nuclear watch (thailand) 18
DESCRIPTION
จับตานิวเคลียร์ ข้อมูลอีกด้านที่ควรรู้TRANSCRIPT
![Page 1: Nuclear Watch (Thailand) 18](https://reader033.vdocuments.mx/reader033/viewer/2022052409/5459e247af795953128b4f7a/html5/thumbnails/1.jpg)
จับตานิวเคลียร์ 1
ฉบับที่ 18, พฤศจิกายน-ธันวาคม 2555 โครงการจับตาพลังงาน (Energy Watch) email : [email protected]
ในเล่ม“เซลลาฟิลด์”
โรงงานนิวเคลียร์ที่มีพิษ
ที่สุดในยุโรป
ปลุกผีโครงการ
ศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์
รื้อถอนเตาปฏิกรณ์ฟูกูชิมะ :
เรื่องที่ท้าทายกว่าเชอร์โนบิล
พลังงานหมุนเวียน
ทดแทนนิวเคลียร์ไม่ได้จริงหรือ ?
ข่าว / ความเคลื่อนไหว
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
เสียท่า “แมงกระพรุน”
1
1
4
6
7
8
“เซลลาฟิลด์” ไม่ใช่แค่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงหนึ่ง แต่เป็นเสมือน “นิคมอุตสาหกรรม
นิวเคลียร์” ในเขตคัมเบรียทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ มีเนื้อที่ 6 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ
3,750 ไร่) อันเป็นที่ตั้งของโรงงานนิวเคลียร์หลายประเภท นับตั้งแต่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ใช้
ในทางทหาร โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โรงงานสกัดแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว โรงงานผนึกกากนิวเคลียร์ด้วย
แก้ว และอื่นๆ รวมทั้งกากนิวเคลียร์อีกจ�านวนมหาศาลที่ถูกเก็บในบ่อและโกดังหลายแห่ง
ด้วยอายุที่ยาวนานมากกว่า 50 ปีและอุบัติเหตุที่ท�าให้มีการรั่วไหลของรังสีหลายครั้ง
ท�าให้เซลลาฟิลด์เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพิษของรังสี และถูกจัดให้เป็นโรงงานนิวเคลียร์ที่มีอันตราย
มากที่สุดในทวีปยุโรป
ตัวอย่างเล็กๆ ที่แสดงถึงอันตรายของมันก็คือ “นกพิราบปนเปื้อนรังสี” ที่เปรียบเสมือน
“ขยะรังสีบินได้” ที่สามารถบินเข้าไปในเขตชุมชนพร้อมกับสารกัมมันตรังสีที่ติดอยู่บนขนหรือแม้
กระทั้งมูลของมัน โดยในปี 2541 ทางการอังกฤษต้องออกประกาศเตือนขอให้ประชาชนอย่าแตะ
ต้องหรือน�านกพิราบในรัศมี 10 ไมล์จากโรงงานเซลลาฟิลด์มารับประทาน ปัญหาขยะรังสีบินได้
เป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (ต่อหน้า 2)
“เซลลาฟิลด์”
โรงงานนิวเคลียร์ที่มีพิษที่สุดในยุโรป
โรงงานนิวเคลียร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอังกฤษแห่งนี้ ก�าลังถูกปลดระวางและ
รื้อถอนอาคาร อุปกรณ์ต่างๆ ที่เต็มไปด้วยกัมมันตภาพรังสี ซึ่งขณะนี้แม้แต่หน่วยงานที่รับ
ผิดชอบเองก็ยังไม่ทราบว่าต้องใช้เวลานานกี่ปี และต้องใช้งบประมาณจ�านวนเท่าใด
ปลุกผีโครงการศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ เพิ่มก�าลังเป็น 30 เมกะวัตต์
2 พฤศจิกายน 2555, นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.กระทรวง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จะมีการเดินหน้าสานต่อโครงการ
ศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ จ.นครนายก และจะเร่งด�าเนินการเพื่อไม่ให้
ประเทศชาติเสียประโยชน์
สถาบันวิจัยเทคโนโลยีนิวเคลียร์ (สทน.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่แยก
ตัวออกมาจากส�านักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เมื่อปี 2549 คือหน่วยงาน
ที่จะเป็นผู้ด�าเนินโครงการนี้ โดย สทน.ได้ว่าจ้างศูนย์บริการวิชาการแห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (ต่อหน้า 5) การคัดค้านโครงการศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์เมื่อปี 2544
![Page 2: Nuclear Watch (Thailand) 18](https://reader033.vdocuments.mx/reader033/viewer/2022052409/5459e247af795953128b4f7a/html5/thumbnails/2.jpg)
2 จับตานิวเคลียร์
การรื้อถอนหอหล่อเย็นโรงไฟฟ้าแคลเดอร์ฮอลล์ในเซลลาฟิลด์ ปี 2550
ยังมีการตรวจพบ “นกนางแอ่นปนเปื้อนรังสี” อีกด้วย
ในช่วง 50 กว่าปีที่ผ่านมา เคยมีอุบัติเหตุที่มีความรุนแรง
ระดับ 3-5 ของอุบัติเหตุนิวเคลียร์ (สูงสุดคือระดับ 7) เกิดขึ้นใน
โรงงานเซลลาฟิลด์ถึง 21 ครั้ง สารรังสีที่ปล่อยลงสู่ทะเลทั้งโดย
ตั้งใจและจากการรั่วไหล ท�าให้ทะเลไอริชถูกจัดให้เป็นทะเลที่ปน
