english communication handbook

20
for Communication ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร Toomphittayanusorn School Secondary Educational Service Area Office 28 (Sisaket-Yasothon)

Upload: ozzy-ozone

Post on 02-Apr-2016

286 views

Category:

Documents


4 download

DESCRIPTION

 

TRANSCRIPT

Page 1: English communication handbook

forCommunication

ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร

Toomphittayanusorn SchoolSecondary Educational Service Area O�ce 28

(Sisaket-Yasothon)

Page 2: English communication handbook

Content

Page

เพลง If you’re happy and you know it

Dialogue 1 : Introduce friend

Dialogue 2 : Your English is very Well

Dialogue 3 : Asking for Places

Greeting and Farewell (การทักทายและอำาลา )

Saying Thank you (การขอบคุณ )

Saying goodbye and blessing ( การกล่าวคำาอำาลาและคำาอวยพร )

1

2

4

6

8

11

14

Page 3: English communication handbook

คณะที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร

1. ดร. ภูมิภัทร มาลี ผู้อำานวยการโรงเรียนตูมพิทยานุสรณ์

2. นายคงศักดิ์ มูลดับ รองผู้อำานวยการโรงเรียนตูมพิทยานุสรณ์

คณะผู้จัดท�า

1. นางสาวสุวิมล ภางาม ประธานกรรมการ

2. นางสาวพัชรินทร์ อสิพงษ์ กรรมการ

3. นายทนงค์ รักษาศิริ กรรมการ

4. นางสาวปวีณา กระสังข์ กรรมการและเลขานุการ

Page 4: English communication handbook

English for CommunicationToomphittayanusorn School

1

If you’re happy and you know it

If you’re happy and you know it, clap your hands ( clap clap )

If you’re happy and you know it, clap your hands ( clap clap )

If you’re happy and you know it, and you really want to show it

If you’re happy and you know it, clap your hands ( clap clap )

If you’re happy and you know it, stamp your feet ( stamp stamp)

If you’re happy and you know it, stamp your feet ( stamp stamp)

If you’re happy and you know it, and you really want to show it

If you’re happy and you know it, stamp your feet ( stamp stamp)

If you’re happy and you know it, shout “Hurray!” ( hoo-ray!)

If you’re happy and you know it, shout “Hurray!” ( hoo-ray!)

If you’re happy and you know it, and you really want to show it

If you’re happy and you know it, shout “Hurray!” ( hoo-ray!)

If you’re happy and you know it, do all three (clap, stamp, hoo-ray)

If you’re happy and you know it, do all three (clap, stamp, hoo-ray)

If you’re happy and you know it, and you really want to show it

If you’re happy and you know it, do all three (clap, stamp, hoo-ray)

คำาศัพท์Clap your hands. (แคลป – ยัวร์ – แฮนส์) ปรบมือ

Stamp your feet. (แสตมป์ – ยัวร์ – ฟีท) กระทืบเท้า

Shout “Hurray!” (เช้าท์ – “ฮอร์เรย์”) (hoo-ray!) (ฮูเรย์) ตะโกน “เฮอเร้” (ฮูเร้)

Page 5: English communication handbook

English for Communication Toomphittayanusorn School

2Dialogue 1 : Introduce friend

Michael : Robert, this is my friend, Mrs. Smith.

(ไมเคิล : โรเบิร์ต – ดิส – อิส – มาย – เฟรนด์, มิสสิส – สมิธ)

ไมเคิล : โรเบิร์ตนี่เพื่อนของฉัน คุณนายสมิธ

Robert : Hi, Nice to meet you.

(โรเบิร์ต : ไฮ - ไนซ์ - ทู – มีท – ยู)

โรเบิร์ต : สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ

Mrs. Smith : Nice to meet you too.

(มิสสิส สมิธ : ไนซ์ – ทู – มีท – ยู – ทู)

คุณนายสมิธ : ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ

Robert : Mrs. Smith, what do you do for work?

(โรเบิร์ต : มิสสิส สมิธ – วอท – ดู – ยู – ดู – ฟอร์ – เวิร์ค?)

โรเบิร์ต : คุณนายสมิธ คุณทำางานอะไรครับ

Mrs. Smith : I’m a doctor.

