันธ ุ์ของสตัว ์เพศเมยีเย ือ่ช ุ่มท ีบ่ ุช ่องอว ัยวะส ืบพันธ ุ์ของสตัว ์เพศเมยี พวก พวก Lactobacilli Lactobacilli จะทำาให้ผ ิวหนา้ของเย ือ่จะท ำาให้ผ ิวหนา้ของเย ือ่
ช ุ่มมสีภาพเป ็นกรดสงูช ุ่มมสีภาพเป ็นกรดสงู• ทีเ่ย ือ่ช ุ่มอว ัยวะต ่างๆจะพบเซลล์แมคโคเฟจ ทีเ่ย ือ่ช ุ่มอว ัยวะต ่างๆจะพบเซลล์แมคโคเฟจ
((macrophagemacrophage) ) ทำาหนา้ท ีจ่ ับก ินส ิ่งแปลกทำาหนา้ท ีจ่ ับก ินส ิ่งแปลกปลอมปลอม
เย ื่อช ุ่ม (mucous membranes)
ขบวนการกลืนท ำาลาย ขบวนการกลืนท ำาลาย((PhagocytosisPhagocytosis))
• จุล ินทร ียห์ร ือส ิ่งแปลกปลอมจะถ ูกก ำาจ ัดโดยจุล ินทร ียห์ร ือส ิ่งแปลกปลอมจะถ ูกก ำาจ ัดโดยขบวนการกลืนทำาลายขบวนการกลืนทำาลาย
• โดยเมด็เล ือดขาวชนดิหลายนวิเคล ียสและชนดิโดยเมด็เล ือดขาวชนดิหลายนวิเคล ียสและชนดิ ทีม่นีวิเคล ียสเด ียว ทีม่นีวิเคล ียสเด ียว
– ซึ่งเม ื่อมาถ ึงจะเคล ื่อนต ัวไปหาสิ่งแปลกปลอมนั้น ซึ่งเม ื่อมาถ ึงจะเคล ื่อนต ัวไปหาสิ่งแปลกปลอมนั้น((chemotaxischemotaxis))
– ประกบติด ประกบติด ((attachmentattachment))– กลืน กลืน ((ingestioningestion) ) – การย่อย การย่อย ((intracellular digestionintracellular digestion) ) – ปล่อยส ิ่งแปลกปลอมที่ถ ูกท ำาลายแล ้วออกไปจากปล่อยส ิ่งแปลกปลอมที่ถ ูกท ำาลายแล ้วออกไปจาก
เซลล ์เซลล ์ ((eliminationelimination))
เซลล ์ท ีม่หีน ้าท ี่กล ืนท ำาลายเซลล์ท ีม่หีน ้าท ี่กล ืนท ำาลายตามอว ัยวะต ่างๆตามอว ัยวะต ่างๆ
• ตามอว ัยวะต ่างๆมเีซลล ์ท ี่ท ำาหนา้ท ี่กล ืนตามอว ัยวะต ่างๆมเีซลล ์ท ี่ท ำาหนา้ท ี่กล ืน ทำาลายเร ียกว ่า เซลล ์แมคโคเฟจ ทำาลายเร ียกว ่า เซลล ์แมคโคเฟจ
((macrophage macrophage หรือ หรือ histiocytehistiocyte) ) • macrophagemacrophage ทำาหนา้ท ี่จ ับก ินจ ุล ินทร ีย ์ท ำาหนา้ท ี่จ ับก ินจ ุล ินทร ีย ์และส ิง่แปลกปลอมและส ิง่แปลกปลอม
• macrophagemacrophage สว่นมากอยู่ตามอว ัยวะสว่นมากอยู่ตามอว ัยวะ ต่างๆ แต ่ก ็ม ีบา้งท ี่กระจ ัดกระจายอยู่ตาม ต่างๆ แต ่ก ็ม ีบา้งท ี่กระจ ัดกระจายอยู่ตาม
ระบบไหลเว ียนเล ือดและนำ้าเหล ือง ระบบไหลเว ียนเล ือดและนำ้าเหล ือง• ขบวนการนีจ้ะม ีประสทิธ ิภาพสงูข ึ้นถ ้าม ีขบวนการนีจ้ะม ีประสทิธ ิภาพสงูข ึ้นถ ้าม ี