เปื้อนรังสีสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ปัจจุบันโรงงานส่วนใหญ่ในเซลลาฟิลด์ได้ปิดด�าเนิน
การไปนานแล้ว ส่วนที่ยังใช้งานอยู่มีเพียงโรงงานผลิตเชื้อเพลิง
นิวเคลียร์แบบอ็อกไซด์ผสมที่เรียกว่า “MOX” ซึ่งมีการประกาศ
ยืนยันเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จะหยุดด�าเนินการในปี 2561
หลังสิ้นยุคของการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เซลลาฟิลด์
ได้ถูกพัฒนาให้เป็นโรงงานสกัดซ�้า (reprocessing) แท่งเชื้อเพลิง
นิวเคลียร์ใช้แล้ว เพื่อสกัดเอาพลูโตเนียมและยูเรเนียมที่ยังหลง
เหลืออยู่กลับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงใหม่ ด้วยเงินลงทุนหลายพันล้าน
ยูโรที่มาจากภาษีของประชาชน “โรงงานเชื้อเพลิง MOX เซล
ลาฟิลด์” ก็ได้เปิดกิจการในปี 2544 มันถูกออกแบบให้มีก�าลัง
ผลิต 120 ตันต่อปี แต่เอาเข้าจริง ในการด�าเนินการ 8 ปีแรกกลับ
สามารถผลิตเชื้อเพลิง MOX ได้เพียง 13 ตันเท่านั้น
โครงการนี้ถือเป็นการลงทุนที่ล้มเหลวอย่างมโหฬารที่สุด
ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ ซึ่งที่จริงแล้ว การ reprocessing
เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วเป็นเรื่องที่ไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
แต่เป็นความพยายามของฝ่ายอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่จะหา
ทางออกให้กับจุดอ่อนของพลังงานนิวเคลียร์ในเรื่องปัญหากาก
นิวเคลียร์ โดยท�าให้เห็นว่ามันสามารถน�ากลับมารีไซเคิลได้ แต่ใน
ความเป็นจริงก็คือ การ reprocessing กลับท�าให้มีกากนิวเคลียร์ที่
เป็นภาระในระยะยาวเพิ่มมากขึ้นไปอีก
กากนิวเคลียร์จ�านวนมหาศาลท่ีเก็บไว้ชั่วคราวในเซลลา
ฟิลด์มีปริมาณมากถึง 68,000 ลูกบาศก์เมตร หรือเทียบเท่ากับ
ปริมาตรของสระว่ายน�้าโอลิมปิก 27 สระ ยังไม่นับรวมวัสดุ
อุปกรณ์ และซากอาคารต่างๆ ที่เลิกใช้งานแล้ว ซึ่งถือเป็นกาก
นิวเคลียร์ที่ต้องท�าการบ�าบัดและจัดเก็บด้วยวิธีการเช่นเดียวกับ
การจัดการกากนิวเคลียร์
นับจากปี 2548 เป็นต้นมา นิคมนิวเคลียร์เซลลาฟิลด์ได้
ถูกโอนให้อยู่ในความรับผิดชอบของ “ส�านักปลดระวางนิวเคลียร์”
(Nuclear Decommissioning Authority : NDA) ซึ่งเป็นหน่วยงาน
รัฐที่ก่อตั้งขึ้นใหม่เพื่อรับมอบภารกิจในการปลดระวางและรื้อถอน
โรงงานนิวเคลียร์เก่าที่หยุดด�าเนินการลงในประเทศอังกฤษ และ
“เซลลาฟิลด์” ก็คือภารกิจแรกของหน่วยงานใหม่แห่งนี้
ตามรายงานตรวจสอบการใช้งบประมาณโดยส�านักงาน
ตรวจเงินแห่งชาติของอังกฤษ (The National Audit Office : NAO)
ที่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนตุลาคม 2555 ระบุว่า
“นับตั้งแต่เปิดด�าเนินการมา ผู้ประกอบการโรงงานเซล
ลาฟิลด์ไม่ได้ค�านึงถึงการปลดระวางหรือการก�ากัดกากนิวเคลียร์
อย่างเพียงพอ ส�านักปลดระวางนิวเคลียร์ต้องรับสืบทอดมรดก
ของโครงการที่แย่และขาดการเอาใจใส่ อาคารและเครื่องจักร
อุปกรณ์กว่า 1,400 รายการซึ่งมีจ�านวน 240 รายการที่มีวัสดุ
นิวเคลียร์นั้น บางส่วนอยู่ในสภาพทรุดโทรมและมีความเสี่ยง
อย่างมีนัยส�าคัญที่จะเกิดอันตรายต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม”
การรื้อถอนนิคมฯ เซลลาฟิลด์จึงถือเป็นงานอภิมหาหิน
ที่จะต้องรื้อถอนด้วยความระมัดระวัง ท�าความสะอาดการปนเปื้อน
รังสี และผนึกกากนิวเคลียร์ทั้งหมดไว้ในภาชนะที่สามารถป้องกัน
รังสีได้นาน 100 ปี เพื่อรอเวลาที่จะพัฒนาสถานที่จัดเก็บกาก
นิวเคลียร์อย่างถาวรได้ส�าเร็จ (ซึ่งยังไม่ทราบว่าเมื่อไหร่)
ส�าหรับงบประมาณด�าเนินการที่ประเมินไว้ในปี 2548 อยู่
ที่ 31,500 ล้านยูโร (1.26 ล้านล้านบาท) แต่เมื่อถึงปี 2555 ตัวเลข
ประเมินก็พุ่งขึ้นเป็น 67,500 ล้านยูโร (ประมาณ 2.7 ล้านล้าน
บาท) ภายใต้งบประมาณนี้ เป้าหมายที่ก�าหนดไว้ก็คือ การรื้อถอน
โรงงานทั้งหมดจะแล้วเสร็จในปี 2563 ยกเว้นกรณีบ่อน�้าเก็บกาก
นิวเคลียร์และโกดังกากนิวเคลียร์ที่เต็มไปด้วยสารกัมมันตรังสีเข้ม
ข้นตั้งแต่สมัยพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ จะต้องใช้เวลารื้อถอนจนถึงปี
2579 เท่านั้นยังไม่จบ เพราะยังเหลือการก่อสร้างสถานที่จัดเก็บ
กากนิวเคลียร์ถาวร ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีสถานที่ที่เหมาะสม โดยเป้า
หมายที่คาดว่าจะท�าได้เสร็จสมบูรณ์ก็คือปี พ.ศ. 2663 หรืออีก
100 ปีข้างหน้า !!!
