asean blooms (mini-magazine)

36
นิตยสารเพื่อเล่าประสบการณ์อาเซียน ของเยาวชนไทย จากโครงการประกวดบทความ “ชีวิตชีวาอาเซียน Asean Blooms (บุปผาอาเซียน)”

Upload: pattpatt

Post on 20-Mar-2016

227 views

Category:

Documents


2 download

DESCRIPTION

asean, blooms, be, magazine, mini, journal, laos, vietnam, singapore, youth, contest, writing, trip

TRANSCRIPT

นิตยสารเพื่อเล่าประสบการณ์อาเซียนของเยาวชนไทย จากโครงการประกวดบทความ

“ชีวิตชีวาอาเซียน Asean Blooms (บุปผาอาเซียน)”

ชื่อหนังสือ Mini Magazine Supplement (ถอดประสบการณ์ 3 ประเทศอาเซียน ลาว เวียดนาม และสิงคโปร์)จำ นวนหน้า 36 หน้าคณะผู้จัดทำ BE Magazineผลิตโดย บริษัท ชิล ชิล แคปปิตัล จำ กัด เลขที่ 2 ซอยอินทามระ 35 ถนนสุทธิสาร แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400ที่ปรึกษา ศิริดา ทรงธรรมเสนีย์บรรณาธิการบริหาร กิตติพจน์ อรรถวิเชียรผู้ช่วยบรรณาธิการ ภัทราวรรณ สุขมงคลกองบรรณาธิการ ทรงพล วุฒิไกรศรีอาคม พิชญา เพ็งจันทร์ รัชชานนท์ เกตุรามฤทธิ์ศิลปกรรม อนงค์นาฎ วิวัฒนานนท์ช่างภาพ จิตรพงษ์ จีระฉัตรพิสูจน์อักษร ฉวีวรรณ นิติสาครินทร์ประสานงาน ธชวรรณ แก้วชนะโรงพิมพ์ โรงพิมพ์ รัก 99 พริ้นติ้ง จำ กัดจัดพิมพ์โดย กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เลขที่ 255 ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ : 0 2306 8674-76 โทรสาร : 0 2306 7670-71 เว็บไซต์ : www.m-society.go.th อีเมล : [email protected]

CREDIT

02

2012.11.17

2012.11.022012.11.22

AbouTมินิแมกกาซีนเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการประกวดบทความ “ชีวิตชีวาอาเซียน Asean Blooms (บุปผาอาเซียน)” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ BE Magazine เปิดโอกาสให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษาอายุระหว่าง 18-24 ปี ได้แสดงทัศนคติ ความคิด และมุมมองของตนเองต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ที่ก�าลังจะมาถึง ผ่านการ คัดเลือกและตัดสินผลงานจากคณะกรรมการผู ้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่านคือ อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ สาขาย่อยกวีนิพนธ์ คุณทราย-อินทิรา เจริญปุระ พิธีกร นักแสดง นักเขียน และคุณกิตติพจน์ อรรถวิเชียร บรรณาธิการบริหาร BE Magazine ซึ่งมีเยาวชนที่ได้รับคัดเลือก ได้แก่ นายทรงพล วุฒิไกรศรีอาคม จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปปฏิบัติงาน ณ ฮานอย ฮาลองเบย์ ประเทศเวียดนาม นางสาวพิชญา เพ็งจันทร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปปฏิบัติงาน ณ หลวงพระบาง ประเทศลาว และนายรัชชานนท์ เกตุรามฤทธิ์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ไปปฏิบัติงาน ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยทั้ง 3 คน ได้ร่วมออกเดินทางไปเก็บข้อมูลประเด็นทางสังคมร่วมกับทีมงาน BE Magazine ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และผลงานบทความที่ทุกคนก�าลังจะได้อ่านภายในมินิแมกกาซีนเล่มนี้ เป็นสิ่งที่น้องๆ ได้ลงมือเขียนเพื่อสะท้อนสังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเหมือน และความแตกต่าง ที่พวกเขาเห็นและสัมผัสในแต่ละประเทศผ่านประสบการณ์ตรง หลังจากได้อ่านการสื่อสารผ่านตัวหนังสือไม่กี่หน้ากระดาษของเยาวชนรุ่นใหม่แล้ว มุมมองของพวกเขาที่ต้องการสะท้อนและสื่อสารออกไปเหล่านี้คงจะส่งต่อไปถึงคนอ่านได้ไม่มากก็น้อย และเมื่อเราก�าลังจะมีโอกาสออกไปรู้จักเพื่อนบ้านมากขึ้นแล้ว ก็คงจะดีอีกเช่นกัน ถ้าเราใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ให้คุ้มค่า ด้วยการย้อนมองตัวเองและท�าความรู้จักตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิมก่อนออกไปนอกบ้าน

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ธันวาคม 2555

03

บทความประเทศลาว-หลวงพระบาง

พิชญา เพ็งจันทร์

16

รู้จักอาเซียน 1

06

บทความประเทศเวียดนาม-ฮานอย

ทรงพล วุฒิไกรศรีอาคม

08

CoNTENT

04

รู้จักอาเซียน 2

รู้จักอาเซียน 3

32

34

บทความประเทศสิงคโปร์

รัชชานนท์ เกตุรามฤทธิ์

24

05

ADVERTORIAL

Ministry of Social Development and Human Security

ประชาคมอาเซียน ก�าหนดกรอบไว้ 3 เสา คือ เสาประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน เสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เสาประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และในปี พ.ศ. 2558 ที่ไทยจะเข้าสู ่ประชาคมอาเซียน กระทรวง พม. ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยประสานงานหลักของไทยส�าหรับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community หรือ ASCC) มุ่งหวังประโยชน์จากการรวมกนัเพือ่ท�าให้ประชาชนมกีารอยูด่กีนิดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี และมีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เอื้ออาทรและแบ่งปันกัน

ส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่ก�าลังจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งทางด้านการศึกษา อาชีพ การเคลื่อนย้ายแรงงาน การค้ามนุษย์ ความเท่าเทียมของสตรีเพศ โอกาสของผู้สูงวัย และสิทธิของคนพิการ ท�าให้กระทรวง พม. ไม่รีรอที่จะผลักดันให้คนไทยมองเห็นถึงจุดยืนของปัญหาและอุปสรรค เพื่อสอดรับกับทัศนคติที่ดีต่อการมองเห็นช่องทางและโอกาสในประเทศไทยด้วย

to ASEAN Bloomsปัญหาสังคมจากกลุ่มเล็ก หากจับมาวางรวมกันแล้ว จะกลายเป็นปัญหาล�าดับส�าคัญของโลก แน่นอนความโกลาหลอาจก�าลังก่อตัวในไม่ช้า จากการรวมกลุ่มของความหลากหลาย เข้าสู่ระดับมหภาค การเตรียมพร้อมรับมือของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงจ�าเป็นอย่างยิ่งยวด ในการรักษาสมดุลของวิถีชีวิตด้านสังคมและวัฒนธรรม ให้ด�ารงอยู่อย่างร่วมสมัย และราบรื่น

การขยายตัวของเมืองและการเพิ่มจ�านวนของประชากร ย่อมส่งผลกระทบต ่อการ เปลี่ ยนแปลงทางสั งคมและ สิ่งแวดล้อม ฉะนั้นปรากฏการณ์ที่ก�าลังเกิดขึ้น จึงเป็นวาระอันดีที่ท�าให้เราหันกลับมาพัฒนาตนเอง เพื่อเพิ่มมาตรฐาน เพิ่มความสามารถ ขยับเป้าหมายของตนเองให ้ เด ่นชัด เข ้าใจและรองรับวัฒนธรรมจากประเทศหลากภูมิภาค

เมื่อเป็นเช่นนั้นกระทรวง พม. จึงเตรียมความพร้อมด้วยการเสริมสร้างทักษะเพื่อประกอบวิชาชีพให ้กับเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุและผู้พิการ รวมทั้งคุ ้มครองสิทธิและสวัสดิการให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม จากจุดเล็กที่เป็นบุคคล ทาง กระทรวง พม. ยังขยายผลส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ให้กับองค์กรธุรกิจ โดยสนับสนุนให้เกิดการท�า CSR ซึ่งสิ่งนี้เองเปรียบเสมือนการโยนปุ๋ยน�้าดี ลงสู่แอ่งน�้าให้กระเพื่อมเป็นวงกว้าง