แอนตบิอดีจ ำาพวกออบโซนนิ เชน่ เด ียว แอนตบิอดีจ ำาพวกออบโซนนิ เชน่ เด ียวก ับการกล ืนท ำาลายของเมด็เล ือดขาวกับการกล ืนท ำาลายของเมด็เล ือดขาว
สว่นประกอบทางเคมขีองเน ื้อเย ือ่ เน ื้อเย ื่อของส ัตว ์บางจ ำาพวกจะมีความทนทานต่อการต ิด
เช ื้อแบคทีเร ียบางชนิด เน ื่องจากส่วนประกอบทางเคมีของเน ื้อเย ื่อ ( ไก่ไม ่เป ็น
Anthrax) เป ็นต ้น
การเก ิดการอ ักเสบ(INFLAMMATORY) เป ็นการเคล ื่อนย ้ายของ phagocytic cell
(neutrophilic granulocyte และmacrophage) มายังบร ิเวณทีม่สี ิง่แปลกปลอม
ซึง่ผลของการติดเช ื้อจะทำาใหบ้ร ิเวณนัน้ม ี ลักษณะจำาเพาะคือ ปวด บวม แดง ร ้อน
เส ้นเล ือดฝอยจะมกีารขยายตัวและพลาสมาจะซึมออกมาและคั่งตามบร ิเวณทีม่กีาร
อักเสบ แล้วกลายเป ็นเสน้ไฟบริน (fibrin) สานตัวเป ็นตาข่ายดกัจ ับจ ุล ินทร ีย ์
ตอ่มามเีมด็เล ือดขาวจ ำาพวกทีม่หีลาย นวิเคล ียสกลืนยอ่ยจ ุล ินทร ีย ์
การขับถ ่าย (EXCRETION)
เม ือ่ป ัสสาวะหร ืออ ุจจาระก ็จะท ำาให้เก ิดการขับเช ื้อจ ุล ินทร ียท์ ีอ่ย ูต่ามทอ่ทางเดนิป ัสสาวะหร ืออ ุจจาระ
ใหอ้อกนอกร่างกายได้ เม ือ่เกดิการติดเช ื้อในระบบทางเดนิอาหารร ่างกายก็จะท ำาการขับออกทางอุจจาระซึง่เป ็นผลทีท่ ำาให ้
เกดิอาการทีเ่ร ียกว ่าทอ้งเสยี (Diarrhea)
การไอ และจาม(COUGH REFLEX)เป ็นอ ีกกลไกหนึ่งในการกำาจ ัดส ิ่งแปลกปลอมที่ระบบทางเด ินหายใจบร ิเวณหลอดลม
ภมูคิ ุม้กนัโรค(IMMUNITY) หมายถึง การที่ร ่างกายมีความต้านทานต่อการต ิด
เช ื้อหร ือต ิดโรค ความต้านทานต่อการต ิดเช ื้ออาจจะม ีมากน้อยแตก
ต่างก ันไป มีต ั้งแต ่ต ้านทานโรคได้บ ้างจนกระทั่งต ้านทานไม่ให ้เก ิดโรคเลยก็ม ี
ระบบภูมคิ ุม้กนั (IMMUNE SYSTEM) คือ ระบบภมูคิ ุ้มก ันท ัง้หมดของร ่างกายทีท่ ำา
หนา้ท ีค่อยป้องกนัไมใ่หเ้ช ื้อโรคหรือส ิง่แปลกปลอมทีเ่ป ็นอ ันตรายเข ้ามาทำา
อันตรายต่อร ่างกาย
หรือเม ือ่เช ื้อโรคหลุดเข ้ามาแล้ว ระบบภมูคิ ุ้มกนักจ็ะพยายามทำาลายกำาจดัส ิ่งแปลกปลอมใหห้มดไปจากร ่างกายโดยเร ็วและม ีประสทิธ ิภาพ
ภมูคิ ุ้มกนัโรคแบ่งออกเป ็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ค ือ ภูม ิค ุ้มก ันโรคที่ส ัตว ์ม ีมาต ั้งแต ่ก ำาเน ิด (innate
immunity) ภูม ิค ุ้มก ันท ี่เก ิดข ึ้นภายหลัง (acquired
immunity)
ภูม ิค ุม้ก ันโรคที่สตัว ์ม ีมาต ั้งแต ่ก ำาเนดิ(INNATE IMMUNITY) ภูม ิค ุ้มก ันโรคเฉพาะชนิดของส ัตว ์ (species