(มิสสิส สมิธ : ไอ – แอม – อะ – ดอคเทอร์)

มิสสิส สมิธ : ฉันเป็นหมอค่ะ

Robert : Oh, where do you work?

(โรเบิร์ต : โอ – แวร์ – ดู – ยู – เวิร์ค?)

โรเบิร์ต : โอ้โฮ คุณทำางานที่ไหนหรอครับ

Mrs. Smith : New York University hospital in New York City, what do you do?(มิสสิส สมิธ : นิว – ยอร์ค – ยูนิเวอร์ซิตี้ – ฮอสปิทอล – อิน – นิว – ยอร์ค – ซิตี้, วอท – ดู – ยู – ดู ?)

มิสสิส สมิธ : โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนิวยอร์กที่เมืองนิวยอร์กค่ะ แล้วคุณล่ะค่ะ ทำางานอะไร

Page 6: English communication handbook

English for CommunicationToomphittayanusorn School

3Robert : I’m a teacher.

(โรเบิร์ต : ไอ – แอม – อะ – ทีชเชอร์)

โรเบิร์ต : ผมเป็นครูครับ

Mrs. Smith : what do you teach?

(มิสสิส สมิธ : วอท – ดู – ยู – ทีช?)

คุณนายสมิธ : คุณสอนวิชาอะไรค่ะ

Robert : I teach English.

(โรเบิร์ต : ไอ – ทีช – อิงลิช)

โรเบิร์ต : ผมสอนภาษาอังกฤษครับ

Mrs. Smith : Where is it?

(มิสสิส สมิธ : แวร์ - อีส - อิท?)

คุณนายสมิธ : ที่ไหนหรอค่ะ

Robert : At a high school in New Jersey.

(โรเบิร์ต : แอท – อะ – ไฮ – สคูล – อิน – นิว – เจอร์ซี)

โรเบิร์ต : โรงเรียนมัธยมที่เจอร์ซี่ครับ

Mrs. Smith : That’s nice. How old are you?

(มิสสิส สมิธ : แดทส์ – ไนซ์ – ฮาว – โอล – อาร์ – ยู?)

คุณนายสมิธ : ดีนี่ค่ะ แล้วคุณอายุเท่าไหร่ค่ะ

Robert : I’m 32.

(โรเบิร์ต : ไอ – แอม – เธอร์ตี้- ทู)

โรเบิร์ต : ผมอายุ 32 ครับ

Page 7: English communication handbook

English for Communication Toomphittayanusorn School

4Dialogue 2 : Your English is very well

Carol : Brian, can you speak English?

(แครอล : ไบร อัน – แคน – ยู – สปีค – อิงลิช?)

แครอล : ไบร อัน คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหมค่ะ

Brian : Yes, I can.

(ไบรอัน : เยส-ไอ-แคน)

ไบรอัน : ครับ ผมพูดได้ครับ

Carol : where did you learn?

(แครอล : แวร์ – ดิด – ยู –เลิร์น?)

แครอล : คุณเรียนมาจากที่ไหนค่ะ

Brian : I learned in college.

(ไบรอัน : ไอ – เลิร์นด์ – อิน – คอลเลจ)

ไบรอัน : ผมเรียนมาจากวิทยาลัยครับ

Carol : Your english is very well.

(แครอล : ยัวร์ – อิงลิช – อิส – เวริ – เวล)

แครอล: คุณพูดภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ

Brian : Thank you.

(ไบรอัน : แต้ง – กิว)

ไบรอัน : ขอบคุณครับ

Carol : How long have you been in the U.S.A.?

(แครอล : ฮาว – ลอง – แฮฟ – ยู – บีน – อิน – เดอะ – ยู – เอส – เอ?)

แครอล : คุณมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกานานแค่ไหนแล้วค่ะ

Page 8: English communication handbook

English for CommunicationToomphittayanusorn School

5Brian : 3 weeks.

(ไบรอัน : ธรี – วีคส์)

ไบรอัน : 3 สัปห์ดาครับ

Carol : Is your wife with you?

(แครอล : อิส – ยัวร์ – ไวฟ์ – วิธ – ยู?)