ไม่เพียงแต่การสนับสนุนเท่านั้น การต่อกรขัดขวางสิ่งที่ไม่เป็นธรรมให้กับสังคมคืออีกหนึ่งสิ่ งที่กระทรวง พม. ยึดมั่นและปฏิบัติอย ่างต ่อเนื่อง โดย

เฉพาะการต่อต้านการค้ามนุษย์ ที่ถือเป็นการเพิ่มกระบอกเสียงในการเรียกร้องหาความยุติธรรม แทนเสียงเงียบที่ถูกปิดกั้นจากอ�านาจมืด

อีกทั้งในยุคสมัยใหม่มีการยอมรับความเท่าเทียมทางเพศ แต่อาจจะไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ฉะนั้นการเพิ่มสิทธิของผู้หญิงให้มีบทบาททางการเมือง จึงเป็นอีกตัวเลือกบนเวทีอาเซียน ให้มองเห็นความสามารถทางกระบวนการความคิดของมนุษย์ ด้วยการทลายก�าแพงการแบ่งระดับชนชั้นทางความคิดด้วยเพศ

เพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน มักเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวเสมอ ดังนั้นหากเราเรียนรู้ที่จะตื่นตัว กับการเตรียมความพร้อมที่กำ ลังเริ่มต้น ก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของประเทศไทยในการปูทางเดินสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฐานะสมาชิกอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 นี้

M-Society The first footstep

DATE:2012.11.02(Fri)-11.04(Sun)

08

นาข้าวสีเหลืองทองสว่างสองข้างทาง พื้นที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ปราศจากการเข้ามาของความเจริญ ไม่ปรากฏตึกสูงตระหง่านเรียงราย แต่กลายเป็นบ้านแคบสูงสามชั้นเรียงซ้อนตัวกันอยู่เป็นชั้นขั้นบันไดไล่จาก พื้นดินถึงเชิงเขาเรียงรายขึ้นไป ขณะที่ด้านหน้าของบ้านติดธงพื้นสีแดงดาวสีเหลืองห้าแฉก ปลิวสะบัดไปตามแรงลม ตลอดระหว่างสองข้างทางที่ผ่านไปมา ประเทศเวียดนามเป็นประเทศหนึ่งที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเพื่อนบ้านอยู่ในภูมิภาคเดียวกันกับประเทศไทยของเรา และเข ้าร ่วมเป็นสมาชิกอาเซียนล�าดับที่ 7 ซึ่งในปี 2558 จะมีการเปิดประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการ ทั้งหมดรวมกันกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ภายใต้ชื่อ ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) เสียงแตรรถยนต์สี่ล้อ หรือรถจักรยานยนต์สองล้อ รวมถึงรถประจ�าทาง ส่งเสียงดังเป็นจังหวะบนท้องถนน เป็นการขอทางจากรถคันข้างหน้า เพื่อแซงขึ้นไป โดยเวียดนามแตกต่างจากไทย เห็นได้จากการขับรถ บนถนน พวงมาลัยรถอยู่ซ้าย ขับชิดทางขวา และแซงซ้ายของถนน ส่วนมากชาวเวียดนามใช้รถจักรยานยนต์ และรถจักรยานมากกว่ารถยนต์ มีการจ�ากัดความเร็ว ชาวเวียดนามแทบทุกคนล้วนสวมหมวกกันน็อค ผ้าคาดปิดจมูกปากป้องกันฝุ่น รักษาสุขภาพชีวิต รวมถึงความรักสวยรักงามของผู้หญิงที่สวมเสื้อคลุมยาวปิดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าบนยานพาหนะเคลื่อนที่ โผล่พ้นเพียงดวงตาให้เห็นเท่านั้น หากต้องการข้ามถนนควรมองขวาแลซ้าย มุ่งเดินหน้าไปยังอีกฝั่ง เพราะรถจะไม่หยุดและจอดให้เราข้าม แต่จะบีบแตรเร่งให้เราเดินไป ระหว่างทางเข้าสู่กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม ลักษณะบ้านตึกสีเหลืองที่เรียงรายคล้ายกับบ้านสไตล์ฝรั่งเศสในรูปแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียล (Colonialism) เป็นสิ่งที่ยังหลงเหลือจากสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง โดยตัวบ้านมีลักษณะแคบ แต่เน้นที่

ฟอเรนจ์-แฟมิเลีย (Foreign-Familiar) ความแตกต่างในความคุ้นเคยของฮานอย-ฮาลองเบย์ (Hanoi-Halong Bay)

V

IETNAM

เรื่อง: ทรงพล วุฒิไกรศรีอาคม

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

09

ความลึกและสูง อาจถึงสามชั้น ขณะที่ระเบียงบ้านด้านหน้าเป็นที่แขวนของเสื้อผ้าตากลมและไอแดด นอกจากหน้าบ้านของแต่ละบ้านจะติดธงแดงดาวเหลืองหรือธงชาติเวียดนามแล้ว ยังมีภาพบุคคลส�าคัญอีกท่านหนึ่งที่ชาวเวียดนามให้ความเคารพ นั่นคือ ท่านโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) ผู้น�าพรรคคอมมิวนิสต์ที่ได้ปลดแอกเวียดนามจากฝรั่งเศสและประกาศตนเป็นอิสรภาพ “ท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์จะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป” ตัวหนังสือเวียดนามสีแดงบนป้ายผ้าขนาดใหญ่กางตรึงทางด้านซ้ายของสุสานประธานาธิบดีโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh’s mausoleum) ใจกลางกรุงฮานอย สถานที่เก็บร่างท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์วีรบุรุษของชาวเวียดนาม เปรียบเสมือนบิดาของลูกประชาชนทั้งหลาย แม้ว่าท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์สามารถประกาศเอกราชจากฝรั่งเศส น�าอิสรภาพมาสู่ชาวเวียดนาม แต่ท่านจากไปก่อนที่เวียดนามเหนือและใต้จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ชื่อ “สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม” ซึ่งเป็นข้อความทางด้านขวาของสุสานประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ทั้งหมดล้วนสร้างจากความเรียบง่ายแต่แฝงไว้ซึ่งพลังที่ยิ่งใหญ่ เพราะหากไม่มีท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์ เวียดนามอาจไม่ได้เป็นดั่งเช่นทุกวันนี้ ค�าขวัญประจ�าชาติของเวียดนามที่ว่า เอกราช อิสรภาพ ความสุข คงไม่เกิดขึ้นเช่นกัน วันชาติของประเทศเวียดนามตรงกับวันที่ 2 กันยายน นอกจากจะเป็นวันประกาศอิสรภาพของเวียดนามแล้ว ยังตรงกับวันที่โฮจิมินห์ผู้เป็นที่รักของชาวเวียดนามเสียชีวิตในเวลาต่อมา ฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามกลายเป็นเมืองแห่งความสงบสุข (Hanoi the city for peace) ในเมืองเต็มไปด้วยผู้คน ยังคงมีสามล้อถีบ (Cyclo) ขณะข้างทางเปรียบเสมือนแหล่งพบปะ คล้ายกับสภากาแฟของไทย ต่างกันเพียงแค่ชาวเวียดนามนิยมนั่งยองๆ กับเก้าอี้ตัวเล็ก พร้อมโต๊ะขนาดไม่ใหญ่นัก ส�าหรับวางอาหาร ไม่ว่าจะเป็น เฝอ (ก๋วยเตี๋ยวไก่หรือเนื้อ) ชา กาแฟ น�้าผลไม้ หรือขนมปัง บาแกตต์ ร้านอาหารหรือที่เรียกว่า คาเฟ่ ก็เช่นกัน อาศัยการนั่งยองๆ จากพื้นที่ในร้านออกมาถึงทางริมถนนคล้ายคาเฟ่ชาวยุโรป แต่ต่างกันที่รูปแบบการนั่งรับประทาน จวบกลางวันยันกลางคืนแม่ค้าหาบเร่สวมหมวกนอนลาทรงกรวย