immunity ภูม ิค ุ้มก ันโรคเฉพาะพันธ ุ์ของส ัตว ์ (racial
immunity) ภูม ิค ุ้มก ันโรคที่ม ีเฉพาะต ัวส ัตว ์ (individual
immunity)
ภูม ิค ุ้มก ันท ีเ่ก ิดข ึ้นภายหลงั (ACQUIRED IMMUNITY)
ภูม ิค ุ้มก ันโรคที่ส ัตว ์ได ้ร ับโดยตรง (passive immunity) เช ่น Colostrum, Antiserum, antitoxin
ภูม ิค ุ้มก ันโรคที่เก ิดข ึ้นโดยการกระต ุ้น (active immunity) ภูม ิค ุม้ก ันท ี่เกดิจากการกระต ุ้นโดยธรรมชาติ (active
acquire natural immunity) เช ่น เปน็โรคแล้วหาย ภูม ิค ุม้ก ันโรคให้แก ่สตัว ์โดยประด ิษฐ ์ข ึน้มา (active acquire
artificial immunity) เช ่น ว ัคซ ีน
เซลลใ์นระบบภูม ิค ุ้มก ัน
มีต ้นก ำาเน ิดมาจากเซลล์ต ั้งต ้นท ี่เร ียก ว ่า stem cells
สำาหร ับเซลล ์เม ็ดเล ือดขาวจะเจร ิญแบง่ ออกเปน็ lymphoid และ myeloid
lymphoid จะเจร ิญเปน็ lymphocyte ซึ่ง จะพัฒนาต่อเปน็ T-lymphocyte และ B-
lymphocyte myeloid จะเจร ิญเปน็เมด็เล ือดขาวชนดิ
granulocyte และ monocyte หรือmacrophages
เปน็เซลล ์ท ี่ม ีนวิเคลยีส ทำาหนา้ท ี่เก ี่ยวก ับการกำาจ ัดส ิง่แปลกปลอม แบง่ออกเปน็ 2 พวก โดยดูจากแกรนูลในไซโตพลาสซึม และลกัษณะของนวิเคล ียส ได้แก ่
1. Agranulocyte เปน็พวกที่ไมม่ ีแกรนลูชนิดพิเศษในไซโตพลาสซึม ได้แก ่ lymphocyte และ monocyte
2. Granulocyte เปน็พวกที่มแีกรนลูชนดิพิเศษซึง่จะต ิดสยี ้อมต ่างก ันตามสภาพความเปน็กรดและด่างได ้แก ่ neutrophil, eosinophil และ basophil
เม ็ดเล ือดขาว (Leukocytes)
ในไซโตพลาสซมึของเมด็เล ือดขาวทกุชนดิมแีกรนลูธรรมดา จัดเป ็นแกรนลูประเภท แอซโูรฟิล (azurophil) ซึ่งตดิส ีแอเซอร ์เป ็นส ีมว่งอ ่อน
เป ็นแกรนูลละเอ ียดกระจายอยูท่ ัว่ไป ซึ่งพบว่า แกรนลูชนดิน ี้ คือ lysosome
Lymphocyte มนี ิวเคล ียสกลม แบ่งออก เป ็น B-Lymphocyte, T-Lymphocyte และ
Null-cell (non-B, non-T Lymphocyte)
Monocyte นิวเคล ียสร ูปไต ทำาหน้าท ี่ท ำาลายส ิ่งแปลกปลอม เม ื่ออย ู่ในเน ื้อเย ื่ออ ื่นๆจะเปล ี่ยนแปลงไปเป ็นแมโครเฟจ
Neutrophil มนี ิวเคล ียสม ี 2-5 พ ูซึง่มสีายโครมาตินบางๆเช ื่อมใหต้ ิดกนั ภายในไซโตพลาสซมึมแีกรนลูพเิศษขนาดเล ็กมาก neutrophil มปีระมาณ 50-70 % ของเมด็เล ือดขาวทัง้หมด