แครอล : ภรรยาของคุณมากับคุณด้วยไหมค่ะ

Brian : Yes, she just got here yesterday.

(ไบรอัน : เยส – ชี – จัส – กอททึ – เฮียร์ – เยสเทอร์เดย์)

ไบรอัน : ใช่ครับ เธอเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ครับ

Carol : Have you been to California before?

(แครอล : แฮฟ – ยู – บีน – ทู – แคลิฟอร์เนีย – บีฟอร์?)

แครอล : คุณเคยไปแคลิฟอร์เนียมาก่อนหรือเปล่าค่ะ

Brian : No, I’ve never been there.

(ไบรอัน : โน – ไอฝ์ – เนเวอร์ – บีน – แดร์)

ไบรอัน : ไม่ครับ ผมไม่เคยไปที่นั่น

Carol : Have you ever been to Las Vegas?

(แครอล : แฮฟ – ยู – เอเวอร์ – บีน – ทู – ลาส – เวกัส?)

แครอล : แล้วคุณเคยไปลาสเวกัสหรือเปล่าค่ะ

Brian : Yes, I went there once on a business trip.

(ไบรอัน : เยส – ไอ – เว้นท์ – แดร์ – วันซ์ – ออน – อะ –บิสเน็ส – ทริป)

ไบรอัน : ครับ ผมเคยไปที่นั่นครั้งหนึ่งเรื่องงาน

Page 9: English communication handbook

English for Communication Toomphittayanusorn School

6Dialogue 3 : Asking for Places

Paul : Excuse me, I’m looking for the Holiday Inn hotel, do you know where is it?

(พอล : เอ็กคิวส์ มี – ไอ – แอม – ลุคคิง – ฟอร์ – เดอะ – ฮอลิเดย์ – อินน – โฮเทล – ดู – ยู – โนว

– แวร์ – อิส – อิท?)

พอล : ขอโทษครับ ผมกำาลังหาโรงแรมฮอลิเดย์อินอยู่ครับ คุณพอจะรู้ไหมครับว่ามันอยู่ที่ไหน

Nancy : Sure, It’s down this street on the left.

(แนนซี่ : ชัวร์ – อิทส – ดาวน์ – ดิส – สตรีท – ออน – เดอะ – เล็ฟท์)

แนนซี่ : แน่นอนค่ะ มันไปทางถนนเส้นนี้ อยู่ซ้ายมือ

Paul : Is it far from here?

(พอล : อิส – อิท – ฟาร์ – ฟรอม – เฮียร์?)

พอล : มันไกลจากที่นี่ไหม

Nancy : No, it’s not far.

(แนนซี่ : โน – อิทส – นอท – ฟาร์)

แนนซี่ : ไม่ มันไม่ไกลจากที่นี่เลย

Paul : how far is it?

(พอล : ฮาว- ฟาร์ – อิส – อิท?)

พอล : มันไกลขนาดไหน

Nancy : About a mile and a half.

(แนนซี่ : อะเบาท์ – อะ – ไมล์ – แอน – อะ – ฮาล์ฟ)

แนนซี่ : ประมาณหนึ่งไมล์ครึ่ง

Paul : how long does it take to get there?

(พอล : ฮาว – ลอง – ดาส – อิท – เทค – ทู – เก็ท – แดร์?)

พอล : แล้วมันใช้เวลาเดินทางไปที่นั่น นานไหม

Page 10: English communication handbook

English for CommunicationToomphittayanusorn School

7Nancy : 5 minutes or so.

(แนนซี่ : ไฟว์ – มินิทส์ – ออร์ – โซ)

แนนซี่ : ประมาณ 5 นาทีน่าจะได้

Paul : Is it close to the subway station?

(พอล : อิส – อิท – โคลส – ทู – เดอะ – ซับเวย์ – สเตชัน?)

พอล : แล้วมันใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินไหม

Nancy : Yes, it’s very close. The subway station is next to the hotel. You can walk

there.

(แนนซี่ : เยส- อิทส – เวริ – โคลส – เดอะ - ซับเวย์ – สเตชัน –อิส – เน็กท์ – ทู – เดอะ – โฮเท็ล

– ยู – แคน – วอล์ค – แดร์)

แนนซี่ : ใช่ค่ะ มันใกล้มาก สถานีรถไฟใต้ดินอยู่ถัดจากโรงแรมคุณสามารถเดินไปที่นั่นได้

Paul : Thanks a lot.