10

V

IETNAM

เรื่อง: ทรงพล วุฒิไกรศรีอาคม

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

11

12

คล้ายงอบของไทยขายสินค้าตามริมทาง บ้างใช้การเดินเร่ขาย บ้างอาศัยจักรยานจูงขาย บ้างตั้งลงพื้นริมทางขาย นอกจากผู้คน ฮานอยยังมีสถานที่ส�าคัญต่อการพัฒนาประเทศ เยาวชน เพือ่สร้างรากฐานทีส่�าคญัในอนาคต ฮว่านเกี้ยมเป็นสถานที่ตั้งของสะพานแดงบนทะเลสาบคืนดาบใจกลางกรุงฮานอยเชื่อมวัดหง็อกเซินต่อไปยังวิหารวรรณกรรมที่ซึ่งรวบรวมเอกลักษณ์และแง่คิดมุมมองของขงจื้อมาปรับใช้เข้ากับชาวเวียดนาม เป็นการสร้างความรู้ให้ควบคู่ไปกับคุณธรรม ดั่งค�าว่า ถ้าจะสร้างชาติต้องสร้างที่คนก่อน ถ้าจะให้คนรู้จักวรรณกรรมต้องรู้จักวัฒนธรรมก่อน เวียดนามให้ความส�าคัญกับการสร้างเยาวชน จากข้อมูลของส�านักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2551 พบว่า ชาวเวียดนามอ่านหนังสือ 60 เล่ม/คน/ปี มากที่สุดในประเทศแถบอาเซียนต่างจากชาวไทยที่อ่านหนังสือเพียง 5 เล่ม/คน/ปี เพราะเวียดนามน�าหนังสือจากต่างประเทศมาแปลภาษาทั้งหมด รวมถึงหนังสือนิทานพื้นบ้านที่ปรับรูปแบบให้มีความเป็นสากลมากขึ้น เพื่อกระตุ ้นการอ่านและความสนใจของเยาวชน โดยเวียดนามเน้นให้เยาวชนตระหนักถึงค่านิยมทางความรู้ คุณธรรมจากภายใน ไม่ไกลจากกัน เป็นที่ตั้งของถนน 36 สาย ร้านค้าขายของชาวบ้านปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดแนวบ้านเรือนชุมชน เป็นย่านค้าขายเก่าแก่ที่ถนนแต่ละสายจะขายสินค้าแตกต่าง กันไป ไม่มีการแทรกแซงจากธุรกิจต่างชาติ ปราศจากศนูย์การค้าขนาดใหญ่ ไร้ซึง่แฟรนไชส์ร้านค้าสะดวกซือ้ เป็นผลให้คนในชมุชนยงัมอีาชพีและสบืทอดกจิการต่อไป ตราบนานเท่าที่คนในชุมชนเองยังมองเห็นความส�าคัญ อนุรักษ์วิถีชีวิตเรียบง่ายที่ยั่งยืนและไม่ยึดติดอยู่กับค่านิยมความทันสมัย ความสะดวกสบายแบบผิวเผินที่ค่อยคืบเข้ามา ในอนาคตหลังเป ิดประชาคมอาเซียนอย่างเป ็นทางการ เวียดนามจะกลายเป็นประเทศที่มีบทบาทส�าคัญและกลายเป็นตลาดใหม่ในภูมิภาคอินโดจีน จากการบริโภคในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับศักยภาพการผลิตสูง แรงงานในประเทศมีคุณภาพและ

V

IETNAM

เรื่อง: ทรงพล วุฒิไกรศรีอาคม

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

13

ค่าจ้างแรงงานยังคงต�่า รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของภูมิประเทศ เวียดนามกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก และส่งออกกาแฟเป็นรองแค่ประเทศบราซิล แต่พื้นที่นาปลูกข้าวในปัจจุบันอาจกลายเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในอนาคต จากเดิมสังคมที่เป็นแบบสังคมนิยมอาจกลายเป็นสังคมแบบทุนนิยม ไม่ต่างจากประเทศไทย แต่ด้วยลักษณะสังคมที่แตกต่างกันระหว่างประชาธิปไตยของไทยและคอมมิวนิสต์ของเวียดนาม จึงขึ้นอยู ่กับรัฐบาลและทิศทางการเคลื่อนไหวของสังคม ระหว่างทางจากฮานอยสู่ฮาลองที่ตั้งของแหล่งมรดกโลก อ่าวฮาลอง (Halong Bay) นั้น มีสถานที่ส�าคัญเพื่อ ผู ้พิการด้อยโอกาสจากเหตุการณ์สงครามเวียดนาม คือ ศูนย์หัตถกรรมคนพิการ ที่ครอบครัวเยาวชนผู ้ได้รับผล กระทบ พิการแขน ขา หรือผิดปกติทางร่างกายและจิตใจ ได้มีพื้นที่ท�างาน และใช้ชีวิตความเป็นอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของคนในสังคม ไม่ใช่คนเร่ร่อน ขอทาน หรือคนไร้ความสามารถ เพราะเวียดนามป้อนโอกาสและความสามารถให้กับทุกคน หากคุณขอทานประทังชีวิต คุณจะถูกจับเพื่อน�าไปอบรมสอนเป็นแรงงาน ไม่เป็นส่วนเกินที่ไร้ค่าของสังคม ต่างจากสังคมอื่นที่ยังคงมีขอทานบนสะพานลอย เด็กเร่ร่อนข้างถนน หรือแม้กระทั่งคนปกติดี แต่มีบ้านอยู่ข้างทาง กลายเป็นส่วนเกินที่ไร้ราคา กลายเป็นว่ามีชีวิตที่ด้อยโอกาส ถูกตัดขาดจากสังคม ขณะที่ฮานอยพัฒนาสู่การก่อสร้างทั้งนิคมอุตสาห- กรรมขนาดใหญ่ ทั้งฐานการผลิตของซัมซุงและแคนนอน

14

ฮาลองเบย์ยังคงอุดมสมบูรณ์ สวยงามด้วยธรรมชาติ ดังที่ท่านโฮจิมินท์เคยกล่าวไว้ว่า “มันน่าอัศจรรย์นัก ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่พบเห็นฮาลองเบย์ ต่างต้องบอกต่อถึงความงดงามนั้น” อีกทั้งยอดนักเขียนชาวเวียดนาม เหงียนต่วน ยังเปรียบเทียบฮาลองเบย์ไว้ว่า “ภูเขานับวันยิ่งเก่าลง แต่ฮาลองเบย์ทั้งสายน�้าและเกลียวคลื่นยังคงหนุ่มสาวตลอดกาล” จึงไม่น่าแปลกใจที่ฮาลองเบย์ได้รับเลือกเป็นมรดกโลก (World heritage) แม้ว่าเรือส�าเภาโบราณจะหายไปแทนที่ด้วยเรือส�าราญล�าใหญ่ แต่ฮาลองเบย์ยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูด นักท่องเที่ยวทุกสัญชาติ เข้าชมความงดงามที่มีเอกลักษณ์ ด้วยงานประติมากรรมจากธรรมชาติ มิใช่เพื่อใครคนใด แต่เป็นทุกคนมวลมนุษยชาติ อาจกล่าวได้ว่า เวียดนามในวันนี้ยังเป็นเพียงประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ไม่ต่างจากไทย หากไทยเราหยุดนิ่งไม่พัฒนา สวนกันกับเวียดนามที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความขยัน อดทนและมุ ่งมั่นพัฒนาตนเอง ผู้ใหญ่เคยเปรียบเปรยชีวิตไว้ว่า หากเราพายเรือทวนกระแสน�้า พอหยุดพายเมื่อไหร่ มันไม่ได้หยุดอยู่ที่เดิม แต่น�้าจะพาเรากลับถอยหลัง เสมือนความแตกต่างในความคุ้นเคยที่เราหลงลืมมันไป อีกทั้งการเปิดประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการน�ามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ไม่จ�าเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่ เพียงแค่หันกลับมามองยังอดีตปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น และสร้างสิ่งที่ยังขาดอยู่ให้สมบูรณ์ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอเพื่ออยู่รอดจากสังคมวิวัฒนาการที่สันติ (Social-peaceful evolution)

V

IETNAM

เรื่อง: ทรงพล วุฒิไกรศรีอาคม

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

15

DATE:2012.11.17(Sat)-11.19(Mon)

