คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

14

Click here to load reader

Upload: wat-thai-washington-dc

Post on 14-Jun-2015

391 views

Category:

Education


0 download

DESCRIPTION

พระธรรมปีใหม่ จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕ ตอนที่ ๑

TRANSCRIPT

Page 1: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕ 1

ยมฺหิสจฺจญฺจธมฺโมจ อหึสาสญฺญโมทโม

เอตทริยาเสวนฺติ เอต�โลเกอนามต�.

สัจจะธรรมะอหิงสาสัญญมะทมะมีอยู่ในผู้ใด

อารยชนย่อมคบหาผู้นั้นนั่นเป็นธรรมอันไม่ตายในโลก

นภญฺจทูเรปฐวีจทูเร

ปาร�สมุทฺทสฺสตทาหุทูเร

ตโตหเวทูรตร�วทนฺติ

สตญฺจธมฺโมอสตญฺจราช.

ดูก่อนราช!เขากล่าวกันว่าฟ้ากับดินไกลกัน

และฝั่งทะเลก็ไกลกันแต่ธรรมของสัตบุรุษ

กับอสัตบุรุษไกลกันยิ่งกว่านั้น

ในสังคมมนุษย์ทุกชาติ ทุกศาสนา ทุกภาษา ทุกเผ่าพันธุ์ มีคนอยู่รวมกันกล่าวโดยสรุปแล้ว มีอยู่สองประเภท คือ คนดีกบัคนชัว่คนบาปกบัคนบญุคนมธีรรมกบัคนไม่มธีรรม ทกุยคุทกุสมยั มคีนอาศยัอยูใ่นสงัคมโลกเพยีง ๒ ประเภทนีเ้ท่านัน้ ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน พูดภาษาอะไร นับถือลัทธิศาสนาอะไร มีความเชื่อถืออะไร ก็มีคนอยู่เพียง ๒ ประเภทเหมือนกันทั้งนั้น ประเทศชาตไิหนมคีนดอีาศยัอยูม่าก ประเทศชาตนิัน้กม็แีต่ความ

คนดีใช้ธรรม คนระย�าใช้กิเลส

Page 2: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕2

ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากความทุกข์และปัญหานานาประการ แต่ในทางตรงข้าม ประเทศชาติไหนมีคนชั่ว คนเลว คนระย�าพ�านักอาศัยอยู่มาก ประเทศชาตินั้น ก็มีแต่ความทุกข์ ความเดือดร้อน ความล�าบากยากจน ผู ้คนเอารัดเอาเปรียบเบยีดเบยีนซึง่กนัและกนั หาวนัสงบสขุมไิด้ โดยประการทัง้ปวง ในหัวข้อที่ตั้งไว้ว่า “คนดีใช้ธรรมคนระย�าใช้กิเลส” นั้น ก็มุ่งหมายเอาบุคคลทั้งสองประเภทนี้เอง ในที่นี้จะขอพูดในประเดน็ “คนระย�าใช้กเิลสก่อน” ขอท�าความเข้าใจกบัท่านผูอ่้านผู้ฟังในค�าว่า “คนระย�า” กันเสียก่อน เดี๋ยวจะเข้าใจกันว่าเป็นค�าหยาบคาย ฟังแล้วระคายหู ไม่สู้จะเป็นมงคล ความจริงค�าว่า “ระย�า” นี้ เป็นค�าไทยแท้ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ กล่าวขานถึงคนชั่วช้าเลวทราม ต�่าช้า กันว่า “คนระย�า” มหิน�าแถมค�าว่า “อปัรย์ี” ต่อท้ายเข้าไปอกีว่า “ระย�าอัปรีย์” ค�านี้ในพจนานุกรมภาษาไทยให้ค�านิยามไว้ว่า “ชั่วช้า ต�่าช้า เลวทราม อัปมงคล” นี่คือความหมายของค�าว่าระย�า ในพจนานุกรมไทย ประเด็นต่อไป ขอพูดถึง “คนระย�าใช้กิเลส” เพื่อให้ท่านศึกษาหาความรู้กันต่อไป คนระย�าคือคนชั่ว คนเลว คนปราศจากศีลธรรม คนประเภทนี้เป็นบุคคลที่ตกเป็นทาสของกิเลสประเภทต่างๆ มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ทิฏฐิมานะ อิจฉาริษยา นินทาว่าร้าย พฤติกรรมที่แสดงออกมาทางกาย ทางวาจา และทางใจ ของบุคคลเหล่านี้ จึงเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกมาด้วยอ�านาจอิทธิพลของกิเลส ด้วย