(พอล : แตงส์ – อะ – ลอท)

พอล : ขอบคุณมากครับ

Nancy : You’re welcome.

(แนนซี่ : ยัวร์ – เวลคัม)

แนนซี่ : ไม่เป็นไรค่ะ

Page 11: English communication handbook

English for Communication Toomphittayanusorn School

8Greeting and Farewell

(การทักทายและอ�าลา)

สถานการณ์และส�านวนการใช้

What would you say in these situations?

You meet John for the first time. You say…………………………

(ยู – มีท – จอห์น – ฟอร์ – เดอะ – เฟิร์ส – ทาม – ยู – เซย์...........................)

คุณพบจอห์นเป็นครั้งแรกคุณต้องทักทายและแนะนำาตัวเองว่า

-Good morning/ Good afternoon/ Good evening/ Hello. (กึด – มอร์นิง/ กึด –

อาฟเตอร์นูน/ กึด – อีฟนิ่ง/ เฮ็ลโล.-My name is ……………………..(name)……………………….. ( มาย – เนม – อิส......ชื่อ......)

-I’m………………(name)…………………… (ไอ – แอม........ชื่อ..........)

Charlotte meets Sally in the street. They are friends.(ชาร์ลอท – มีทส์ – แซลลี่ – อิน – เดอะ – สตรีท – เดย์ – อาร์ - เฟรนส์)

ชาร์ลอทเจอแซลลี่ที่ถนน เขาเป็นเพื่อนกันต้องทักทายกันแบบเป็นกันเองว่า

Hello, Sally. How are you?(เฮ็ลโล – แซลลี่ – ฮาว – อาร์ – ยู?)

สวัสดีแซลลี่ เป็นอย่างไรบ้าง/ สบายดีไหม

At 9 a.m., your English teacher comes into the class room. All students say

to her/ him.(แอท – ไนน์ – เอ – เอ็ม – ยัวร์ – อิงลิช – ทีชเชอร์ – คัมส์ – อินทู – เดอะ – คลาสรูม – ออล

– สติวเดนทส์ – เซย์ – ทู – เฮอร์ / ฮิม.)

เวลา 9 นาฬิกา เมื่อครูภาษาอังกฤษเข้ามาในชั้นเรียน นักเรียนต้องกล่าวทักทายครูว่าGood morning teacher.

(กึด – มอร์นิ่ง – ทีชเชอร์)

สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ คุณครู

การกล่าวทักทายในสถานการณ์ที่เป็นกันเอง เราอาจทักทายโดยเรียกชื่อแรกของบุคคลนั้น เช่น Bil,

Jack, Amy กรณีที่ค่อนข้างเป็นทางการ เราเรียกชื่อบุคคลได้โดยใช้คำานำาหน้าชื่อ แล้วตามด้วย

นามสกุล เช่น Dr. Black, Mr. Brown, Mrs. Lewis, Miss Hill.

Page 12: English communication handbook

English for CommunicationToomphittayanusorn School

9การทักทายตามปกติ

แบบเป็นทางการ แบบเป็นกันเอง

Good morning Hello

Good afternoon Hi

Good evening

¾ Good morning

Good morning (อรุณสวัสดิ์) เป็นคำาใช้ทักทายในตอนเช้าพนักงานตามร้านค้าต่างๆมักทักทายลูกค้า

เช่นนี้

คำาว่า Good morning! เป็นทางการมากกว่าคำาว่า Hello! และพูดให้สั้นลงว่า Morning! ก็ได้

¾ Good evening!คำาว่า Good evening! (สวัสดีตอนเย็น) ใช้เพื่อกล่าวทักทายในตอนเย็น

¾ Hello!Hello ( สวัสดี ) เป็นคำาทักทายที่นิยมใช้ที่สุด ใช้ได้ทั้งในสถานการณ์ทางการและไม่เป็นทางการ