• สามารถเคล ื่อนที่และย ื่น pseudopodium ไปหุ้มส ิง่แปลกปลอมได้ แต่ช ้ากว ่า neutrophil
Eosinophil นิวเคล ียสม ี 2 พ ูภายในมแีกรนูลพเิศษที่หยาบขนาดใหญย่ ้อมติดส ีแดงเป ็นจ ำานวนมาก
Basophil นวิเคล ียสมขีนาดใหญ่ร ูปร ่างไม ่แนน่อน แกรนลูพิเศษขนาดใหญ่ยอ้มติดสนี ำ้าเง ิน และมกัจะบ ังนวิเคล ียสไว ้เกอืบทัง้หมด
• ภายในแกรนลูมสีาร histamine และ heparin ทีเ่ซลล์สร ้างข ึ้นคล ้ายก ับท ีพ่บใน mast cell
• มปีระมาณ 0.5-1 % ของเมด็เล ือดขาวทัง้หมด
แอนติเจน (ANTIGEN)
หมายถึง สารที่เม ื่อน ำาเข ้าส ู่ร ่างกายแล ้วสามารถ กระต ุ้นให ้ร ่างกายสร ้างแอนติบอด ี และถ ้าน ำา
แอนติบอด ีท ี่เก ิดข ึ้นมารวมกับแอนติเจนจะเก ิด ปฏิก ิร ิยาท ี่สามารถสังเกตได้
แอนติเจนเป ็นสารพวกโปรตีนหร ือสารอ ื่นๆเช ่น โปล ี แซคคาไรด ์ ซ ึ่งแบคทีเร ียหร ือท ็อกซินจากแบคทีเร ีย
และไวร ัสหลายชนิดก ็ม ีค ุณสมบัต ิเป ็นแอนติเจนได้เหม ือนกัน
คุณสมบัตขิองสารแอนตเิจน
มคีวามแปลกปลอม (foreigness) สารทีเ่ป ็นแอนติเจนได้ดคี ือ โปรตีน รองลง
มาคือพวก โพลีแซคคาไรด์ ไขมนั และกรด นวิคลิกอ ิค ตามลำาด ับ
มขีนาดทีใ่หญ่ โดยสารทีม่ขีนาดใหญเ่ป ็น แอนติเจนทีด่ ีกว ่าสารขนาดเล ็ก
มคีวามสามารถ กระตุ้นใหเ้ก ิดการตอบ สนองทางภมูคิ ุ้มกนั (immunogenicity)
เร ียกว ่าเป ็น immunogen สามารถทำาปฏกิริ ิยากบัภมูคิ ุ้มกนัท ีเ่ก ิดข ึ้น
แบบจำาเพาะ คือท ำาปฏกิ ิร ิยาก ับ antibody ได้เร ียกว ่าม ี antigenicity
แอนติบอดี (ANTIBODY)
• หมายถึง สารทีเ่กดิข ึ้นในร ่างกาย อยูต่ามกระแส เล ือดและส ่วนทีเ่ป ็นของเหลวในร่างกาย ซึ่งเก ิด
ข ึ้นโดยการกระตุ้นของแอนติเจนทีถ่ ูกน ำาเข ้า ร ่างกายโดยวิธ ีการฉดีหร ือว ิธอี ื่นๆ และเม ือ่น ำามา
ผสมกับแอนติเจนจะเก ิดปฏกิ ิร ิยาท ีส่ามารถสงัเกตได้
• แอนติบอดมีคี ุณสมบัต ิทางเคมเีป ็นโปรตีน(immunoglobulins) ซึง่อว ัยวะทีส่ ำาค ัญในการ
สร ้างแอนติบอดไีด ้แก ่ ต ่อมนำ้าเหล ือง ต ่อม ทอนซิล มา้ม ต่อมไธมสั เป ็นต ้น
การทำางานของแอนติบอดีการทำางานของแอนติบอดี ทำาลายจ ุล ินทร ีย ์โดยตรง เคล ือบเกาะ ทำาลายจ ุล ินทร ีย ์โดยตรง เคล ือบเกาะจ ุล ินทร ีย ์ท ำาให ้มปีระสทิธภิาพของจ ุล ินทร ีย ์ท ำาให ้มปีระสทิธภิาพของกระบวนการกลืนท ำาลายสงูข ึ้นกระบวนการกลืนท ำาลายสงูข ึ้น