16

ทรายละเอียดจากริมแม่น�้าโขงที่นอนนิ่งในรองเท้ายังคงอยู่ ความทรงจ�าเกี่ยวกับลาวที่หลวงพระบางก็ยังคงไม่เลือนหายไปเช่นกัน “หลวงพระบาง” เป็นเมืองเล็กๆ เงียบ สงบ อยู่ในอ้อมกอดของภูเขา ขนาบด้วยแม่น�้าหลักอีก 2 สาย คือ แม่น�้าคาน และแม่น�้าโขง ในขณะเดียวกันก็พลุกพล่านไปด้วย นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทุกหนแห่ง ไม่แปลกใจเลยว่าท�าไมเมืองแห่งนี้จึงได้รับการยอมรับจากยูเนสโก ให้เป็นเมืองมรดกโลกมายาวนานเกือบ 20 ปีแล้ว แต่จนถึงโลกยุคนี้ ประเด็นไหนคงไม่น่าสนใจและใส่ใจไปกว่าประเด็นเรื่อง “การเปิดเสรีอาเซียน” ที่ก�าลังจะเกิดขึ้นอีกสองปีข ้างหน้า ประเทศลาวเกี่ยวอะไรกับประเทศไทย แล้วประเทศไทยสามารถเรียนรู้อะไรบ้างจากประเทศลาว จริงหรือไม่ที่ว่ากันว่าประเทศลาวเป็นประเทศที่ตื่นตัวเรื่องอาเซียนมากที่สุด แล้วใครกันแน่ที่ล้าหลังกว่ากัน ? อย่างที่ทราบกันดีว่าการเปิดเสรีอาเซียนนั้นมี 3 เสาหลักด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ เสาสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเสาที่คนส่วนน้อยให้ความสนใจ ฉันจึงขอถือโอกาสนี้น�าเสนอมุมมองเล็กๆ เกี่ยวกับคน วิถีชีวิต สังคม วัฒนธรรมของประเทศลาวที่หลวงพระบาง หลวงพระบางเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศลาว ประเทศลาวเคยตกเป็นเมืองขึ้นประเทศฝรั่งเศส พม่า และประเทศไทย ศิลปวัฒนธรรมที่พบเห็นจึงมีส่วนผสมของ

หลวงพระบาง. . . กางหัวใจ(Luang Prabang… Open My Heart)

เรื่อง: พิชญา เพ็งจันทร์

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

LAOS

17

ประเทศที่เข้ามามีอิทธิพลต่อประเทศลาวในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วย ข้อดีที่เห็นได้ชัดของการตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศฝรั่งเศสคือ ภาษา ส่วนข้อเสียคือนิสัยที่โดนปลูกฝังมาผิดๆ ฟังจากค�าบอกเล่าของไกด์ได้ความว่า ในขณะที่ฝรั่งเศสครองเมือง เขาสอนให้คนลาวขี้เกียจ มีชั่วโมงพักกลางวันเยอะ กลับกันคือมีชั่วโมงการท�างานน้อย และวันศุกร์ท�างานแค่ครึ่งวัน สมัยก่อนจะเรียกวันศุกร์ว่าวันเสาร์เล็ก แต่ปัจจุบันได้ปรับปรุงเวลาการท�างานให้เป็นสากลแล้ว อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ฝรั่งเศสได้สร้างโรงเรียนเพื่อพัฒนาด้านการศึกษาให้แก่ชาวลาวไม่ถึง 10 โรงเรียนด้วยกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ชาวลาวเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อาจเป็นเพราะอดีตที่บรรพบุรุษเคยเผชิญมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันความตั้งใจในด้านการศึกษาของประเทศลาว คือการเปิดระบบการศึกษาที่สามารถให้ทุกคนเข้าถึงได้ หรือความเสมอภาคทางการศึกษานั่น เอง ตอนนี้มีมหาวิทยาลัยอยู่เพียง 3 แห่งเท่านั้น และมีการเรียนการสอนสูงสุดแค่ระดับปริญญาโท คนลาวจึงนิยมมาเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศไทย จะเห็นได้ว่าชาวลาวขาดโอกาสในการศึกษา ในขณะเดียวกันก็ขาดโอกาสในการเข้าถึงการอ่านหนังสือที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือภาษาลาว พบเห็นได้น้อยมาก อีกอย่างหนังสือแต่ละเล่มมีราคาสูงเกินกว่าที่ทุกคนจะซื้ออ่านได้ ต่างจากคนไทยที่มีหนังสือมากมายให้เลือกอ่าน ณ เมืองมรดกโลกแห่งนี้ ผู้คนมีการด�าเนินชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่มีเทคโนโลยีอะไรมาให้กวนใจ มาขัดขวางการสานสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติระหว่างมนุษย์ ที่นี่ไม่มีไฟจราจร ไม่มีรถใหญ่วิ่งในเมือง มีการจราจรแบบชิดขวา ไม่มีร้านสะดวกซื้อเปิด 24 ชั่วโมง ผู้คนซื้อของกินของใช้กันที่ตลาดเช้า หรือร้านขายของช�า การใช้เงินตราของที่นี่ สกุลเงินเป็น “กีบ” แต่ไม่ต้องกังวล เราสามารถใช้เงินบาทไทยได้เลย ชาวต่างชาติก็สามารถใช้เงิน Dollar ได้เช่นกัน ดูเหมือนว่านักท่องเที่ยวที่เลือกมาเยือนเมืองแห่งนี้ ก็

18

สามารถใช้ชีวิตได้กลมกลืนกับชาวเมืองเช่นเดียวกัน (อาจจะมีบ้างที่ไร้ระเบียบ) กินส้มต�าข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก แทบทุกมื้อจะมีสลัด ที่ขาดไม่ได้คือผักน�้าซึ่งขึ้นในน�้าที่สะอาดเท่านั้น อาหารมีให้เลือกกินตั้งแต่ในซอยเล็กๆ ยันร้านอาหารที่เปิดกันตามสไตล์ทั้งลาวแท้ และที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศส กินอาหารที่ลาวก็หลายมื้ออยู่ สรุปได้ว่าคนลาวไม่ทานหวาน ตกเย็นถึงกลางคืน นักท่องเที่ยวก็จะถูกดึงดูดไปยังตลาดมืด (ถนนคนเดินบ้านเรา) ซึ่งมีของท�ามือให้เลือกซื้อเป็นที่ระลึกหรือกลับไปเป็นของฝากมากมาย เรียงรายตามถนนยาวสุดลูกหูลูกตา ของที่ขายก็คล้ายๆ กันหลายร้าน ทราบทีหลังว่าของส่วนใหญ่ที่ขายกันก็รับมาจากไทยอีกที ของกินก็ยังคงมีขายอยู่เช่นกัน ส�าหรับความสวยงามของธรรมชาติและโบราณสถาน ที่หลวงพระบางก็ไม่แพ้ไทย ทั้งแม่น�้า ภูเขา วัดวาอาราม ศิลปะพิเศษเฉพาะตัวจริงๆ ก็น่าจะเป็น “ศิลปะไร้มารยา” ซึ่งประดับตกแต่งตามฝาผนังของโบราณสถานบางแห่ง เป็นศิลปะที่ซื่อตรง คิดอย่างไรก็สื่อออกมาแบบนั้น สะท้อนถึงตัวตนของคนลาวได้ชัดเจนยิ่งนัก แต่แปลก ที่นี่ไม่มีการบันทึกประวัติศาสตร์เป็น