¾ Hi! หรือ Hi there! ในบทสนทนาที่ไม่เป็นทางการ คำาว่า Hi! ( หวัดดี, ว่าไง ) ใช้แทนคำาว่า Hello! ได้ คนรุ่นใหม่มัก

ทักทายกัน เช่นนี้ และคำาว่า Hi! ตามด้วยคำาว่า there ได้เช่นกัน

การทักทายในโอกาสพิเศษ Merry Christmas. ( แมรี่ – คริสต์ – มาส ) สุขสันต์วันคริสต์มาส

Happy New Year. ( แฮปปี้ – นิว – เยียร์) สวัสดีปีใหม่, สุขสันต์วันปีใหม่

Happy Birthday. (แฮปปี้ – เบิร์ธ – เดย์ ) สุขสันต์วันเกิด

สบายดีหรือเปล่า

แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ แบบไม่เป็นทางการ

How are you? How are things?

(ฮาว – อาร์ – ยู?) (ฮาว – อาร์ – ติงส์?)

How’s life treating you? How’s life?

(ฮาวส์ – ไลฟ์ – ทรีททิง – ยู?) (ฮาวส์ –ไลฟ์?)

Page 13: English communication handbook

English for Communication Toomphittayanusorn School

10 แบบไม่เป็นทางการ

How’s it going?

(ฮาวส์ – อิท – โกอิง?)

Are you OK?

(อาร์ – ยู – โอเค?)

Long time no see. How have you

been?

(ลอง – ไทม์ – โน – ซี – ฮาว – แฮฟ–

ยู –บีน?)

การตอบรับ

แบบเป็นทางการ แบบไม่เป็นทางการ

Fine, Thanks. (ไฟน์ – แต้งส์) Good (กึด) ดี

Fine, Thank you. (ไฟน์ – แต้ง – กิ้ว ) สบายดี OK. ( โอเค) สบายดี

Very well, Thanks. ( เวริ – เวล – แต้งส์) All right. (ออล – ไรท์)

I’m fine, thank you. (แอม – ไฟน์ – แตง – กิว) So so. (โซ-โซ) งั้นๆ

สบายดี ขอบคุณ

Not so bad/ Not too bad. (นอท – โซ แบด/ นอท – ทู – แบด)

ก็ไม่เลว / ก็ยังงั้นๆแหละ

การจับมือ เมื่อพบกันครั้งแรกกับบุคคลอย่างเป็นทางการ ตามธรรมเนียมเจ้าของภาษา จะจับมือกัน

พร้อมกับกล่าวคำาว่า How do you do? ( ฮาว – ดู – ยู – ดู?)

เป็นคำาพูดที่เป็นทางการมาก ไม่ค่อยใช้กันในกลุ่มหนุ่มสาวรุ่นปัจจุบัน ทั้งนี้จะใช้เมื่อพบปะ

กันครั้งแรกและเป็นการจับมือกันเมื่อฝ่ายหนึ่งกล่าวว่า How do you do? ( ฮาว – ดู – ยู – ดู?) อีก

ฝ่ายจะกล่าว How do you do? ( ฮาว – ดู – ยู – ดู?) และอาจพูดต่อว่า

Pleased to meet you. ( พลีสด์ – ทู – มีท – ยู )

Nice to meet you. (ไนซ์ – ทู – มีท – ยู ) ยินดีที่รู้จักคุณ

Glad to meet you. (แกลด – ทู – มีท ยู )

Saying Thank You

Page 14: English communication handbook

English for CommunicationToomphittayanusorn School

11(การขอบคุณ)

สถานการณ์และส�านวนการใช้

You offer your teacher to carry a bag for her. Your teacher says…………(ยู – ออฟเฟอร์ – ยัวร์ – ทีชเชอร์ – ทู – แครี่ – อะ – แบกจ์ - ฟอร์ – เฮอร์. ยัวร์ – ทีชเชอร์ – เซส์...)

คุณอาสาที่จะช่วยคุณครูถือกระเป๋า. คุณครูจะพูดว่า......

You : Teacher, can I help you to carry your bag?

(ยู : ทีชเชอร์ – แคน –ไอ – เฮลพ์ – ยู – ทู –แครรี่ – ยัวร์ – แบก?)