Page 3: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕ 3

เหตนุี ้ พวกเขาจงึได้สมญานามว่า “คนระย�า” คอืคนชัว่ช้า คนเลวทราม คนอัปมงคล เป็นบุคคลประเภทอันตราย ก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นในสังคมแห่งการอยู่ร่วมกัน มีโทษอันมหันต์ เหลือที่จะพรรณนา พระบรมศาสดาตรัสว่า คนที่ตกเป็นทาสของความโลภ ความโกรธ และความหลงนัน้ เขาย่อมไม่รูอ้รรถ ย่อมไม่เห็นธรรม ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบง�าจิตใจเมื่อไร ความมืดตื้อ ความมืดบอดทางปัญญา ย่อมมีเมื่อนั้น ดังพุทธภาษิตที่สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาจารย์ตรัสไว้ว่า ลุทฺโธอตฺถ�นชานาติ ลุทฺโธธมฺม�นปสฺสติ อนฺธตม�ตทาโหติ ย�โลโภสหเตนร�. คนโลภย่อมไม่รู้อรรถคนโลภย่อมไม่เห็นธรรมความโลภครอบง�านรชนเมื่อไรความมืดตื้อย่อมมีเมื่อนั้น กุทฺโธอตฺถ�นชานาติ กุทฺโธธมฺม�นปสฺสติ อนฺธตม�ตทาโหติ ย�โกโธสหเตนร�. คนโกรธย่อมไม่รูอ้รรถคนโกรธย่อมไม่เหน็ธรรมความโกรธครอบง�านรชนเมื่อไรความมืดตื้อย่อมมีเมื่อนั้น มุฬฺโหอตฺถ�นชานาติมุฬฺโหธมฺม�นปสฺสติ อนฺธตม�ตทาโหติ ย�โมโหสหเตนร�. คนหลงย่อมไม่รู้อรรถคนหลงย่อมไม่เห็นธรรมความหลงครอบง�านรชนเมื่อไรความมืดตื้อย่อมมีเมื่อนั้น กิเลสทั้ง ๓ ประเภทนี้แหละ ที่มันเป็นรากเหง้าเค้ามูลของความชั่วทั้งหลาย บุคคลใดก็ตามที่ถูกกิเลสทั้ง ๓ ประเภทนี้