เรื่อง: พิชญา เพ็งจันทร์

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

LAOS

19

ลายลักษณ์อักษร ไกด์เล่าว่าเพราะความไม่ใส่ใจของ คนรุ่นก่อนกระมัง ผู้คนที่นี่พูดจาน่ารัก ช้าๆ ฟังแล้วรู้สึกไพเราะเสนาะหู แฝงไปด้วยความจริงใจ สัมผัสได้ถึงการรักษาน�้าใจคนอื่น อย่างเช่น ตอนไปเดินซื้อของ แม่ค้าพ่อค้าแทบทุกร้านจะพูดว่า “ลดได้อยู่” และ “ไม่ซื้อไม่เป็นไร” ผู้หญิงส่วนใหญ่นุ่งผ้าซิ่น (นุ่งไปเรียนด้วย) ไม่นิยมแต่งหน้าถ้าไม่จ�าเป็น กีฬาที่ยอดฮิตของผู้ชาย คือ เปตอง เล่นตั้งแต่หนุ่มยันแก่ ถึงเวลามื้ออาหารก็จะกลับไปกินที่บ้าน ลูกค้าตามร้านอาหารส่วนใหญ่จึงเป็นนักท่องเที่ยวเกือบทั้งสิ้น จะเรียกวิถีชีวิตของคนที่นี่ว่าสมถะก็คงได้ จากการได้พูดคุยกับชาวลาวหลายคน พบว่าชาวลาวรู้จักประเทศไทยดี เพราะดูโทรทัศน์บ้านเรา ดูทุกช่องเลย ไม่เพียงแต่บ้านเราเท่านั้น ยังได้ดูของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอีกหลายประเทศด้วย โทรทัศน์บ้านเราส่วนใหญ่เสนอสื่อที่ประชาสัมพันธ์เรื่องอาเซียน ในขณะที่โทรทัศน์บ้านเขาเสนอสื่อที่เป็นของอาเซียนจริงๆ ตรงประเด็นไปเลย รัฐบาลที่นี่ปลูกฝังเรื่องการเปิดเสรีอาเซียนเยอะ เริ่มตั้งแต่ ป.4 และมีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ ป.3 ด้วยความที่เป็นเมืองมรดกโลก การปรับตัวของเมือง

20

หลวงพระบางจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะเมื่อความเป็นวิถีชีวิตของเขายังน�าพาสิ่งดีๆ มาสู่ประเทศอยู่ เขาก็จะยัง คงวิถีนั้นไว้ โดยมีการหมุนเปลี่ยนตามโลกภายนอกไปช้าๆ รอรับการลงทุนและการจ้างงาน แต่จะไม่ยอมให้ชาวต่างชาติมีสิทธิในการถือครองที่ดินเป็นอันขาด หากจะปลูกสร้างบ้านเรอืนกจ็ะต้องแต่งงานกบัชาวลาว และเป็นไปตามรปูแบบที่ก�าหนดเท่านั้น นอกจากนี้ฉันยังได้สัมผัสถึงประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น การตักบาตรข้าวเหนียวในตอนเช้ามืด เป็นการตักบาตรที่ต ้องใช้ความรวดเร็วในการจ้วงข้าวเหนียว แปลกจริงๆ ทั้งที่ทุกอย่างในเมืองนี้มันช้า แต่พระที่นี่กลับเดินเร็วมาก ฉันได้ไปเยือน หมู่บ้านจริงๆ ของชนชาติลาวอีกด้วย เป็นชาวเผ่า ซึ่งยังคงรักษาความเป็นรากเหง้าของตัวเองเอาไว้ ก่อนกลับก็ได้แวะเข้าไปดูโรงเรียนของเด็กอนุบาล ซึ่งก�าลังเข้าแถวเคารพธงชาติต่อด้วยการเต้นขยับแข้งขยับขากันอย่างน่ารักโดยมีผู้น�า คือ คุณครูนั่นเอง สิ่งส�าคัญในการสร้างความเข้มแข็งของประเทศ เป็นบทเรียนที่ฉันได้มาจากการไปเยือนหลวงพระบาง คือ จิตวิญญาณในการรักษาวัฒนธรรมอันดีงามเอาไว้ เพราะรากฐานของความสามัคคีคือจิตวิญญาณที่เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน ย่อมน�ามาซึ่งความเข้มแข็งของประเทศชาติ ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายดีอะไร เราก็จะพากันผ่านพ้นไปจนได้ ดังค�ากล่าวของมหาตมะ คานธี ที่ว่า “A nation’s culture resides in the hearts and in the soul of its people.” ก่อนออกเดินทางครานี้ มีใครคนหนึ่งทิ้งข้อความชวนคิดไว้ให้ฉัน ข้อความนั้น คือ ‘ The only real valuable thing is intuition ’ ---Albert Einstein (สิ่งเดียวที่มีค่าแท้จริงคือ

เรื่อง: พิชญา เพ็งจันทร์

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

LAOS

21

การหยั่งรู้ที่เกิดขึ้นในใจ/สัญชาตญาณ) ฉันได้ค้นพบแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจนั้นช่างมีค่า เพราะมันจะส่งผล ออกมาเป็นรูปธรรมทั้งสิ้น มีความคิดที่ติดตัวฉันกลับมา คือ คนเรามักคิดที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง จนลืมไปว่าสิ่งที่ควรเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือตัวเราเอง และเราไม่ควรทิ้งมลพิษไว้ในทุกๆ สถานที่ที่เราไป ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายในแท้ที่จริงมนุษย์ทุกคนบนโลกล้วนอยู ่บนพื้นแผ่นดิน แผ่นน�้าเดียวกัน ไม่ว่าเราจะโดนแบ่งแยกออกจากกันด้วยอะไรก็ตามแต่ อีกไม่นานเราก็คงกลับคืนสู่ความ เป็นหนึ่งเดียวกัน ประชาคมอาเซียนที่ก�าลังจะเกิดขึ้นอีก 2 ปี ข้างหน้า ก็เป็นอีกหนึ่งการรวมตัวที่แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของมวลมนุษยชาติ เราเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง หากเพียงเราคิดว่าเราจะท�าอะไรได้บ้างกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ก็ถือว่าดีแล้ว แต่การกระท�าย่อมเสียงดังกว่าความคิดและค�าพูดเสมอ เราจะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับชาติไทย และประชาคมอาเซียนอย่างไร ไม่เริ่ม ก็ไม่ก้าว ไม่ก้าว ก็ไม่เดิน เรามาเริ่มต้นกันเถอะ! ท้ายที่สุดเราไม่อาจตัดสินทุกอย่างได้จากการเดินทางเพียงครั้งเดียว แต่หากตอนนี้ใครรู้สึกชีวิตในเมืองหลวงมันวุ่นวายเกินไป ให้ลองมาที่นี่แล้วจะรู้สึกว่าโลกหมุนช้าลง มีเวลามากขึ้น หรืออาจจะค้นพบอะไรในตัวเองกลับไป “หลวงพระบาง…กางหัวใจ”

22

เรื่อง: พิชญา เพ็งจันทร์

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

LAOS

23

DATE:2012.11.22(Thu)-11.24(Fri)

24

แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้ ประเทศในอาเซียนที่คนไทยอยากไปเที่ยว พักผ่อน ถ่ายรูป เช็คอินเฟสบุ๊ค มากที่สุดแห่งหนึ่งคงหนีไม่พ้นประเทศสิงคโปร์ เนื่องด้วยเหตุผลด้านความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว การเดินทางแสนสะดวก มีความปลอดภัยสามารถเที่ยวคนเดียวหรือกลุ่มเล็กๆ ได้ การไปสิงคโปร์ของผมในครั้งนี้ ผมปรารถนาว่าผมจะได้พบกับโอกาสที่ดี หนทางใหม่ให้กับอนาคตของตัวผมเอง ผมอยากลองดูเหมือนกันว่าคนที่ใช้ชีวิตในเมืองไทยแผ่นดินเกิดมายี่สิบเอ็ดปี จะสามารถใช้ชีวิตเองได้ไหมในดินแดนใหม่ อะไรที่ เราต้องแกร่งต้องปรับ และตอนนี้ ผมภูมิใจเสนอประสบการณ์การย่างก้าวไปในสิงคโปร์ของผม ประเทศสิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีความศิวิไลซ์มาก จนอดคิดไม่ได้ว่าหากท่านสุนทรภู่เห็นเกาะแก้วพิสดารของจริงที่นี่แล้ว เมอร์ไลออนพ่นน�้าจะเปรียบเสมือนม้านิลมังกรหรือไม ่ แต ่ที่แน ่ๆ คือ พระฤๅษีประจ�าเกาะ จัดผังเมืองได้ดีมากอย่างกับให้นางยักษ์มาช่วยจับวาง ผังเมืองของประเทศสิงคโปร์ที่มีพื้นที่จ�ากัดถูกจัดสรรให้สร้างสิ่งที่คุ้มค่าประหยัดต่อพื้นที่ มีระเบียบอย่างลงตัว