ชว่ยเพิ่มประสทิธภิาพของเซลลท์ ี่ท ำาชว่ยเพ ิ่มประสทิธภิาพของเซลลท์ ี่ท ำาหนา้ท ี่กลนืท ำาลายตามอว ัยวะต ่าหนา้ท ี่กลนืท ำาลายตามอว ัยวะต ่า
ชว่ยให้จ ุล ินทร ีย ์ไมก่ระจ ัดกระจายทั่วไปชว่ยให้จ ุล ินทร ีย ์ไมก่ระจ ัดกระจายทั่วไป
ทำาให ้คณุสมบตั ิของเน ือ้เย ื่อเปล ี่ยนแปลงทำาให ้คณุสมบตั ิของเน ือ้เย ื่อเปล ี่ยนแปลงไปไมเ่หมาะตอ่การขยายจ ำานวนจุลนิทร ีย ์ไปไมเ่หมาะตอ่การขยายจ ำานวนจุลนิทร ีย ์
แอนติซ ีร ัม แอนติซ ีร ัม ((AntiserumAntiserum))
หมายถึง ซ ีร ัมท ี่มสีว่นประกอบของของ หมายถึง ซ ีร ัมท ี่มสีว่นประกอบของของ สารแอนติบอด ีสารแอนติบอดี
เตร ียมโดยฉดีแอนติเจนให้สตัว ์คร ั้งละเตร ียมโดยฉดีแอนติเจนให้สตัว ์คร ั้งละ นอ้ยๆซำ้าหลายๆคร ั้ง เพ ื่อให ้สตัว ์ท ี่ถ ูกฉดี นอ้ยๆซำ้าหลายๆคร ั้ง เพ ื่อให ้สตัว ์ท ี่ถ ูกฉดี
แอนติเจนสร ้างแอนติบอดีข ึ้นในกระแสแอนติเจนสร ้างแอนติบอดีข ึ้นในกระแสเล ือดเล ือด
เม ื่อแยกซีร ัมท ี่มแีอนตบิอดีออกมาฉดีให้เม ื่อแยกซีร ัมท ี่มแีอนตบิอดีออกมาฉดีให้ กับสตัว ์อ ืน่ จะม ีคณุสมบตั ิปอ้งก ันไมใ่ห ้ กับสตัว ์อ ืน่ จะม ีคณุสมบตั ิปอ้งก ันไมใ่ห ้
สตัว ์มกีารต ิดเช ือ้ชน ิดเด ียวก ับแอนตเิจนที่สตัว ์มกีารต ิดเช ือ้ชน ิดเด ียวก ับแอนตเิจนที่ ใชฉ้ดีเข ้าไปได ้ใชฉ้ดีเข ้าไปได้
คอืแอนติซ ีร ัมท ี่มแีอนติบอดีท ี่สามารถ ทำาลายพิษของท็อกซิน
ซึ่งมวี ิธ ีการเตร ียมเชน่เด ียวก ันก ับแอนติ ซีร ัม เชน่ การเตร ียมแอนตทิ ็อกซินของ
โรคบาดทะย ัก
แอนติท ็อกซิน (Antitoxin)
• หมายถึง ส ิง่หน ึง่ส ิง่ใดที่ได ้มาจากจ ุล ินทร ีย ์ หรือ สารละลายของ จ ุล ินทร ียซ์ ึ่งอาจม ี
ชวี ิตอย ู่หร ือตายแล้ว
•เม ื่อฉดีหร ือน ำาเข ้าส ูร่ ่างกายสตัว ์สามารถกระต ุ้นให ้ร ่างกายสร ้างแอนติบอดีท ี่ตอ่ต ้านจ ุล ินทร ีย ์ชนดิเด ียวก ันก ับท ี่ฉดีเข ้าไป
ว ัคซีน (Vaccines)
ว ัคซีนเช ื้อเป ็น (LIVE VACCINE) หมายถึง ว ัคซีนที่ท ำาจากเชื้อโรคที่ท ำาให ้อ ่อนฤทธิ์
ลง เม ื่อเข ้าส ู่ร ่างกายจะไม่ท ำาให ้เก ิดโรค แต่ม ีความสามารถในการกระต ุ้นให ้ร ่างกายสร ้างภ ูม ิค ุ้มก ัน
- ว ัคซีนเช ื้อเป ็นชนิดท ี่เช ื้อหมดความร ุนแรง แล้ว- ว ัตซีนที่เช ื้อย ังคงความร ุนแรงอยู่
ว ัคซีนเช ื้อตาย (KILLED VACCINE) หมายถึง ว ัคซีนที่ท ำาจากเชื้อโรคที่ถ ูกฆ ่าให ้ตาย