ส�านักงานตรวจสอบบัญชีแห่งชาติยังระบุในรายงานด้วย
ว่า “หนี้สินที่ถูกละเลยในประวัติศาสตร์ ท�าให้ผู้รับผิดชอบโครงการ
ต้องเผชิญกับความยากล�าบากในการที่จะเดินหน้าการปลดระวาง
เซลลาฟิลด์ต่อไป”
“หนี้สินที่ถูกละเลยในประวัติศาสตร์” ของเซลลาฟิลด์
ก้อนนี้ คือภาระจากอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่ชาวอังกฤษต้องร่วม
กันชดใช้ต่อไปอีกนับร้อยๆ ปี
แหล่งข้อมูล
- Sellafield nuclear waste storage is ‘intolerable risk’, www.bbc.co.uk, 7 Nov. 2012
- Managing risk reduction at Sellafield, National Audit Office, 7 November 2012
- Sellafield swallows contaminated by radioactivity, www.guardian.co.uk, 8 June 2012
- www.sellafieldsites.com
- Wikipedia
เซลลาฟิลด ์(ต่อจากหน้า 1)
การลงทุนที่ล้มเหลวอย่างมโหฬาร
การรื้อถอน : ต้นทุนที่ต้องจ่ายย้อนหลัง
![Page 3: Nuclear Watch (Thailand) 18](https://reader033.vdocuments.mx/reader033/viewer/2022052409/5459e247af795953128b4f7a/html5/thumbnails/3.jpg)
จับตานิวเคลียร์ 3จับตานิวเคลียร์ 3
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของนิคมนิวเคลียร์เซลลาฟิลด์
เริ่มต้นจากการเป็นโรงงานผลิตอาวุธของประเทศอังกฤษในสมัย
สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามโลกยุติลง การแข่งขันพัฒนา
อาวุธนิวเคลียร์ของชาติมหาอ�านาจก็เริ่มต้นขึ้น โรงงานเซลลา
ฟิลด์ถูกดัดแปลงให้เป็นโรงงานผลิตพลูโตเนียม เพื่อเป็นวัตถุดิบ
ส�าหรับสร้างระเบิดปรมาณู เตาปฏิกรณ์วินด์สเกลไพล์ 2 เครื่อง
จึงถูกก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2490 เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการนี้ ถัด
มาคือการก่อสร้างโรงงานสกัดพลูโตเนียมจากแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว
ของเตาปฏิกรณ์วินสเกลไพล์ ที่เรียกว่า “โรงงาน B204” ซึ่งเปิด
ด�าเนินการในปี 2494
ต่อมาในปี 2496 ก็มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
แคลเดอร์ฮอลล์และสามารถเปิดใช้งานได้ในปี 2499 ซึ่งถือเป็น
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชิงพานิชย์โรงแรกของโลก แต่แท้จริงแล้ว
วัตถุประสงค์หลักของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แคลเดอร์ฮอลล์ยังคงอยู่
ที่การผลิตพลูโตเนียมเพื่อใช้ในทางทหาร ส่วนไฟฟ้านั้นถือเป็น
ผลพลอยได้
ในปี 2505 ได้มีการก่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
ต้นแบบของอังกฤษที่ใช้แก๊สเป็นตัวหล่อเย็นที่เรียกว่า Windscale
Advanced Gas Cooled Reactor (WAGR) ซึ่งเป็นเตาปฏิกรณ์รุ่น
ที่ 2 ที่พัฒนามาจากเตาปฏิกรณ์แบบ Magnox ที่ใช้อยู่ในโรงไฟ
ฟ้าแคลเดอร์ฮอลล์ ถัดมาในปี 2507 รัฐบาลอังกฤษก็ต้องก่อสร้าง
โรงงานสกัดแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์แบบ Magnox (Magnox re-
processing plant) ขึ้นอีกหนึ่งโรง หลังจากพบว่าแท่งเชื้อเพลิงใช้
แล้วชนิดนี้ เมื่อน�าไปจัดเก็บโดยแช่ไว้ใต้น�้าจะเกิดการกัดกร่อน
ในปี 2537 โรงงานสกัดแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว
THORP (Thermal Oxide Reprocessing Plant) ก็ก่อสร้างเสร็จ
และเริ่มเปิดใช้งาน โรงงาน THORP เป็นโรงงานที่น�าแท่งเชื้อเพลิง
นิวเคลียร์ใช้แล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบ WAGR มาสกัดเอา
พลูโตเนียมและยูเรเนียมที่ยังหลงเหลือในแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วออก
มาใช้ประโยชน์ใหม่
โรงงานสุดท้ายที่มีการก่อสร้างขึ้นก็คือโรงงานผลิตแท่ง
เชื้อเพลิง MOX เซลลาฟิลด์ (Sellafield MOX Plant) ที่เปิดด�าเนิน
การในปี 2544 เพื่อผลิตเชื้อเพลิง MOX (Mixed-Oxide) ซึ่งหมาย
ถึงอ็อกไซด์ผสมของพลูโตเนียมและยูเรเนียมที่สกัดได้จากโรงงาน
THORP
ประเทศอังกฤษสะสมพลูโตเนียมอ็อกไซด์ไว้เป็นจ�านวน
มาก ด้วยความฝันอันสวยหรูว่าวัตถุมหันตภัยนี้จะแปรเปลี่ยนเป็น
ก�าไรก้อนงามจากการขายแท่งเชื้อเพลิง MOX ท�าให้เซลลาฟิลด์
เป็นคลังพลูโตเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โครงการผลิตแท่งเชื้อเพลิง MOX ลงทุนก่อสร้างและ
ด�าเนินการมาเป็นเวลา 10 ปี ก่อนที่จะจบลงด้วยความล้มเหลว