รักษาพื้นที่ควรแก่การอนุรักษ์ ถนนทุกเส้นมีขอบสีเขียวเป็นต้นไม้ใบหญ้า และรักษาความสะอาดเป็นส�าคัญ จึงเป็นเมืองที่คล้ายๆ ว่าจะสมบูรณ์แบบมาก จนเรามีพฤติกรรมเหมือนเห็นคนสวยต้องพินิจว่าท�าศัลยกรรมตรงไหนบ้าง สิ่งที่พบคือสิงคโปร์ไม่หยุดสวย ทุกที่มีการสร้างตึก สร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ปิดล้อมบางส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวส�าคัญเพื่อปรังปรุงไม่ให้โทรม ความเป็นชุมชนเมืองที่นี่ ไม่ได้ท�าให้ต้นไม้ดูเป็นส่วนเกินของเมือง กลับท�าให้ดูมีชีวิตชีวา อยู่ร่วมกันเหมือนต้องพึ่งพากัน ที่ผมสังเกตเห็นจากชานเมือง สิงคโปร์สร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างมากเพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มขึ้น แต่พร้อมๆ กันนั้นสาธารณูปโภคอย่างสวนสาธารณะ สนามกีฬาก็เพิ่มตามด้วย สิงคโปร์มีระบบคมนาคมที่ดี รถไฟฟ้าใต้ดินเป็นการเดินทางที่สะดวก ครอบคลุมพื้นที่ส�าคัญต่างๆของเมืองลากยาวไปยังเกาะเซ็นโตซ่า บัตรโดยสารของสิงคโปร์สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินและรถเมล์ ที่ป้ายรถเมล์มีระยะเวลาการรอแต่ละสายชัดเจนและตรงเวลา มีเลนเฉพาะรถเมล์อยู่ซ้ายสุด ขีดเส้นยาวสีเหลือง มีแท็กซี่บริการตลอดเวลา คนสิงคโปร์ไม่ใช้รถส่วนตัวมาก เพราะ

เกาะแก้วพิสดาร

มีค่าใช้ถนนและค่าจอดรถแพง มีทางเท้าส�าหรับคนพิการ และเลนจักรยานพร้อมที่จอดจักรยานเพื่อง่ายต่อการสัญจร สิงคโปร์พัฒนาได้อย่างอัศจรรย์มาก จากเมืองท่า ที่ไม ่มีทรัพยากรอะไร กลายเป็นเขตเศรษฐกิจเป ็นสัญลักษณ์ของทุนนิยมเสรี หลายอย่างถูกสร้างตามหลักความเชื่อ สิ่งก่อสร้างล่าสุดที่กลายเป็นจุดสนใจแห่งใหม่คือ Marina Bay Sands เป็นตึกสูงทรงสะดุดตา ข้างหน้ามี ArtScience Museum เป็นรูปดอกบัวสีขาว พื้นที่ด้านหลังคือ Garden by the Bay สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่เป็นโอเอซิสแห่งใหม่ของสิงคโปร์ ท�าให้รู ้เลยว่าสิงคโปร์ก�าลังเนรมิตทุกอย่างให้มี ในการเดินชมเมืองสิงคโปร์ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ เป็นสถานที่ที่ประทับใจ แต่ผมขออนุญาตไม่เขียนเล ่าประวัติศาสตร์ของประเทศสิงคโปร์ให้อ่าน สิ่งที่ท�าให้ น่าสนใจคือวิธีการน�าเสนอและบรรยากาศของสถานที่

เรื่อง: รัชชานนท์ เกตุรามฤทธิ์

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

SINGAPORE

25

ที่แรกที่ไปคือ Images Of Singapore บนเกาะเซ็นโตซ่า น�าเสนอด้วยหุ่นและฉากจ�าลองตลอดในทางเดินจนแทบไม่ต้องอ่านค�าบรรยาย เราก็ได้สัมผัสตั้งแต่การค้นพบเกาะ วัฒนธรรม วิถีชีวิต เหตุการณ์ต่างๆ จนเป็นชาติสิงคโปร์ อีกที่หนึ่งคือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ เป็นตึกสถาปัตยกรรมร่วมสมัย นิทรรศการข้างในเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเล่าเรื่อง ตามสถานที่ในนิทรรศการมีหมายเลขก�ากับอยู่ เรากดเลือกตามหมายเลขจะมีเสียงและข้อมูลปรากฏขึ้น นอกจากนั้นในพิพิธภัณฑ์ยังมีส่วนอื่นๆ อีก รวมถึงมีพื้นที่ ให้แสดงความคิดเห็นต่อสิงคโปร์และเกี่ยวกับเหตุการณ์ ในอดีตด้วย ผมเดินดูแผ่นพับพบการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับด้านวัฒนธรรมไทยอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ พิพิธภัณฑ์แสตมป์ของสิงคโปร์ และพิพิธภัณฑ์อารยธรรมเอเชีย เห็นแล้วก็น่าดีใจ ผมหยิบแผ่นพับนั้นติดกลับมาเมืองไทยถึงจะไม่มีเวลาไปเดินชมก็ตาม คงเป็นนิสัยคนไทยอย่างหนึ่ง เมื่อเห็นภาษาไทย หรือเจอคนไทยกันเอง จะรู ้สึกชื้นใจ ขึ้นมานิดๆ เหตุเกิดที่ชานชาลารถไฟฟ้าใต้ดินมีชายคนหนึ่งลากกระเป๋าอย่างเร่งรีบมาถามทางไปสนามบิน ด้วยความที่ผมไม่รู้จึงหันไปถามเป็นภาษาไทยกับพี่ที่มาด้วยกัน ชายคนนั้นทักภาษาไทยขึ้นมา เขาและครอบครัวดูดีใจที่ได้รับการช่วยเหลือจากคนไทยด้วยกัน ความหลากหลายเชื้อชาติของชาวสิงคโปร ์ เป ็นเอกลักษณ์ของชาติที่เขาชูขึ้นมาว่าเราอยู่ร่วมกันเป็นชาวสิงคโปร์ เมืองนี้ส�าหรับทุกคน ในทุกพิพิธภัณฑ์แสดงความ

26

หลากหลายอย่างชัดเจน ตลอดเวลาที่อยู่สิงคโปร์ผมแยกไม่ค่อยออกว่าคนไหนเป็นชาวสิงคโปร์หรือนักท่องเที่ยวกันแน่ เพราะสถานที่ที่ไปทุกที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ผมสังเกต นักท่องเที่ยวจากสัมภาระและการแต่งตัวที่จะแตกต่างกับคนอยู่ที่นี่ที่นั่งเล่นโทรศัพท์ แต่ไม่ได้จะท�าให้เรารู้เสมอไป ผมเดินเข้าไปร้านกาแฟข้างมหาวิทยาลัยด้านการจัดการของสิงคโปร์ระหว่างรอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเปิด ผมสั่งกาแฟด้วยส�าเนียงไทย บาริสต้าก็ชวนคุยว่าเราเรียนอยู่ที่นี่ใช่ไหม อาจเพราะเช้าเกินกว่านักท่องเที่ยวจะมาเยือนก็เป็นได้ คนที่สิงคโปร์จะพูดได้ประมาณสองภาษาคือภาษาแม่และภาษาอังกฤษส�าเนียงตัวเอง ดังนั้น ป้าย เสียงประชาสัมพันธ์ จะเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาจีนกลาง มีภาษามาเลย์ และ ทมิฬ อยู ่ในรถไฟฟ้าด้วย ในอดีตเกาะเล็กๆ แห่งนี้ทุก เชื้อชาติก็จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เช่น ไชน่าทาวน์ ลิตเติ้ลอินเดีย อาหรับสตรีท มีศาสนสถานตามแต่ความเชื่อ ความหลากหลายของสิงคโปร์ส่งผลมายังอาหาร สถานที่แบบศูนย์อาหารจึงเป็นที่นิยม ราคาอาหารสูงกว่าประเทศไทยแต่ที่ได้คืออาหารจานใหญ่ น�้าดื่มต่างหากที่แพง เพราะสิงคโปร์ไม่มีน�้าจืด ร ้านค้าสะดวกซื้อที่สิงคโปร์ก็จะมี 7-Eleven และ Cheers ผมลองอ่านป้ายรับสมัครงานของร้าน Cheers มีการให้สวัสดิการที่ดี เพียงแค่พูดภาษาอังกฤษพื้นฐานได้ ก็มีสิทธิรักษาพยาบาลและท�าฟัน มีให้เงินค่าขยัน และมีเงินเดือนเดือนที่สิบสาม การจ่ายเงินเดือนเดือนที่สิบสามหมายถึงที่สิงคโปร์จะออกเงินเดือนให้ทุกยี่สิบแปดวัน แล้วในแต่ละเดือนจะมีวันเกินจากยี่สิบแปดวันนั้นเดือนละสองวันสามวัน ครบปีนับเศษเกินได้