คุณ : คุณครูครับ/ ค่ะ ให้ผม/หนู ช่วยถือกระเป๋าไหม ครับ / ค่ะ

Teacher : Thank you for your help.

(ทีชเชอร์ : แตง – กิว – ฟอร์ – ยัวร์ – เฮลพ์)

ครู : ขอบใจนะ

Your friend invite you to have a dinner and you agree with it, you would say :

(ยัวร์ – เฟรนด์ – อินไวท์ – ยู – ทู – แฮฟ – อะ – ดินเนอร์ – แอนด์ – ยู – อะกรี – วิธ – อิท, ยู

– วูด – เซย์)

เพื่อนของคุณเชิญคุณไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านและคุณตกลงจะไป คุณจะพูดว่า

Lilly : Can you have a dinner with my family tonight?

(ลิลลี่ : แคน – ยู – แฮฟ – อะ – ดินเนอร์ – วิธ – มาย – แฟมิลี่ – ทูไนท์?)

คุณจะไปรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวของฉันได้ไหม

Malee : Sure, I will be there.

(มาลี : ชัวร์, ไอ – วิล – บี – แด)

มาลี : แน่นอนฉันจะไป

You go to friend’s house for dinner. You need to thank the host. You say……..

(ยู – โก – ทู – เฟรนส์ – เฮาส์ – ฟอร์ – ดินเนอร์. ยู – นีด – ทู – แตง – เดอะ – โฮสท์. ยู –

เซย์.........)

คุณไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านเพื่อน คุณจะกล่าวขอบคุณเจ้าของบ้านว่า

Page 15: English communication handbook

English for Communication Toomphittayanusorn School

12Lilly : How do you like our food?

(ลิลลี่ : ฮาว – ดู – ยู – ไลค์ – อาวเออร์ – ฟูด?)

ลิลลี่ : อาหารเป็นอย่างไรบ้าง

Malee : It’s delicious. Thank you very much for inviting me. It’s such a great time to

have a dinner with you.

(มาลี : อิทส – ดิลิเชียส. แตง – กิว – เวริ – มัช – ฟอร์ – อินไวทิง – มี. อิทส์ – สัช – อะ – เกรท

– ไทม์ – ทู – แฮฟ – อะ – ดินเนอร์ – วิธ – ยู.)

มาลี : อร่อยมากๆ ขอบคุณนะที่ชวนฉันมากินข้าวที่บ้าน การได้รับประทานอาหารเย็นกับคุณนับเป็น

ช่วงเวลาที่ดีมากๆ

การยื่นมือให้ความช่วยเหลือ

-Let me + V. 1 ………………………………….

Let me give you a lift home. ( เล็ท – มี – กิฟ – ยู – อะ – ลิฟท์ – โฮม) (ให้ผมรับคุณกลับ

บ้านนะ)

Let me offer you a seat. (เล็ท – มี – ออฟเฟอร์ – ยู – อะ – ซีท) (เชิญคุณนั่ง ครับ)

Let me lend you my dictionary. (เล็ท – มี – เลนด์ – ยู – มาย – ดิคเชินนารี)( ยืมพจนานุกรม

ของฉันไหมค่ะ)

-I’ll + V.1 ……………………………………

I’ll help you. ( ไอ – เอิล – เฮลพ์ – ยู) (ผม / ดิฉันจะช่วยคุณนะ)

I’ll pay for the taxi. ( ไอ – เอิล – เพย์ – ฟอร์ – เดอะ – แท็กซิ) (ผม / ดิฉันจ่ายค่าแท็กซี่ให้นะ)

I’ll get you a ticket. ( ไอ – เอิล –เก็ท – ยู – อะ – ทิกเคท) (ผม / ดิฉันซื้อตั๋วให้คุณนะ)

-I’ll do ………………………………………..

I’ll do the cleaning room. ( ไอ – เอิล – ดู – เดอะ – คลีนนิง – รูม)

(ฉันจะทำาความสะอาดห้องให้นะ)

I’ll do the dishes. ( ไอ – เอิล – ดู – เดอะ – ดิชเชส )

(ฉันล้างจานให้นะ)

I’ll do the laundry. ( ไอ – เอิล – ดู – เดอะ – ลอน – ดรี ) (ฉันซักผ้าให้นะ)

Page 16: English communication handbook

English for CommunicationToomphittayanusorn School

13 - Can I lend you…………………………..?