ไม่เป็นท่า เพราะมีลูกค้าเพียงไม่กี่ประเทศที่สั่งซื้อเชื้อเพลิงชนิดนี้
จากโรงงานเซลลาฟิลด์ ลูกค้ารายส�าคัญที่สุดคือประเทศญี่ปุ่น แต่
เมื่อเกิดอุบัติเหตุฟูกูชิมะในปี 2554 ท�าให้อนาคตของอุตสาหกรรม
นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นดับวูบ จนต้องขอยกเลิกค�าสั่งซื้อเชื้อเพลิง MOX
จากโรงงานเซลลาฟิลด์ทั้งหมด อย่างน้อยในเวลา 10 ปีข้างหน้านี้
ในเดือนมิถุนายน 2555 “ส�านักปลดระวางนิวเคลียร์” ซึ่ง
เป็นหน่วยงานผู้เป็นเจ้าของนิคมนิวเคลียร์เซลลาฟิลด์ได้ประกาศ
ว่า โรงงานเชื้อเพลิง MOX เซลลาฟิลด์จะต้องถูกปลดระวางในปี
2561 เพื่อเริ่มกระบวนการรื้อถอน
ตามแผนที่ส�านักปลดระวางนิวเคลียร์วางไว้ การรื้อถอน
และจัดเก็บกากนิวเคลียร์จะเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2663
นิคมนิวเคลียร์เซลลาฟิลด์
ภาระ 100 ปีในการปลดระวางและรื้อถอน
![Page 4: Nuclear Watch (Thailand) 18](https://reader033.vdocuments.mx/reader033/viewer/2022052409/5459e247af795953128b4f7a/html5/thumbnails/4.jpg)
4 จับตานิวเคลียร์
ระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ระยะที่ 3
2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565 2566 20-25 ปี 30-40 ปี
แผน 40 ปีในการรื้อถอนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ
การเก็บกวาด
ซากปรักหักพัง
บริเวณบ่อเก็บ
แท่งเชื้อเพลิง
ใช้แล้วเสร็จสิ้น
เริ่มต้นย้ายเชื้อ
เพลิงใช้แล้ว
ออกจากบ่อ
การซ่อมแซม
อาคารเครื่อง
ปฏิกรณ์และ
อาคารเครื่อง
ปั่นไฟเสร็จสิ้น
การระบายน�้า
ปนรังสีออกจาก
อาคารปฏิกรณ์
และอาคารเครื่อง
ปั่นไฟเสร็จสิ้น
เริ่มเคลื่อนย้าย
แท่งเชื้อเพลิง
ออกจากเตา
ปฏิกรณ์
การเคลื่อนย้าย
แท่งเชื้อเพลิง
แล้วเสร็จ
การรื้อถอน
อาคารปฏิกรณ์
แล้วเสร็จ
ที่มา : บริษัทเท็ปโก
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ & สึนามิ (ต่อจากหน้า 1)รื้อถอนเตาปฏิกรณ์ฟูกูชิมะ : เรื่องที่ท้าทายกว่าเชอร์โนบิล
ธันวาคม 2555, นายโตชิมิตสุ โมเตกิ รัฐมนตรีกระทรวง
อุตสาหกรรมญี่ปุ่นเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดสรร
งบประมาณพิเศษหลายหม่ืนล้านเยนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการวิจัย
และพัฒนาวิธีการรื้อถอนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ
งบประมาณก้อนนี้เป็นเงินก้อนที่สอง หลังจากที่รัฐบาลชุดก่อนได้
อนุมัติงบประมาณ 2,000 ล้านเยน (25 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อใช้
ในการศึกษาวิธีการรื้อถอนเตาปฏิกรณ์อย่างปลอดภัย
นายโมเตกิกล่าวว่า “เป็นเรื่องจ�าเป็นที่จะต้องเร่งด�าเนิน
การรื้อถอนเตาปฏิกรณ์ฟูกูชิมะ โดยรัฐบาลจะแสดงบทบาทอย่าง
เต็มก�าลัง รวมทั้งการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
ในการอุดรอยรั่วที่จมอยู่ใต้น�้าปนเปื้อนรังสีด้วย
การเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงที่หลอมละลายออกจากเตา
ปฏิกรณ์ทั้งสามต้องใช้เวลาถึง 25 ปี (พ.ศ.2579) หลังจากนั้นจึงจะ
สามารถรื้อถอนอาคารเครื่องปฏิกรณ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมได้
โดยบริษัทเท็ปโกคาดว่าค่าใช้จ่ายในการด�าเนินการจะตกประมาณ
1 ล้านล้านเยน อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดว่าค่าใช้จ่ายน่าจะเพิ่ม
สูงขึ้นอีกในอนาคต
แม้ว่าอุบัติเหตุฟูกูชิมะจะมีความร้ายแรงน้อยกว่ากรณี
ของเชอร์โนบิล แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การแก้ไขปัญหาที่
เชอร์โนบิลกลับใช้วิธีการที่ง่ายกว่ามาก โดยการก่อสร้างเกราะ
ในการรื้อถอนเตาปฏิกรณ์ทั้ง 4 เครื่องที่ฟูกูชิมะ บริษัท
เท็ปโกได้ตั้งงบประมาณไว้ 1 ล้านล้านเยน (12,500 ล้านเหรียญ)
ตามแผนการรื้อถอนที่มีก�าหนดระยะเวลา 40 ปี
การรื้อถอน หรือ “decommissioning” โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
มีความหมายรวมตั้งแต่การปลดระวางโรงไฟฟ้า การรื้อถอนเตา
ปฏิกรณ์ บ�าบัดและจัดเก็บกากนิวเคลียร์ทั้งหลายเข้าสู่ภาชนะ
ป้องกันที่มีความปลอดภัย ไปจนถึงการท�าความสะอาดและฟื้นฟู
สภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยจากการปนเปื้อนรังสี ซึ่งส�าหรับโรง
ไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