แล้วหร ือท ำาจากสารพิษ แต่สามารถกระต ุ้นระบบ ภูม ิค ุ้มก ันให้สร ้างแอนติบอด ีได ้
- ว ัคซนีท ี่ท ำาจากเช ื้อแบคทีเร ีย เช ่น ว ัคซ ีนที่ใช ้ปอ้งกนั โรคแอนแทรกซ์
- ว ัคซนีท ีท่ ำาจากไวร ัส เช ่น ว ัคซีนส ำาหร ับป ้องก ันโรคพษิส ุนขับ ้า - ว ัคซีนประเภททอกซอยด์ (Toxoid )
เช ่น ว ัคซีนป ้องก ันโรคบาดทะยกั ทอกซอยด์ หมายถึง สารพษิของเช ื้อ
แบคทเีร ียท ีท่ ำาใหห้มดพษิแล้ว โดยใช้ความ ร ้อนหรือสารเคม ี สามารถนำาไปกระตุ้น
ร ่างกายใหส้ร ้างภมูคิ ุ้มก ันได้
การตอบสนองของระบบภูม ิค ุ้มก ัน
ความสามารถในการตอบสนองของระบบภมูคิ ุ้มก ันต ่อส ิ่งแปลกปลอมขึ้นก ับป ัจจยับางอยา่งดงัต ่อไปนี้
1. ปัจจ ัยดา้นพนัธ ุกรรม2. ปัจจ ัยดา้นอาย ุ3. ปัจจ ัยดา้นเมทาบอลิซ ึมในร ่างกาย4. ปัจจ ัยดา้นส ิง่แวดล้อม5. ปัจจ ัยดา้นกายวภิาคของสัตว ์6. ปัจจ ัยดา้นจ ุลชีพประจ ำาถ ิน่ (normal flora)7. ปัจจ ัยดา้นสร ีรว ิทยาทีม่อีย ูใ่นร ่างกาย
การตอบสนองทางภูม ิค ุ้มก ัน(IMMUNE RESPONSE)
1. การตอบสนองทางภูมคิ ุม้ก ันแบบไม่ จ ำาเพาะเจาะจง
(Non specific immune response)
2. การตอบสนองทางภูมคิ ุม้ก ันแบบจำาเพาะเจาะจง
(Specific immune response)
การตอบสนองทางภูมคิ ุม้ก ันแบบไมจ่ ำาเพาะการตอบสนองทางภูมคิ ุม้ก ันแบบไมจ่ ำาเพาะ เจาะจง เจาะจง
((Non specific immune responseNon specific immune response)) • เคร ื่องก ีดขวางธรรมชาต ิเคร ื่องก ีดขวางธรรมชาติ ((barrierbarrier) )
ได้แก ่ กลไกการปอ้งก ันโรคต่างๆ ได้แก ่ กลไกการปอ้งก ันโรคต่างๆ• การอ ักเสบ การอ ักเสบ ((inflammatory responseinflammatory response) ) • จ ุล ินทร ีย ์ประจ ำาถ ิ่น จ ุล ินทร ีย ์ประจ ำาถ ิ่น ((normal floranormal flora) ) •
การตอบสนองทางภูม ิค ุม้ก ันแบบ จ ำาเพาะเจาะจง
(SPECIFIC IMMUNE RESPONSE)
เก ิดข ึ้นเม ื่อร ่ายกายไม่สามารถใช้ว ิธ ี Non-specific immune response กำาจ ัดส ิ่งแปลกปลอมนั้นออกไปได้
แบ่งออกเป ็น 2 ส่วน คือ Cell-mediated immune response Humoral immune response
CELL-MEDIATED IMMUNE RESPONSE คือการตอบสนองทางภูม ิค ุ้มก ันโดยอาศัยเซลล ์ท ำา
หน้าท ี่ โดย T-lymphocyte จะเข ้าไปทำาลายแอนติเจน
โดยตรง หร ือโดยการหลั่งสารที่เร ียกว ่าlymphokine ออกมากระต ุ้นเซลล ์ macrophage และเซลล ์อ ื่นท ี่ท ำาให ้เก ิดการอ ักเสบ การเก ิดภ ูม ิแพ ้แบบช้า (delayed type