- Can I lend you some money? ( แคน – ไอ – เลนด์ – ยู – ซัม – มันนี)

(ฉันให้คุณยืมเงินเอาไหม)

- Can I lend you a computer? ( แคน –ไอ – เลนด์ – ยู – อะ – คอมพิวเทอร์)

(ฉันให้คุณยืมคอมพิวเตอร์เอาไหม

- Can I lend you a tennis racquet? ( แคน – ไอ – เลนด์ – ยู – อะ – เทนนิส – แรคคิท)

(ฉันให้คุณยืมไม้เทนนิสเอาไหม)

-How can I help you? ( ฮาว – แคน –ไอ – เฮลพ์ – ยู? )

-Can / May I help you? ( แคน / เมย์ – ไอ – เฮลพ์ – ยู?)

-Is there anything I can do for you? มีอะไรให้ช่วยไหม

(อิส – แด – เอนิติง – ไอ – แคน – ดู – ฟอร์ – ยู?)

การขอความช่วยเหลือ

-Could / Can you……………………….?

-Could you give me a lift home. ( คูด – ยู – กิฟ – มี – อะ – ลิฟท์ – โฮม)

(คุณช่วยรับผมกลับบ้านหน่อยได้ไหม)

-Could you give me a hand? (คูด-ยู-กิฟ-มี-อะ-แฮนด์) (คุณช่วยดิฉันหน่อยได้ไหม)

-Could you do me a favor? (คูด-ยู-ดู-มี-อะ-เฟเวอร์) (คุณช่วยผมหน่อยได้ไหม)

-Could you tell me the time? (คูด-ยู-เทล-มี-เดอะ-ไทม์) (คุณช่วยบอกเวลาหน่อยได้ไหม)

กล่าวขอบคุณ การตอบรับขอบคุณ “ไม่เป็นไร”

Thanks. (แตงส์) That’s okay. ( แดทส์ – โอเคย์)

Thank you very much/ so much. That’s all right. (แดทส์ - ออล – ไรท์)

(แต๊ง-กิว – เวริ – มัช / โซ – มัช) Not at all. (นอท – แอท – ออล)

Many thanks. ( เม – นิ – แตงส์) You’re welcome. ( ยัวร์ – เวลคัม)

I’m very grateful (to you). Don’t mention it. ( ดอนท์ – เมนเชิน – อิท)

(ไอ – แอม – เวริ – เกรทฟูล (ทู – ยู ) Think nothing of it.

(ติงค์ – นอธธิง- ออฟ – อิท)

Page 17: English communication handbook

English for Communication Toomphittayanusorn School

14กล่าวขอบคุณ การตอบรับขอบคุณ “ไม่เป็นไร”

That’s (very) kind of you. It’s nothing. (อิทส – นอธติง)

(แดทส์ – (เวริ) – ไคด์ – ออฟ – ยู) Pleasure.( เพลช – เชอร์)

It’s really (very) kind of you.

(อิทส์ – เรียลลี (เวริ) – ไคด์ – ออฟ – ยู)

How (very) kind of you! ( ฮาว (เวริ) ไคด์ – ออฟ – ยู)

Thank you! ( แตง – กิว) เราพูด Thank you! เพื่อขอบคุณผู้ที่มอบหรือทำาบางสิ่งให้เรา

Thank you very much. (แตง- กิว – เวริ – มัช ) (ขอบคุณมาก) เป็นคำาขอบคุณที่มีความ

หมาย เน้นหนัก มากกว่า Thank you.

Thanks. (แตงส์) (ขอบใจ) ใช้เพื่อขอบคุณในโอกาสเป็นกันเอง เพราะเป็นคำาที่เป็นทางการน้อยกว่า

คำาว่า Thank you.

Thanks very much. (แตงส์ – เวริ – มัช ) หรือ Thanks a lot. ( แตงส์ – อะ – ลอท)

Thanks a lot. มีความหมายเน้นหนักมากกว่า Thank you.

Saying Goodbye and Blessing

(การกล่าวค�าอ�าลาและค�าอวยพร)

สถานการณ์การกล่าวและส�านวนการใช้

-You talk on the phone to your friend. At the end you say…..