ตามแผนการที่วางไว้ อันดับแรกคือการซ่อมแซมอาคาร
เครื่องปฏิกรณ์ที่ยังมีการรั่วไหลของรังสี ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 6 ปี
จากนั้นจึงท�าการระบายน�้าปนเปื ้อนรังสีออกจากอาคารติดต้ัง
เครื่องปฏิกรณ์และอาคารเครื่องก�าเนิดไฟฟ้า ซึ่งใช้เวลาอีก 2 ปี
อย่างไรก็ตาม แผนการนี้ก�าหนดขึ้นด้วยข้อมูลที่ไม่มีความชัดเจน
นัก เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครทราบเลยว่าจุดรั่วไหลอยู่ตรงไหน
เมื่อด�าเนินการขั้นแรกส�าเร็จ สิ่งที่ต้องท�าต่อมาคือการ
เคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงที่หลอมละลายออกจากเตาปฏิกรณ์ ซึ่ง
เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด เพราะแท่งเชื้อเพลิงที่หลอมละลายอยู่ใน
สภาพกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ที่บริเวณฐานของเตา
ปฏิกรณ์ ขั้นตอนนี้คาดว่าจะเริ่มหลังจากปี 2565 ไปแล้ว ซึ่งใน
ระหว่างนี้จะต้องมีการพัฒนาหุ่นยนต์ท่ีสามารถเข้าไปปฏิบัติงาน
ในพื้นที่อันตรายแทนมนุษย์ให้ส�าเร็จ รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยี
คอนกรีตหนาครอบเตาปฏิกรณ์ท่ีเสียหายและอพยพประชาชน
ออกจากพื้นที่อย่างเป็นการถาวร แต่ส�าหรับญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศ
ที่ขาดแคลนที่ดินและประชาชนมีความรู้สึกผูกพันกับที่ดินอย่าง
ลึกซึ้งแล้ว การกอบกู้ที่ดินเพื่อให้ประชาชนกลับเข้าไปอาศัยอยู่ได้
อย่างปลอดภัยคือเป้าหมายของแผน
“เราจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะก�าจัดการ
ปนเปื้อนของรังสี และฟื้นฟูสภาพของทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถจะ
ฟื้นฟูได้ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับเข้าไปอาศัยอยู่ได้อีกครั้ง”
นายโกชิ โฮโซโนะ รัฐมนตรีอุบัติเหตุนิวเคลียร์ให้สัมภาษณ์กับสื่อ
ต่างประเทศ “เพื่อที่จะฟื้นฟูสภาพสิ่งต่างๆ ให้กลับคืนมา เราต้อง
มีการพัฒนาเทคโนโลยี และจะสละงบประมาณจ�านวนมากให้กับ
อะไรก็ตามที่จะท�าให้มันส�าเร็จ”
นอกจากแผนการรื้อถอนโรงไฟฟ้าแล้ว รัฐบาลยังมีแผนที่
จะก�าจัดการปนเปื้อนรังสีในเมือง ถนน สวนสาธารณะ และอื่นๆ
ซึ่งต้องใช้งบประมาณอีก 1 ล้านล้านเยน
ไม่มีใครรู้ว่าต้นทุนที่แท้จริงในการจัดการปัญหาฟูกูชิมะ
จะมากเท่าไหร่ แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือ ประชาชนผู้เสียภาษีจะต้อง
ร่วมแบกรับภาระทางการเงินก้อนมหึมานี้ต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน
ที่มา :
- Motegi: Budget earmarked to decommission Fukushima nuclear
reactors, ajw.asahi.com, 29 Dec., 2012
- Japan Plots 40-Year Nuclear Cleanup, online.wsj.com, 22 Dec., 2011
![Page 5: Nuclear Watch (Thailand) 18](https://reader033.vdocuments.mx/reader033/viewer/2022052409/5459e247af795953128b4f7a/html5/thumbnails/5.jpg)
จับตานิวเคลียร์ 5
ย้อนรอยความเป็นมาของโครงการ
อาคารส�านักงานศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ บนเนื้อที่ 316 ไร่ ก่อสร้างเสร็จและถูกทิ้งร้างไว้หลายปี ก่อนจะกลายเป็น สทน. ในปัจจุบัน
เตาปฏิกรณ์วิจัยเครื่องใหม่ จ�าเป็นจริงหรือ ?
สรุปว่า ประเทศไทยควรมีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยเครื่องใหม่
เพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ การเกษตร และอุตสาหกรรม
เนื่องจากเครื่องปฏิกรณ์เดิมใช้ประโยชน์ได้ไม่เพียงพอ
รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ยังกล่าวด้วยว่า ภายใต้โครงการใหม่
นี้ เตาปฏิกรณ์จะต้องมีขนาดระหว่าง 10-30 เมกะวัตต์
โครงการดังกล่าวน้ีเคยด�าเนินการโดยส�านักงานปรมาณู
เพื่อสันติเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว แต่การก่อสร้างเตาปฏิกรณ์วิจัย
ต้องยกเลิกไป แม้ว่าจะมีการท�าสัญญาจัดซื้อและก่อสร้างเครื่อง
ปฏิกรณ์ขนาด 10 เมกะวัตต์กับบริษัทเจเนอรัล อตอมมิค (จีเอ)
จากสหรัฐอเมริกาแล้วก็ตาม เนื่องจากเครื่องปฏิกรณ์ของบริษัทจี
เอ ไม่เคยผ่านการตรวจประเมินความปลอดภัยจากประเทศผู้ผลิต
สัญญาว่าจ้างก่อสร้างในโครงการนี้เป็นสัญญาแบบ Turn
Key (จ้างเหมาทั้งออกแบบและก่อสร้าง) ระยะเวลาด�าเนินการ