Page 4: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕4

ครอบง�าจิตใจ เขาก็กลายเป็นคนชั่ว คนเลว คนต�่าช้า (คนระย�า) ทันที ในประเด็นที่ว่า “คนระย�าใช้กิเลส” นั้น ความจริงแล้วกิเลสมันใช้คนระย�า การท�า การพูด การคิดของบุคคลประเภทนี้ ตกอยู่ภายในประกาศิตของกิเลสทั้ง ๓ ประเภทนั้น กเิลสสัง่ให้ท�ากท็�า กเิลสสัง่ให้พดูกพ็ดู กเิลสสัง่ให้คดิกค็ดิ ไม่มีอิสรเสรีเป็นตัวของตัวเองเลย ท�าอะไร พูดอะไร คิดอะไร ก็ตกอยู่ในบังคับบัญชาของกิเลสทั้งนั้น ในสังคมปัจจุบันทุกวันนี้ มีคนระย�าใช้กิเลสระบาดกันทั่วไปในสังคมแห่งการอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นสังคมชาวบ้าน สังคมชาวเมือง เรื่องของคนระย�าใช้กเิลสมจี�านวนปรมิาณมากขึน้อย่างผดิสงัเกต เป็นเหตใุห้สงัคมมนุษย์ทุกชาติ ทุกศาสนา ทุกภาษา ทุกเผ่าพันธุ์ เกิดปัญหาสารพดันานาประการ เพราะการทีม่คีนระย�าใช้กเิลสอาศยัอยูใ่นสังคม ตวัอย่างเช่น ถ้ามคีนระย�าใช้กเิลสประเภทโลภะ ความโลภ โลภะ ความโลภในทีน่ี ้ โปรดเข้าใจกนัให้ด ี อย่าให้ผดิความหมาย เพราะคนทัง้หลายมกัจะเข้าใจกนัว่า คนเราถ้าไม่มคีวามโลภแล้ว จะเป็นคนรวยได้อย่างไร เพราะความโลภช่วยให้คนรวย ความเข้าใจเช่นนีผ้ดิถนดั ความรวยไม่ใช่เกดิจากความโลภ และความโลภก็ไม่ใช่ให้เกิดความรวย ความโลภเป็นปฏิปักษ์กับความรวยต่างหาก มคีวามโลภทีไ่หน ความรวยกห็มดไปจากทีน่ัน้ ความรวยเกิดจากความขยันหมั่นท�าการงานให้เหมาะเจาะเพราะความขยันจึงหาทรัพย์ได้กลายเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีมั่งมีร�า่รวยด้วยมปัีญญาจงึหาทรพัย์ได้ในทางทีช่อบ นีค่อืปัจจยั

Page 5: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕ 5

ให้เกิดความรวยไม่ใช่ความโลภ แต่คือความขยัน หมั่นรักษา คบค้าคนด ี ใช้จ่ายด้วยวธิปีระหยดั จ�ากนัไว้ให้ด ี จะได้เป็นเศรษฐีในวันข้างหน้า อย่าใช้กิเลสคือความโลภกันเลย โลภะ ความโลภนั้น ได้แก่ความอยากได้ในทางทุจริต ผิดศีล ผิดธรรม ผิดกฎหมาย ผิดวัฒนธรรมประเพณี มีความโลภทุกอย่างไม่เลือกทาง ขอให้ได้มาเป็นพอ คอร์รัปชั่นคดโกง ฆ่าเจ้าเอาของ หลอกลวงอ�าพราง ท�าทุกอย่างขอให้ได้มาซึ่งอ�านาจเงิน และอ�านาจรัฐ โดยไม่ค�านึงว่าใครจะเดือดร้อน เพราะการกระท�าของตน คนระย�าใช้กิเลสประเภทความโลภนี้ เขาจะเอารัดเอาเปรียบเหยียบย�่าคนอื่น เพราะความเห็นแก่ตัว เขามองไม่เหน็คนอืน่นอกจากตวัเขาเอง และพรรคพวกของเขาเท่านัน้ นีค่อืลกัษณะของคนระย�าใช้กเิลสประเภทความโลภ ยกมาพอให้เห็นเป็นตัวอย่าง คนระย�าใช้กิเลสประเภท “โทสะ” โทสะความประทุษร้าย คิดท�าลายล้างผลาญ คิดให้คนอื่นถึงความพินาศฉิบหาย วอดวาย ล่มจม นี่คือลักษณะของโทสะ คนที่ถูกโทสะครอบง�าจิตใจกลายเป็นคนระย�า ใจด�าอ�ามหิต โหดร้ายทารุณ คนระย�าประเภทนีก้�าลงัระบาดทัว่ไปในสงัคมปัจจบุนั เทีย่วฆ่าฟันรนัแทง ท�าลายล้างผลาญกันไม่เว้นแต่ละวัน น่าสังเวชสลดใจ นี่แหละพิษสงของคนระย�าใช้กิเลสประเภทโทสะ มันเป็นอันตรายต่อความสงบสุขของสังคมเช่นนี้ คนระย�าใช้กิเลสประเภท “โมหะ” โมหะ แปลว่าความลุ่มหลง ความมัวเมา ความโง่เขลา คือความไม่รู้ตามความเป็น