(ยู – ทอล์ค – ออน – เดอะ – โฟน – ทู – ยัวร์ – เฟรนด์. แอท – ดิ – เอนด์ – ยู – เซย์

คุณยุติการสนทนากับเพื่อนทางโทรศัพท์ คุณพูดว่า

“Bye. See you later.”

( บาย. ซี – ยู – เล – เทอะ)

ลาก่อนนะ แล้วพบกันใหม่

-Your friend is going to the party. You say……

(ยัวร์ – เฟรนด์ – อิส – โกอิง – ทู – เดอะ – พาร์ที. ยู – เซย์...)

เพื่อนคุณจะไปงานเลี้ยง คุณพูดว่า

“Have fun.”

(แฮฟ – ฟัน)

ขอให้สนุกนะ

Page 18: English communication handbook

English for CommunicationToomphittayanusorn School

15-Your friend is going to take a test. You say…..

(ยัวร์ – เฟรนด์ – อิส – โกอิง – ทู – เทค – อะ – เทสท์. ยู – เซย์....)

เพื่อนคุณจะไปสอบ คุณพูดว่า

“Good luck”

(กึด – ลัคค์)

โชคดีนะ

-Tom tells you that he has to go now. You say…..

(ทอม – เทลส์ – ยู – แดท – ฮี – แฮส –ทู – โก – นาว. ยู เซย์.....)

ทอมบอกคุณว่าต้องไปแล้ว คุณจะพูดว่า

“Don’t let me keep you”

(ดอนท์ – เลท – มี – คีพ – ยู )

อย่าให้ฉันรั้งคุณไว้เลย

1. คำาที่ใช้ในการกล่าวคำาอำาลาทั่วไป

-Goodbye. / Bye. ( กึด – บาย / บาย) ลาก่อน

-Good night. (กึด – ไนท์) ราตรีสวัสดิ์

-So long. ( โซ – ลอง) พบกันใหม่นะ

-See you later. (ซี – ยู – เล – เทอะ) พบกันใหม่นะ

-See you soon. ( ซี – ยู – ซูน) พบกันใหม่นะ

-Take care (เทค – แคร์) ดูแลตัวเองนะ

-Good luck (กึด –ลัคค์) โชคดี

2. การกล่าวคำาอำาลาในโอกาสต่างๆมักจะเป็นคำาอวยพร

2.1 โอกาสไปพักผ่อนวันหยุด

-Have a good / nice time. (แฮฟ – อะ – กึด / ไนซ์ – ไทม์) ขอให้สนุกนะ

- Have a good / nice vacation. (แฮฟ – อะ – กึด / ไนซ์ – เวเคเชิน) ขอให้สนุกนะ

-Have fun. (แฮฟ – ฟัน) ขอให้สนุกนะ

-Enjoy yourself. (เอ็นจอย - ยัวร์เซลฟ์) ขอให้สนุกนะ

Page 19: English communication handbook

English for Communication Toomphittayanusorn School

16

2.2 โอกาสยุติการสนทนา

- I must go. (ไอ – มัส – โก) ฉันต้องไปแล้วนะ

- I have to leave now. ( ไอ – แฮฟ – ทู – ลีฟ – นาว) ฉันต้องไปแล้วนะ

- It’s time to say goodbye. (อิทส – ไทม์ – ทู – เซย์ – กึดบาย) ถึงเวลาที่ต้องลา

การตอบรับอย่างสุภาพ

- Don’t let me keep you. (ดอนท์ – เลท – มี – คีพ – ยู) อย่าให้ฉันรั้งคุณไว้เลย

- Go ahead (โก – อะเฮด) เชิญเลย

2.3 การกล่าวลาผู้มาใช้บริการ

- Thank you and please come again. (แตง – กิว – แอน – พลีส – คัม – อะเกน)

ขอบคุณค่ะ / ครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่ค่ะ / ครับ

Page 20: English communication handbook

English for CommunicationToomphittayanusorn School

17

forCommunication

ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร

Toomphittayanusorn SchoolSecondary Educational Service Area O�ce 28

(Sisaket-Yasothon)