มิ.ย. 2540 - มิ.ย. 2544 แต่จนกระทั่งปัจจุบันการก่อสร้างก็ยังไม่
ได้เริ่มต้น โดยที่ส�านักงานปรมาณูฯ ได้จ่ายเงินไปแล้ว 1,800 ล้าน
บาท และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการให้แก่ บ.อิเลคโทรวัตต์ อีก 247
ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้าน อ.องครักษ์ได้ยืนเรื่องร้องเรียนต่อ
ส�านักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ สตง. สรุปผลการสอบสวน
ในปี 2549 ว่า มีการประพฤติมิชอบของข้าราชการที่เกี่ยวข้องใน
โครงการ ปัญหาทั้งหมดนี้ยังคาราคาซังมาจนถึงปัจจุบัน
ทางการแพทย์ การเกษตร และอุตสาหกรรม เช่นการฉายรังสีเพื่อ
ถนอมอาหารหรือปรับปรุงพันธ์พืช การฉายรังสีเพื่อเพิ่มมูลค่าของ
อัญมณี และการน�ารังสีไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ส่วนใน
ทางการแพทย์ก็ได้แก่ การใช้รังสีในการวินิจฉัยและรักษาโรค โดย
เฉพาะโรคมะเร็ง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม “ประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสี” ไม่ใช่
สิ่งเดียวกันกับ “ประโยชน์ของเครื่องปฏิกรณ์วิจัย” โดยเราจะ
เห็นได้ว่า สทน.มีศูนย์ฉายรังสีเพื่อให้บริการฉายรังสีผลิตภัณฑ์
การเกษตรและอื่นๆ ตั้งอยู่ที่รังสิตคลอง 5 จ.ปทุมธานี และมีศูนย์
ฉายรังสีอัญมณีที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ตั้งอยู่
ในส�านักงานที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก โดยใช้โคบอลต์-60 และ
เครื่องเร่งอนุภาคอิเลคตรอนเป็นต้นก�าเนิดรังสี เป็นต้น
ดังนั้นจึงมีค�าถามว่าการลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท
เพื่อก่อสร้างเตาปฏิกรณ์วิจัย 1 เครื่องเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
และคุ้มค่าหรือไม่
ย้อนกลับไปก่อนที่ ครม. จะมีมติอนุมัติโครงการเเมื่อปี
2536 ดร.สวัสดิ์ ศรีสุข อดีตเลขาธิการส�านักงานปรมาณูเพื่อสันติ
ได้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันที่ 21 ตุลาคม
2535 โดยแสดงการคัดค้านโครงการอย่างแข็งขันว่า
“...อันตรายจากการแผ่รังสีท่ีบางเขนอยู่ที่มีเชื้อเพลิง
ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
27 ธันวาคม 2532 ให้ “ด�าเนินการย้ายเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูของ
ส�านักงานปรมาณูเพื่อสันติซึ่งตั้งอยู่ที่บางเขนไปจัดสร้าง ณ สถาน
ที่แห่งใหม่ที่เหมาะสมและปลอดภัยโดยด่วน” เนื่องจากสถานที่
ตั้งเดิมไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัยของทบวงการ
ปรมาณูระหว่างประเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การย้ายเตา
ปฏิกรณ์ไปก่อสร้างยังสถานท่ีแห่งใหม่เป็นสิ่งท่ีไม่สามารถท�าได้
เนื่องจากจะเกิดอันตราย อย่างไรก็ตาม ส�านักงานปรมาณูเพื่อสันติ
ได้ใช้โอกาสที่ ครม.มีมติในเรื่องนี้ ท�าการส�ารวจสถานที่และจัดท�า
โครงการก่อสร้างเตาปฏิกรณ์วิจัยเครื่องใหม่ โดยให้เหตุผลว่าเตา
ปฏิกรณ์บางเขนเก่าและมีขนาดเล็กเกินไป ไม่เพียงพอต่อการใช้
ประโยชน์ และได้รับการอนุมัติจาก ครม. ในปี 2536
ส�านักงานปรมาณูเพื่อสันติอ ้างว่าโครงการนี้จะเป็น
ประโยชน์อย่างมากจากการที่ประเทศไทยจะมีเครื่องปฏิกรณ์
นิวเคลียร์วิจัยที่ทันสมัยทัดเทียมนานาประเทศเพื่อใช้ประโยชน์ใน
นิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว และที่ก�าลังใช้อยู่ ในเมื่อเกรงจะมีอุบัติเหตุ ก็
ด้วยเหตุใดจึงจะมีเครื่องปฏิกรณ์ที่ใหญ่กว่า 5-10 เท่า ใช้เชื้อเพลิง
นิวเคลียร์ปรมาณูมากขึ้นไปอีกที่จังหวัดนครนายก ท�าให้มีแหล่งที่
อาจเกิดอันตรายขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งเป็นสองแห่ง
ข้าพเจ้าได้ชี้แจงในตอนแรกๆ แล้วว่า ไม่มีผู้มาใช้งาน
จากสถาบันอื่นๆ กันมากนักที่เครื่องปฏิกรณ์ ไม่ว่าด้านฟิสิกส์ หรือ
ด้านเทคนิคการวิเคราะห์นิวเคลียร์เคมี ชนิดของไอโซโทปที่วงการ
แพทย์นิยมใช้ในปัจจุบันก็ไม่ต้องอาศัยเครื่องปฏิกรณ์ โครงการที่
ขยายไปเป็นกึ่งอุตสาหกรรมได้ก็ไม่ได้อาศัยเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู
... ที่อ้างว่าเพื่อพัฒนานิวเคลียร์เทคโนโลยีนั้น เขาพัฒนา
กันมากแล้วที่อื่น เพียงแต่เราท�าอะไรให้เกิดประโยชน์ในบ้านเราก็
น่าจะดี...”