Page 6: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕6

จริง รู้เหมือนกันแต่ไม่รู้จริง หมายถึงความมืดบอดทางจิตใจ ความมดืมนอนธกาล ขาดความส�านกึผดิถกู ชัว่ด ี นีค่อืลกัษณะของโมหะ ทีเ่ข้าใจกนัของบรรดานกัศกึษาธรรมทัง้หลาย หลายคนเข้าใจว่า โมหะคือความไม่รู้ ไม่รู้อะไรก็จัดเป็นโมหะทั้งนั้น ความเข้าใจเช่นนี้ ไม่ตรงกับลักษณะของโมหะนัก ตามหลักความหมายเดิม ค�าว่า “โมหะ” หมายถึงความส�าคัญผิด ความเห็นผิด ความเข้าใจผิด ความรู้ผิด นี่คือความหมายเดิม ความหมายเช่นนี้ จึงจะตรงกับความเป็นจริง เพราะโมหะนั้นไม่ใช่ว่าไม่รู้ รู้เหมือนกันแต่ดันไปรู้ผิดเข้า ซึ่งเราชาวบ้านเรียกขานกันว่า “เสือกรู้” ที่ว่า “โมหะ” รู้ผิดนั้นคือรู้อย่างไร? ก็คือรู้ผิดจากสภาวธรรมความเป็นจริง เช่น สภาวธรรมทั้งหลายเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทุกขัง ทนอยู่ไม่ได้ ดับไปตลอดเวลา อนัตตา หาตัวตนที่แท้จริงไม่ได้ ไม่อยู่ในอ�านาจบังคับบญัชาของใคร นีค่อืความจรงิของสภาวธรรมทัง้หลาย แต่โมหะกลับไปรู้ผิดคิดว่า เป็นของเที่ยง, มีความสุข, เป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นเขา เป็นของเราเป็นของเขากเ็ลยยุง่กนัใหญ่ เพราะไปรู้ผิดจากความเป็นจริง นี่แหละคือลักษณะของความรู้ผิด ความเห็นผิด ความส�าคัญผิด ความเข้าใจผิด ความรู้ผิด นี่แหละที่เป็นตัวการสร้างปัญหาต่างๆ ในทางสังคมให้เกิดขึ้นแก่คนเรา พระพุทธเจ้าตรัสว่า มุฬฺโหอตฺถ�นชานาติ มุฬฺโหธมฺม�นปสฺสติ อนฺธตม�ตทาโหติ ย�โมโหสหเตนร�.