เรื่อง: รัชชานนท์ เกตุรามฤทธิ์

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

SINGAPORE

27

ยี่สิบเก้าวัน จึงถือว่าเป็นเงินเดือนเดือนที่สิบสาม การอยู่ร่วมกันที่หลากหลายจะอยู่อย่างสงบได้ต้องมียาแรง ราคาค่าปรับที่สิงคโปร์สูงลิบ เพียงยกหูโทรศัพท์ส�าหรับโทรแจ้งไฟไหม้โดยไม่เกิดเหตุจริงก็ต้องจ่ายค่าปรับแสนกว่าบาท ดังนั้นการกระท�าผิดคงไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ในเมืองนี้ นี่เป็นสาเหตุของความปลอดภัยในสิงคโปร์ ป้ายห้ามสูบบุหรี่เห็นได้ทั่วไป แต่พื้นที่ส�าหรับสูบบุหรี่หาไม่ยาก เดินไม่กี่ก้าวก็เจอ ป้ายโฆษณาจากกระทรวงต่างๆ ของสิงคโปร์ร่วมมือกันเชิญชวนประชาชนมาวิ่งมาราธอนเพื่อสุขภาพ บนรถไฟฟ้ามีที่นั่งส�ารองส�าหรับคนท้อง เด็กเล็ก คนชรา และคนพิการ และหากเกิดเหตุที่ท�าให้รถไฟฟ้าใต้ดินใช้งานไม่ได้ตามปกติ มีป้ายเขียนบอกไว้ว่าให้ไปที่ทางออกที่เท่าไหร่จะมีรถคอยบริการตามทางที่ท่านจะไป เป็นการบริหารความเสี่ยงแสดงความรับผิดชอบ แม้แต่เมืองที่เพียบพร้อมแห่งนี้ยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเสมอ ในระหว่างที่ผมขึ้น Singapore Flyer ชิงช้ายักษ์ชมวิว เกิดฝนตกหนักจนมองไม่เห็นอะไรนอกจากสีขาวโพลนของเมฆฝน จนกลับลงมาได้มีการประกาศขออภัยและหยุดการให้บริการ การแสดงแสงและเสียงของ Garden by the Bay ก็เช่นกันเป็นอันต้องขอหยุดการแสดงเนื่องจากสภาพอากาศไม่อ�านวย แต่มีอยู่อย่างที่ผมเห็นธรรมชาติไม่สามารถหยุดได้เลยคือเด็กวัยรุ่นสิงคโปร์ยอมเปียกฝนเดินทางกันมาเพื่อรอชมคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี ในช่วงชีวิตของผมตอนนี้ ผมให้ความส�าคัญและสนใจมากคือโตไปจะท�าอะไร ผมศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะ สิ่งที่ผมได้ไปสัมผัสที่สิงคโปร์คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากวิชาที่ผมเรียน ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า

28

เรื่อง: รัชชานนท์ เกตุรามฤทธิ์

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

SINGAPORE

29

ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราแทบทุกคนน่าจะเคยมาที่นี่ พวกท่านได้อะไรกลับไปบ้าง มาเพียงพักผ่อนหาความสบาย หรืออาจจะได้เพียงโครงการขายฝันกลับไป ผมไม่รู้หรอกว่าสิงคโปร์คอรัปชั่นกันขนาดไหน แต่รัฐบาลที่พึ่งพาได้และมองการณ์ไกล ท�าให้สิงคโปร์ก�าลังสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ตึกสูงระฟ้า สถานที่ท่องเที่ยว หรือถมสร้างเกาะเพิ่ม นั่นคือ เขาสร้างประชากรเป็นทุนที่ดีที่สุดของประเทศ ให้ความส�าคัญกับการศึกษาเรียนรู้ มีห้องสมุดมากมายในสิงคโปร์เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์ กันมาก ไม่เว้นแม้แต่วัดพระเขี้ยวแก้วยังมีชั้นห้องสมุด ด ้านศาสนาให ้ได ้ศึกษา ผมได ้มี โอกาสไปสถานที่ที่ น่าหลงใหลที่สุดของนักศึกษาและปัญญาชนสิงคโปร์ คือหอสมุดแห่งชาติสิงคโปร์ ประกอบด้วยหนังสือและหนังสืออ้างอิงแทบทุกภาษาทุกหมวดความรู ้ ยังมีสื่อสิ่งพิมพ์ หายากและสื่อวิดีทัศน์หลากหลาย มีห้องอ่านหนังสือ นิทรรศการที่หมุนเวียนมาน�าเสนอ โซนเด็ก โซนประชาชน ซึ่งครบสมบูรณ์แบบพร้อมให้หยิบเข้าหัวตามใจชอบ ทุกอย่างอ�านวยความสะดวกจากเทคโนโลยีเพื่อผู้มาใช้บริการ และผมเชื่อว่าตึกนี้แหละที่เป็นพลังขับเคลื่อนประเทศสิงคโปร์และโลก คนของประเทศสิงคโปร์มีแหล่งความรู้และวัฒนธรรมจากผู้คนที่หลากหลาย ยิ่งหากเปิดประชาคมอาเซียนจะส่งผลให้เกิดสมองไหลของประเทศสมาชิกมารวมอยู่ที่สิงคโปร์ กลายเป็นศูนย์กลางที่แข็งแกร่ง ทั้งหมดนั่นคือเรื่องของสิงคโปร์ เมื่อผมกลับมาเมืองไทย ผมยังคงต้องปรับนาฬิกาให้ช้าลงหนึ่งชั่วโมง แต่การเดินของเวลา

30

เป็นเรื่องปัจจุบัน ตัวของผมเองต่างหากที่ก�าลังออกวิ่งเพื่อล ่ าอนาคต โอกาสในการร ่ วมโครงการนี้ คือจุดไฟ ประสบการณ์ เป็นสายตามองเข้าถึงสสารแวดล้อม เสาะหาความรู้ที่ไม่จ�ากัดเฉพาะการอ่าน ให้เวลาผมวิ่งหน่อย ไม่ว่าสงิคโปร์หรอืประเทศไหนในโลก ตวัผมในอนาคตรบัค�าท้า ความหลากหลายที่เริ่มถาโถมเข้ามาหน้าบ้านเราเพื่อปรับตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน บางคนเปิดประตูวิ่งออกไปใส่เต็มฝีเท้า บางคนยืนอย่างต้อนรับเพราะมองเห็นโอกาส บางคนหลบอยู่ในบ้านโดยไม่สนว่าข้างนอกจะเป็นอย่างไร ประตูบ้านไม่ได้กั้นเราออกจากกัน เพียงวางรีโมตทีวี หยิบสิ่งส�าคัญในการใช้ชีวิตใส่กระเป๋าเป้สะพายพาดหลัง มัดเชือกรองเท้าให้แน่น เปิดประตูออกไปเจอเพื่อนใหม่ ร่วมเฉลิมฉลองไปด้วยกัน Cheers!!!