ประเด็นจาก ดร.สวัสดิ์ ศรีสุข ถือเป็นเรื่องส�าคัญ เพราะ
หนึ่งนั้น เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ต้องใช้ยูเรเนียมเป็นเชื้อเพลิงและ
จะเกิดกากนิวเคลียร์ที่เป็นภาระในการดูแลต่อไปนับหมื่นปี สอง
คือ เตาปฏิกรณ์เครื่องใหม่อาจจะไม่ใช่สิ่งจ�าเป็นก็ได้... โครงการนี้
สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการตรวจสอบจากสาธารณะ
ปลุกผีนิวเคลียร์องครักษ ์(ต่อจากหน้า 1)
![Page 6: Nuclear Watch (Thailand) 18](https://reader033.vdocuments.mx/reader033/viewer/2022052409/5459e247af795953128b4f7a/html5/thumbnails/6.jpg)
6 จับตานิวเคลียร์
แสงอาทิตย์
เครื่องก�าเนิดไฟฟ้า
เครื่องก�าเนิดไอน�้า
ถังเกลือเย็น
ถังเกลือร้อน
หอสะสมความร้อน
ที่มา : บริษัท Torresol Energy
ผู ้สนับสนุนระบบพลังงานรวมศูนย์มักจะอ้างว่า
พลังงานหมุนเวียนไม่ใช่ค�าตอบที่จะสามารถทดแทนโรง
ไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้อย่างเป็นจริง เนื่องจากพลังงานหมุนเวียน
มีความไม่แน่นอน ไม่สามารถใช้เป็น Base Load หรือก�าลัง
ผลิตไฟฟ้าพื้นฐานที่ต้องเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมงได้ ดังนั้น
ถึงอย่างไรเราก็ยังต้องพึ่งพาพลังงานถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ
และนิวเคลียร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ข้ออ้างข้างต้นก�าลังมีน�้าหนักน้อยลงเรื่อยๆ เพราะ
ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนก้าวหน้าไป
อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนแสงอาทิตย์
ที่ก่อสร้างขึ้นใช้งานในเชิงพานิชย์ที่ประเทศสเปนเมื่อปีที่แล้ว
โรงไฟฟ้า Gemasolar เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อน
แสงอาทิตย์ (solar thermal power plant) ที่มีหลักการท�างาน
แตกต่างจากโซล่าร์เซลล์ที่เปล่ียนแสงแดดให้เป็นพลังงาน
ไฟฟ้า แต่จะใช้แผงกระจกจ�านวนมากสะท้อนแสงอาทิตย์ไป
ต้มน�้าเกลือให้มีอุณหภูมิสูงถึง 500 องศาเซลเซียส และความ
ร้อนนี้จะถูกน�าไปผลิตไอน�้าเพื่อปั่นไฟฟ้า โดยสิ่งที่พิเศษก็คือ
ระบบกักเก็บความร้อนที่สามารถเก็บความร้อนไว้ใช้ได้นาน
ถึง 15 ชั่วโมงแม้ว่าพระอาทิตย์จะตกดินไปแล้วก็ตาม
โรงไฟฟ้า Gemasolar ประกอบด้วยแผ่นกระจก
สะท้อนแสง 2,650 แผ่น หอรวมแสงอาทิตย์สูง 140 เมตร มี
ก�าลังผลิต 20 เมกะวัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าป้อนครัวเรือนได้
ถึง 25,000 หลัง
ผลจากการวางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนที่จะมุ่งสู่พลังงาน
หมุนเวียนในยุโรปท�าให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในเทคโนโลยี
พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเป็นสิ่งบ่งบอกว่า
พลังงานหมุนเวียนมีความหวังเสมอ จึงไม่น่าแปลกใจที่
ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศเยอรมัน กล้า
ที่จะตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 2050 เยอรมันจะเลิกพึ่งพาพลังงาน
ฟอสซิลทั้งหมด และทดแทนมันด้วยพลังงานหมุนเวียน
ส�าหรับพลังงานนิวเคลียร์ ดูเหมือนสิ่งใหม่ๆ ที่ค้น
พบจะมีแต่ปัญหาที่ต้องแก้ไข เช่นภัยจากแผ่นดินไหว สึนามิ
และการคุกคามของภาวะโลกร้อน ซึ่งการปรับปรุงเทคโนโลยี
มีแต่จะท�าให้พลังงานนิวเคลียร์
มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ
โรงไฟฟ้าพลังความร้อนแสงอาทิตย์ “Gemasolar” ในประเทศสเปน สามารถผลิตไฟฟ้าได้แม้ในเวลากลางคืน
พลังงานหมุนเวียนทดแทนนิวเคลียร์ ไม่ได้จริงหรือ ?
![Page 7: Nuclear Watch (Thailand) 18](https://reader033.vdocuments.mx/reader033/viewer/2022052409/5459e247af795953128b4f7a/html5/thumbnails/7.jpg)
จับตานิวเคลียร์ 7
ข่าว / ความเคลื่อนไหวข่าว / ความเคลื่อนไหว
7
ธันวาคม 2555, ลูกเรือ 8 คนที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่นเมื่อ
ปี 2554 ยืนฟ้องต่อศาลในแคริฟอร์เนียเพื่อเรียกค่าเสียหายจากบริษัทเท็ปโกเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ จากการที่
ไม่ยอมแจ้งให้ทราบถึงระดับกัมมันตภาพรังสีที่เป็นอันตราย โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 10 ล้านเหรียญ และอีก 30 ล้าน
เหรียญเป็นค่าเสียหายเชิงลงโทษต่อการที่บริษัทเท็ปโกหลอกลวงและสร้างความเสียหายต่อสาธารณะและปัจเจกบุคคล
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้เท็ปโกจัดตั้งกองทุน 100 ล้านเหรียญเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพของพวกเขา
โจทก์ทั้ง 8 คนเป็นลูกเรือที่ประจ�าการบนเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรแนลด์ เรแกน ในขณะน�าอาหารและน�้า
ไปแจกจ่ายผู้ประสบภัยในเมืองเซนได ตามค�าฟ้องได้กล่าวหาบริษัทเท็ปโกและรัฐบาลญี่ปุ่นว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์
ของตัวเอง บริษัทเท็ปโกและรัฐบาลญี่ปุ่นได้สมคบกันให้ข้อมูลเท็จว่า กัมมันตภาพรังสีที่แพร่ออกมาจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ
อยู่ในระดับที่ไม่มีอันตราย เพื่อกล่อมให้หน่วยกู้ภัยโถมเข้าสู่พื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยซึ่งอยู่ใกล้โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะเกินไป
ลูกเรือสหรัฐที่ยื่นฟ้องกล่าวว่า หลังจากทราบความจริงเกี่ยวกับปริมาณรังสีที่ได้รับ พวกเขาต้องตรวจสุขภาพ