Page 7: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕ 7

คนหลงผิดย่อมไม่รู้อรรถ คนหลงผิดย่อมไม่เห็นธรรมความหลงผดิครอบง�านรชนเมือ่ไรความมดืมดิย่อมมเีมือ่นัน้ ตามพุทธด�ารัสนี้ชี้ให้เห็นว่า คนที่มีความรู้ผิด ความเห็นผิด ความส�าคัญผิด ความเข้าใจผิดนั้น เป็นคนไม่รู้เหตุ ไม่รู้ผล เป็นคนตกอยู่ในความมืด เต็มไปด้วยภัยอันตรายนานาประการ เป็นคนที่น่าสงสารแถมสมเพช เพราะเหตุแห่งความยึดมั่น ถือมั่นยืนยันในความรู้ผิด หลงผิดของตนอย่างถอนไม่ขึ้น นีแ่หละคอืโมหะ ความหลงผดิ ความรูผ้ดิ ความส�าคญัผดิ ความเข้าใจผิด มันเป็นพิษเป็นภัย ท�าให้คนดีๆ เป็นคนระย�าใช้กิเลส นอกจากคนระย�าจะใช้กเิลสทัง้ ๓ ประเภทนีแ้ล้ว คนระย�าก็ยังถล�าไปใช้กิเลสประเภททิฏฐิมานะ อิจฉาริษยา นินทาว่าร้าย ใช้ความโกรธความเกลียดความชัง ดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้ แล้วก็ยังมีอคติ ล�าเอียงเพราะชอบ ล�าเอียงเพราะชงั ล�าเอยีงเพราะขลาด ล�าเอยีงเพราะเขลา เล่นเอาคนในสงัคมเกดิความระส�า่ระสายวุน่วายกนัไปทกุหย่อมหญ้า คนระย�าใช้กิเลสนี้ถ้ามีอยู่ในคนธรรมดาสามัญชาวบ้านทั่วไป แม้จะเป็นพิษเป็นภัยก็อยู่ในขอบเขตจ�ากัดเท่านั้น ข้อส�าคัญถ้าผู้มีความรบัผดิชอบบรหิารประเทศชาตบ้ิานเมอืง มอี�านาจเงนิอ�านาจรฐั เป็นคนระย�าใช้กิเลสกันแล้ว ก็จะก่อให้เกิดเภทภัยอันตรายต่อสังคมแห่งการอยู ่ร่วมกันอย่างกว้างใหญ่ไพศาล สุดที่จะประมาณได้ ขอให้เราท่านทัง้หลายใช้ความสงัเกตให้ด ี กจ็ะเหน็กันว่า สังคมทุกวันนี้มีคนระย�าใช้กิเลสเพิ่มจ�านวนมากขึ้นตามล�าดับ นับว่าน่าเป็นห่วงกันจริงๆ

Page 8: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕8

ได้พูดมาในประเด็น “คนระย�าใช้กิเลส” พอสมควรแล้ว ต่อไปก็เข้าสู่ประเด็น “คนดีใช้ธรรม” เพื่อเป็นข้อเปรียบเทียบว่า บคุคลทัง้สองประเภทนี ้ ประเภทไหนส่งผลกระทบต่อสงัคมแตกต่างกันอย่างไร ดังนั้นอันดับต่อไปนี้ จะพาท่านทั้งหลายไปศึกษาหาความรู้ในเรื่องของ “คนดีใช้ธรรม” กันต่อไป คนดคีอืคนประเภทไหน? คนดไีด้แก่คนทีม่พีฤตกิรรมทางกาย ทางวาจา และทางใจ ที่แสดงออกมาในทางสุจริต คือกายสุจริต ประพฤติชอบด้วยกาย วจีสุจริต ประพฤติชอบด้วยวาจา มโนสุจริต ประพฤติชอบด้วยใจ กายสุจริต ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม, วจีสุจริต ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดค�าหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ มโนสุจริต ประพฤตชิอบด้วยใจ ไม่คดิโลภอยากได้ของเขา, ไม่คดิพยาบาทปองร้ายเขา, ไม่คดิเหน็ผดิจากท�านองคลองธรรม นีค่อืลกัษณะของคนดี คนดีมีกาย วาจา ใจ อันบริสุทธิ์สะอาด ปราศจากบาปทั้งหลายทั้งปวง คนดีใช้ธรรม ตรงกันข้ามกับคนระย�าใช้กิเลส เพราะคนระย�าจิตใจต�่าเต็มไปด้วยกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทิฏฐิมานะ อิจฉาริษยา นินทาว่าร้าย คนระย�าก็ใช้กิเลสเหล่านี้แหละ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ก็กิเลสเหล่านี้ที่ใช้คนระย�า กิเลสใช้คนระย�าให้โลภ คนระย�าก็โลภ กิเลสใช้คนระย�าให้โกรธ คนระย�าก็โกรธ กิเลสใช้คนระย�าให้หลง คนระย�าก็หลง กิเลสใช้คนระย�าให้อจิฉารษิยา คนระย�ากอ็จิฉารษิยา กเิลสใช้คนระย�าให้นินทาว่าร้าย คนระย�าก็นินทาว่าร้าย รวมความว่า คนระย�า