hypersensitivity) การปฏิเสธการเปล ี่ยนอว ัยวะ (graft rejection) Natural Killer Cell จะฆา่ท ำาลายเซลล์มะเร ็ง เซลล ์
แปลกปลอม
SUBPOPULATION ของ T-LYMPHOCYTE
helper T cell
ทำาหน้าท ี่ช ่วยกระต ุ้น B-lymphocyte ในการสร ้างแอนติบอด ีและการตอบสนองทางภูม ิค ุ้มก ันชนิดผ ่านเซลล ์
suppressor T cell
ทำาหน้าท ี่ควบคุมการทำางานของ B lymphocyte และ T lymphocyte ไม่ให ้ท ำางานมากเก ินไป
killer T cell
(cytotoxic T-cell)
ทำาหน้าท ี่ฆ ่าเซลล ์มะเร ็งและเซลล ์ท ี่ต ิดเช ื้อ
T lymphocyte
ที่หล ั่ง
lymphokines
หลั่ง lymphokines เพ ื่อใช้ในระบบ cell mediated immunity
memory T cell
ช่วยให้ killer T cell สามารถกำาจ ัด target cell ดีข ึ้น
และทำาหน้าท ี่จดจ ำาแอนติเจนต่างๆที่เคยเข ้าส ู่ร ่างกายมาแล ้ว
HUMORAL IMMUNE RESPONSE
คือการตอบสนองโดยแอนติบอด ี (antibody) เร ียกว ่า อ ิมม ูโนโกลบูล ิน Immunoglobulin (Ig) ซึ่งม ีอย ู่ด ้วยก ัน 5 ชนิดค ือ IgG, IgA, IgM, IgD และ IgE
ซึ่งเซลล ์ท ี่ร ับผ ิดชอบในเร ื่องน ี้ค ือ B-Lymphocyte และ plasma cell
โดย ถ ้า B-Lymphocyte ถูกกระต ุ้นโดยเชื้อโรคหร ือส ิ่งแปลกปลอม จะแบ่งเซลล ์ได ้ plasma cell และ memory cell
IMMUNOGLOBULIN (IG)
IgG เป ็นอ ิมม ูโนโกลบูล ินท ี่ม ีมากที่ส ุดในซีร ัม ท ำาหน้าท ี่ ต่อส ู้ก ับ bacteria / virus / toxin เ ป ็นส ่วนใหญ่
IgA - เป ็นอ ิมม ูโนโกลบูล ินหร ือแอนติบอด ีท ี่พบในซีร ั่มและในสารคัดหล ั่งต ่างๆ
ของร ่างกาย- ช่วยป ้องก ันการติดเช ื้อในบร ิเวณเย ื่อเม ือก(mucosal surface) ของระบบทางเด ินอาหาร/ระบบทางเด ินหายใจ
IgM เป ็นสารอ ิมม ูโนโกลบูล ินต ัวเรกที่สร ้างข ึ้นเม ื่อพบกับ แอนติเจน เป ็นสารอ ิมม ูโนโกลบูล ินท ี่ม ีความจำาเพาะ
พิเศษต่อ lipopolysaccharide ของแบคทีเร ียชนิดแกรมลบ
IgD พบที่ผ ิวของ B-lymphocyte ทำาหน้าท ี่เป ็นต ัวร ับ แอนติเจน (antigen receptor)
IgE ทำาหน้าท ี่ส ำาค ัญเป ็นต ัวร ่วมที่จะท ำาให ้เก ิดอาการภูม ิแพ ้
อ้างอ ิง
202.143.142.35/~bb303/ภูมิคุ้มกัน.ppt
web.yru.ac.th/~dolah/notes/FOODSC/404741028.ppt
mt.nmc.ac.th/th/admin/document/att_news/IALFFK.ppt
pirun.ku.ac.th/~fvetpmh/Immunology.ppt