อย่างเข้มงวด และยังต้องตรวจต่อไปในอนาคตเพราะพวกเขามีโอกาสป่วยเป็นมะเร็งและอายุสั้นลง ซึ่งเป็นผลกระทบทาง
สุขภาพที่ไม่อาจรักษาให้ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้
บริษัทเท็ปโกยังมีคดีที่ถูกฟ้องร้องอีกมากมายจากผู้ถือหุ้นบริษัท ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ
และธุรกิจต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ โดยเมื่อเดือนมีนาคม กลุ่มผู้ถือหุ้นบริษัทเท็ปโกได้
ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อผู้บริหารเท็ปโกเป็นเงินถึง 67,000 ล้านเหรียญ โทษฐานที่ไม่แจ้งเตือนให้ทราบถึงความเป็นไป
ได้ที่จะเกิดสึนามิ และเมื่อต้นเดือนธันวาคม กลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในรัศมี 30 กิโลเมตรจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะก็ได้
ยื่นฟ้องเรียกค่าชดเชยจากการได้รับผลกระทบทางจิตใจและการถูกบังคับให้อพยพออกจากพื้นที่
ลูกเรือสหรัฐฟ้องเรียกค่าเสียหายโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่นปวดหัว
พบเห็ดป่าปนเปื้อนรังสีห่างจากฟูกูชิมะ 350 กิโลเมตร
พฤศจิกายน 2555, ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวและร้านอาหารในหลายบริเวณของญี่ปุ่น ก�าลังกลุ้มใจเกี่ยวกับ
ปัญหาการปนเปื้อนรังสีของเห็ดตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นอาหารตามฤดูกาลที่มีราคาแพง โดยในปีนี้ เห็ดป่าที่หาได้จากพื้นที่
ที่ห่างไกลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะหลายร้อยกิโลเมตร ก็มีการตรวจพบสารกัมมันตรังสีซีเซียมในระดับสูง จากที่เมื่อ
ปีที่แล้วมีเพียงเห็ดในเขตจังหวัดฟูกูชิมะเท่านั้นที่ตรวจพบซีเซียมเกินมาตรฐาน
ในปีนี้ จังหวัดอาโอโมริ นากาโนะ และชิสุโอกะ ซึ่งล้วนอยู่ห่างจากฟูกูชิมะมากกว่า 200 กิโลเมตร ต่างก็ตรวจพบ
เห็ดป่าปนเปื้อนรังสี จนรัฐบาลกลางต้องมีค�าสั่งให้ 17 จังหวัดทางภาคตะวันออกของญี่ปุ่นตรวจสอบและควบคุมการซื้อ
ขายเห็ดป่าอย่างเข้มงวด
ที่จังหวัดอาโอโมริ มีการห้ามจ�าหน่ายเห็ดป่าทั้งหมดที่ขึ้นในจังหวัด ผู้ประกอบการร้านอาหารส�าหรับนักท่อง
เที่ยวรายหนึ่งของเมืองโทวาดะ จังหวัดอาโอโมริ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะไปทางเหนือ 350 กิโลเมตร กล่าวว่า
“เราไม่สามารถท�าอาหารประเภทตุ๋นและเทมปุระที่มีเห็ดให้กับลูกค้าถึง 80% ที่สั่งมา มันเป็นความสูญเสียใหญ่หลวงทาง
ธุรกิจ” เขากล่าวว่ามีนักท่องเที่ยวจ�านวนมากที่กลับมาเที่ยวที่น่ันอีกเพราะหวังว่าจะได้รับประทานเห็ดป่า “ผมไม่อยาก
อธิบาย (กับลูกค้า) ว่าท�าไมเราจึงหาเห็ดไม่ได้ เพราะมันจะท�าให้เกิดความรู้สึกที่เป็นลบว่า ในจังหวัดอาโอโมริยังมีความ
น่าเป็นห่วงในเรื่องการปนเปื้อนรังสี” เขากล่าว
ในหลายๆ จังหวัด เจ้าหน้าที่พบว่า ระดับของรังสีในเห็ดเพิ่มขึ้นสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการตั้งสมมติฐานจากผู้
เชี่ยวชาญว่า สาเหตุเป็นเพราะสารรังสีที่ตกค้างอยู่ตามกิ่งไม้ใบไม้ในป่าได้ถูกฝนชะล้างลงสู่พื้นดิน และถูกเห็ดราต่างๆ ดูด
ซึมเข้าไป การที่จะก�าจัดสารรังสีเหล่านี้ออกจากป่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น ญี่ปุ่นยังต้องเผชิญกับปัญหาการปน
เปื้อนรังสีในของป่าต่อไปอีกหลายปี(ที่มา : Wild mushrooms far from Fukushima show high levels of cesium, The Asahi Shimbun, November 21, 2012)
(ที่มา : rt.com, 26 Dec., 2012 / blogs.wsj.com, 28 Dec., 2012 / ajw.asahi.com, 30 Dec., 2012)
![Page 8: Nuclear Watch (Thailand) 18](https://reader033.vdocuments.mx/reader033/viewer/2022052409/5459e247af795953128b4f7a/html5/thumbnails/8.jpg)
8 จับตานิวเคลียร์
โครงการจับตาพลังงาน32 ซอย 1 ถนนประจวบ (หน้าสนามกีฬา)
อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77000กรุณาส่ง ..............................................................................................................
..............................................................................................................
..............................................................................................................
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เสียท่า “แมงกระพรุน”
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ไดอโบล แคนยอน ในแคริฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ต้องปิดเตาปฏิกรณ์
ขนาด 1,100 เมกะวัตต์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2555 เนื่องจากฝูง “ซาล์ป” สัตว์ทะเลรูปร่าง
ประหลาด ลักษณะเป็นวุ้นคล้ายแมงกระพรุนได้เข้าไปอุดตันในท่อสูบน�้าหล่อเย็นจากทะเล ท�าให้
การท�างานของเตาปฏิกรณ์เกิดการขัดข้องจนต้องหยุดเดินเครื่องเพื่อแก้ ไขปัญหาอยู่หลายวัน
ก่อนหน้านี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในสหรัฐ ญี่ปุ่น อิสราเอล และสก๊อตแลนด์ ก็เคยเกิด
ปัญหาแบบเดียวกันนี้จาก “แมงกระพรุน” มาแล้ว รวมทั้ง “เศษสวะ” ที่เข้าไปอุดตันท่อสูบน�้า
หล่อเย็นจนต้องหยุดเดินเครื่อง ปัญหาช่างจุกจิกจริงหนอ... โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ !
(ข้อมูลจาก http://usnews.nbcnews.com, 27/04/2012)
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ไดอโบล แคนยอน สหรัฐอเมริกา ฝูง “ซาล์ป” สัตว์ทะเลที่คล้ายแมงกระพรุน