เรื่อง: รัชชานนท์ เกตุรามฤทธิ์

ภาพ: จิตรพงษ์ จีระฉัตร

SINGAPORE

31

ADVERTORIAL

Ministry of Social Development and Human Security

1

3 ความยุติธรรมและสิทธิอย่างเท่าเทียม• สิทธิและสวัสดิการส�าหรับกลุ่มด้อยโอกาสและกลุ่มที่อ่อนแอ

• คุ้มครองและส่งเสริมแรงงานโยกย้ายถิ่นฐาน• ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจ

4การส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม• จัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก• จัดการมลพิษสิ่งแวดล้อมข้ามแดน• พัฒนาที่ยั่งยืนโดยศึกษาสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชน

• ส่งเสริมเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม (EST)• ส่งเสริมคุณภาพการด�ารงชีวิตในเมือง• ประสานเรื่องนโยบายสิ่งแวดล้อม• ส่งเสริมทรัพยากรชายฝั่งและทะเลอย่างยั่งยืน• อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

• ส่งเสริมความยั่งยืนทรัพยากรน�้าจืด• ตอบสนองต่อ climate change• ส่งเสริมการบริหารจัดการป่าไม้

การด�าเนินงานตาม ASCC Blueprint โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในฐานะหน่วยงานหลัก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การพัฒนามนุษย์• ให้ความส�าคัญกับการศึกษา• ลงทุนในทรัพยากรมนุษย์• ส่งเสริมการจ้างงานที่เหมาะสม• ส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศ• ความสะดวกการเข้าถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงประยุกต์

• เสริมสร้างทักษะในการประกอบการ ส�าหรับสตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ

6การลดช่องว่างการพัฒนา• เสริมสร้างความร่วมมือเพื่อลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างสมาชิกเก่า 6 ประเทศกับประเทศสมาชิกใหม่

การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม• ขจัดความยากจน• เครือข่ายความปลอดภัยทางสังคม / ความคุ้มกันจากผลกระทบด้านลบ จากการรวมตัวอาเซียน / โลกาภิวัตน์• ส่งเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยด้านอาหาร• เข้าถึงการดูแลสุขภาพ / ส่งเสริมการด�ารงชีวิตที่มีสุขภาพ• เพิ่มศักยภาพในการควบคุมโรคติดต่อ• รับประกันอาเซียนที่ปลอดยาเสพติด• สร้างรัฐที่พร้อมรับกับภัยพิบัติและประชาคมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

ASCC Blueprint

เป้าหมายและพันธกรณี

การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน• ส่งเสริมและตระหนักการเป็นประชาคม• อนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมอาเซียน• ส่งเสริมการสร้างสรรค์ด้านวัฒนธรรมและอุตสาหกรรม

• การมีส่วนเกี่ยวข้องกับชุมชน

5ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Blueprint

คือ แผนการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน

10 Tuck Boriboon issue

1

67

2

34

8

5

9

10

Summary ASEAN

ASEAN

NEWS

CHANEL

BASIC ENGLISH

BASIC ENGLISH

ASEANnews update!

I will tryto do

- do my job- keep calm

SHARING

อาศัยวิสัยทัศน์ของผู้นำ�ด้านต่างๆ�ทั้งระดับองค์กร

ขนาดใหญ่�ไปจนถึงระดับรากหญ้า�อีกทั้งต้อง�

เตรียมมองหาและรักษาคนเก่ง�เพ่ือพัฒนาประชากร�

ของแต่ละประเทศให้มีศักยภาพที่ดีขึ้น�จงมองอาเซียน

ให้เป็นเรื่องใกล้ตัว�และควรตื่นตระหนักอยู่เสมอ

ความคิดที่ออกมาจากแก่นแท้ของหัวใจ��

ยังถือเป็นต้นทางสำ�คัญของการแก้ไข�

ปัญหาระดับอาเซียน�รวมทั้งควรสลาย�

ความเป็นอคติต่อประเทศร่วมอาเซียน�

เพื่อเข้าสู่การปฏิบัติต่อกันอย่างจริงใจ��

โดยไร้ซึ่งผลประโยชน์

เมื่อการเคลื่อนย้ายตลาดแรงงานเพิ่มมากขึ้น�เราควร

สร้างฐานการแก้ปัญหาที่เข้มแข็งเพื่อสอดรับความพัฒนา�

ไปพร้อมๆ�กับการเดินไปข้างหน้า�แม้กระทั่งเรื่องการ�

ท่องเที่ยวที่อาจเป็นตัวชี้วัดในหลายๆ�ประเทศอาเซียน��

ดังนั้นควรสร้างความเข้าใจเร่ืองของวัฒนธรรมของแต่ละ

ประเทศอาเซียน�ที่ออกมาจากจิตสำ�นึกเป็นลำ�ดับสำ�คัญ

ต่อให้ความคิดดีเพียงไร�คงดีไม่

เทียบเท่ากับการได้ลงมือทำ��เพื่อให้เกิดประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์

เราควรเป็นมนุษย์แบบไหน�ในประชาคมอาเซียน?�คำ�ถาม�

ที่หลายคนอาจต้องตั้งรับก่อนที่ความหลากหลายจะเดิน

ขบวนเข้าแถวอย่างพร้อมเพรียง�การแปลงสภาพประหนึ่ง

เป็นทศกัณฐ์อาเซียน�อาจทำ�ให้เราได้เห็นมุมมอง�และการ

ปฏิบัติที่หลากทัศนะมากขึ้น�เพื่อเป็นการเปิดรับและเรียนรู้

สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำ�คัญระดับอาเซียน

Summary ASEAN

ASEAN

NEWS

CHANEL

BASIC ENGLISH

BASIC ENGLISH

ASEANnews update!

I will tryto do

- do my job- keep calm

SHARING

พร้อมรับฟังอย่างมีสติ�เพราะการฟัง�

ที่ดีคือการสัมผัสที่ลึกมากกว่าการมอง�

เพียงภายนอก�โสตประสาทด้านนี้อาจ�

ช่วยเพิ่มความละเอียดละออ�เพื่อเปิดรับ�

และกลั่นกรองความหลากหลาย

วัฒนธรรมย่อมมีความแตกต่าง แต่การเข้าใจกันอย่างโอบ

อ้อมอารี ถือเป็นสิ่งที่ทุกเชื้อชาติพึงปรารถนา การมุ่งหวังให้

อาเซียนเป็นเช่นไร คงไม่ใช่ภาระของชาติใดชาติหนึ่ง เมื่อแต่ละ

ชาติต่างมีความคิดต่างการปฏิบัติแล้ว การอยู่อย่างไร และการ

ทำ ความเข้าใจอย่างถูกต้อง อาจทำ ให้เราตั้งสติและชวนให้เข้า

ถึงการดำ รงอยู่อย่างแวดล้อมความปราณีมากขึ้นกว่าเดิม

เม่ือคนมีส่วนร่วมในการแต่งองค์ทรงเคร่ืองให้

พร้อมแล้ว�กระทรวง�พม.�ก็มีภารกิจหน่ึงท่ีสำ�คัญ

เพ่ือประชาชน�คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการ

คุ้มครองทางสังคม�โดยการพัฒนาระบบสวัสดิการ

ให้มีประสิทธิภาพและกระจายการให้บริการให้ทั่วถึง�

ส่งเสริมการคุ้มครองทางสังคม�ตลอดจนพัฒนาการ

คุ้มครองสิทธิ�ปกป้องผลประโยชน์�และส่งเสริม

โอกาสความเท่าเทียมของเด็ก�สตรี�และกลุ่มผู้ด้อย

โอกาส�พัฒนาทักษะการประกอบอาชีพสำ�หรับสตรี�

เยาวชนและผู้ด้อยโอกาส�การเข้าถึงแหล่งเงินทุน�

เพื่อการลงทุน�การฝึกอบรมและการตลาด�รวมทั้ง

การสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน

ศักยภาพทางด้านภาษาเป็นสิ่งสำ�คัญที่จะทำ�ให้เรา�

เท่าทัน�และสามารถพัฒนาให้ประชาคมอาเซียนเข้าใจ

กันเป็นอย่างดี�ต้องทำ�ให้ภาษาที่สองเป็นเรื่องปกติ�

และไม่ควรถูกกรอกอยู่ในช่องความสามารถพิเศษ�

เพราะการสื่อสารคือการส่งต่อความเข้าใจ�เพื่อให้

เกิดการแก้ไขปัญ

หาทั้งจากสังคมภายในและภายนอก

ปรับร่างกายให้มีความสามารถอย่างมีประสิทธิภาพ

สม�่าเสมอ�และควรเพิ่มความสามารถของประชากร�

ให้เด่นชัดตามศักยภาพอย่างจริงจัง�โดยเฉพาะความ

สามารถด้านเทคโนโลยี�เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแห่ง�

การเรียนรู้

นิตยสารเพื่อเล่าประสบการณ์อาเซียนของเยาวชนไทย จากโครงการประกวดบทความ

“ชีวิตชีวาอาเซียน Asean Blooms (บุปผาอาเซียน)”