Page 9: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕ 9

จะท�า จะพูด จะคิด จะประกอบกิจการอะไร ก็ท�า ก็พูด ก็คิด ตามประกาศิตของกิเลสทั้งนั้น ส่วนคนดี มีจิตใจปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ทิฏฐิมานะ อิจฉาริษยา นินทาว่าร้าย คนดีจึงใช้ธรรมคือความดี ความถูกต้อง และความจริง คนดีจะท�าอะไรก็ท�าดี จะพูดอะไรก็พูดดี จะคิดอะไรก็คิดดี คือท�าตามอ�านาจของพระธรรม พดูตามอ�านาจของพระธรรม คดิตามอ�านาจของพระธรรม เรียกว่าพระธรรมให้ท�าจึงท�า พระธรรมให้พูดจึงพูด พระธรรมให้คิดจึงคิด นี่คือความหมายค�าว่า “คนดีใช้ธรรม” คนดีก็คือคนมีธรรม คนประพฤติธรรม คนปฏิบัติธรรม มีธรรมเป็นเรือนใจ มีธรรมเป็นที่อยู่อาศัย เป็น “ธรรมวิหารี” คนดีมีอยู่ในหมูใ่ด คณะใด สงัคมใด ประเทศชาตใิด หมูน่ัน้ คณะนัน้ สงัคมนั้น ประเทศชาตินั้น ก็มีแต่ความสงบสุข ปราศจากทุกข์และปัญหาต่างๆ โดยประการทั้งปวง ขอยกตวัอย่าง คนดใีช้ธรรมในหมวดทีช่ือ่ว่า “พรหมวหิารธรรม๔” คือ ใช้เมตตาธรรม มีความรักใคร่ปรารถนาให้คนอื่น และสัตว์อื่นมีความสุข การอยู่ร่วมกันในสังคมของคนหมู่มาก ถ้าอยากให้คนในสังคมมีความสุข ทุกคนต้องใช้เมตตาธรรม มีความรัก ความเมตตา ปรารถนาให้เพื่อนมนุษย์มีความสุข คนทุกคนต้องมีความรักซึ่งกันและกัน นั่นคือเหตุ คือปัจจัยให้เกิดความสุข ตามหลักที่พระพุทธองค์ตรัสว่า “อพฺยาปชฺฌ� สุข� โลเก” ความไม่เบียดเบียนกันเป็นสุขในโลก โลกมนุษย์จะมีความ

Page 10: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕10

ร่มเย็นเป็นสุข ทุกคนต้องใช้เมตตาธรรมประจ�าใจ จะท�า จะพูด จะคิดอะไร ต้องท�าต้องพูดต้องคิดด้วยเมตตาธรรม นี่คือหลักค�้าประกันให้คนในสังคมมีความสุข ทุกคนต้องใช้เมตตาธรรม จ�ากันไว้ให้ดี ใช้กรุณาธรรม คือความสงสารต้องการช่วยเหลือให้คนอืน่ และสตัว์อืน่พ้นจากความทกุข์ พ้นจากปัญหานานาประการ คนทีม่กีรณุาธรรมประจ�าใจ เมือ่เหน็คนอืน่ตกทกุข์ได้ยากล�าบากโดยประการใดๆ ทนดูอยู่ไม่ได้ ต้องหาอุบายเข้าไปช่วยบรรเทาความทุกข์ ความเดือดร้อนของเขาเหล่านั้นทันทีไม่ดูดาย ใช้อุบายของพระอินทร์เมืองคน คือเห็นคนอื่นสัตว์อื่นเดือดร้อน กร้็อนใจขึน้มาทนัท ี ไม่หนัรหีนัขวางอ้างนัน่อ้างนี ่ รบีวิง่รีเ่ข้าไปช่วยเหลือทันทีทันควัน เพื่อช่วยให้เขาเหล่านั้นพ้นจากความทกุข์ความเดอืดร้อน ตามสตกิ�าลงัความสามารถทีจ่ะช่วยได้ ถ้าทกุคนใช้กรณุาธรรม มคีวามสงสารต้องการช่วยเหลอืคนอืน่ให้พ้นจากความทุกข์เช่นนี้ นี่คือคนดีใช้ธรรม น�ามาพอเป็นตัวอย่าง ใช้มุทิตาธรรม พลอยดีใจในเมื่อเห็นคนอื่นได้ดี ธรรมะข้อนี้มีความส�าคัญมาก ถ้าหากคนเราทุกคนในสังคมมีค่านิยมในการใช้มุทิตาธรรม คือเมื่อเราเห็นคนอื่นท�าดีได้ดี มีความสุข ความเจริญ มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เจริญด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เราก็พลอยดีใจ อนุโมทนาสาธุ ขอให้เขามีความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป นี่คือวิสัยผู้ใช้มุทิตาธรรม ถ้าทุกคนในสังคมพากันนิยมใช้ธรรมะข้อนี้กันให้มากๆ สังคมก็จะมีแต่ความ

Page 11: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕ 11

ร่มเย็นเป็นสุข เพราะทุกคนมีความดีใจ มีความพอใจในความดีของกันและกัน แต่เท่าที่สังเกตเห็นคนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบันทุกวันนี้ คนเรามักจะพากันลืมในการใช้ธรรมข้อ “มุทิตา” เห็นคนอื่นท�าดีได้ดีมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แทนที่จะพลอยดีใจด้วย กลับมีความอิจฉาริษยาในความดีของคนอื่น เห็นคนอื่นได้ดีแล้วทนอยู่ไม่ได้ หรือมีใครพูดถึงความดีของคนอื่นโดยเป็นคนที่ตนเองไม่ชอบแล้ว มันทนฟังไม่ได้ เหมือนเอาของแหลมมาทิ่มแทงหัวใจ ทนฟังไม่ได้ ส่ายหน้า สั่นหัว ดูเอาเถอะ! พวกอจิฉาตาไฟ สร้างความเสนยีดจญัไรให้แก่ตวัเองแท้ๆ...อนิจจา! คนเอ๋ยคน หันมาใส่ใจทางนี้กันหน่อยดีไหม จิตใจจะได้เบาสบาย หันมาใช้มุทิตาธรรม พลอยดีใจ ชื่นใจ ในเมื่อเห็นคนอื่นเขาท�าดีแล้วได้ดี เท่านี้ก็หมดเรื่องจะไปเปลืองตัวกับความอิจฉาริษยาท�าไมกันเล่า มันเผาไหม้จิตใจของเราให้ไหม้เกรียมเปล่าๆ แล้วก็เศร้าใจเสียใจตลอดชีวิต พิชิตความอิจฉาริษยาด้วยการใช้มุทิตาธรรมกันเถิดท่านที่รักทั้งหลาย จิตใจของเราจะได้เบาสบาย ไร้ปัญหาโดยประการทั้งปวง ใช้อุเบกขาธรรม อุเบกขาวางใจให้เป็นกลาง ไม่เข้าข้างอคต ิ ล�าเอยีงเพราะชอบ ล�าเอยีงเพราะชงั ล�าเอยีงเพราะขลาด ล�าเอียงเพราะเขลา เอาใจตั้งไว้ตรงกลาง ทุกอย่างก็จะมีความเป็นธรรม ความยุติธรรม ความเสมอภาค ถ้าหากต้องการให้เกิดความยุติธรรมในสังคม ก็ต้องใช้อุเบกขาธรรม เพราะอุเบกขานั่นแหละ คือความเป็นธรรม ความยุติธรรม จึงขอฝากท่านทั้งหลายให้พากันใช้อุเบกขาธรรมกันเถิด จะเกิดสิริ

Page 12: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕12

มงคลส่งผลให้คนในสังคมมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากทุกข์นานัปการ แต่เหตุการณ์ในสังคมทุกวันนี้ สังเกตให้ดีหาคนอยู่ตรงๆ ไม่ค่อยจะได้ มีแต่พวกเอียงซ้าย เอียงขวา เอียงหน้า เอียงหลัง บางคนล�าเอียงเพราะชอบ (ฉันทาคติ) ลงได้ชอบใครแล้วมันจะชั่วเลวอย่างไรก็ชอบใจ พอใจอยู่นั่นแหละ แต่บางคนก็เอียงเพราะชัง (โทสาคติ) ลงได้ชังแล้ว จะท�าดีท�าชอบอย่างไร ก็ไม่ยอมรับ ยังเกลียด ยังชังอยู่นั่นแหละ ด้วยเหตทุีค่นเรามอีคต ิ ไม่ใช้อเุบกขาธรรมนีเ้องแหละ สงัคมมนษุย์จึงเต็มไปด้วยความสับสนวุ ่นวาย กลายเป็นสังคมคนป่า หาความสงบสุขมิได้ คนดีใช้ธรรม คนระย�าใช้กิเลส บุคคลทั้งสองประเภทนี้ มผีลกระทบต่อสงัคมแห่งการอยูร่่วมกนั ไม่เสมอกนั ไม่เหมอืนกนั แตกต่างกนั คนดใีช้ธรรม ท�าให้สงัคมมคีวามร่มเยน็เป็นสขุ เพราะคนในสังคมมีความรัก ความสามัคคี ไม่มีการเอารัดเอาเปรยีบเหยยีบย�า่ท�าลายกนั อยูก่นัฉนัมติรมนี�า้จติเอือ้เฟ้ือเกือ้กลูกัน เพราะต่างคนต่างก็ใช้ธรรมะ ในชีวิตประจ�าวัน จะท�าอะไร จะพูดอะไร จะคิดอะไรก็ใช้ธรรมน�าหน้า ใช้ปัญญาเป็นเครื่องน�าทาง ต่างคนต่างกม็หีริ ิความละอายต่อความชัว่ มโีอตตปัปะ กลัวต่อผลของบาปกรรม ดังนั้น ผลกระทบซึ่งเกิดจากพฤติกรรมของคนดีใช้ธรรม จึงมีแต่ความสงบสุขทุกประการ ส่วนในด้านคนระย�าใช้กเิลสนัน้ เป็นเหตทุ�าให้สงัคมจมอยู่ในปลักแห่งความทุกข์ ความเดือดร้อน ส่งผลสะท้อนต่อสังคมในทางลบ ท�าให้คนในสังคมประสบกับปัญหานานาประการ

Page 13: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕ 13

เพราะสันดานของคนระย�านั้น สร้างแต่บาปท�าแต่อกุศล จึงส่งผลให้ได้รบัความทกุข์ในปัจจบุนัทนัตาเหน็ เพือ่เป็นหลกัประกนัให้เกดิความสงบสขุ และความปลอดภยัในชวีติ ขอสะกดิให้ท่านทัง้หลายใช้ธรรมกนัเถดิ จะเกดิสริมิงคลส่งผลให้มแีต่ความสงบสุขทุกประการ พวกคนดี ใช้ธรรม ประจ�าจิต น�าชีวิต สู่ความสุข ทุกสมัย คนใช้ธรรม น�าชีวิต ศิวิไลซ์ อยู่ที่ไหน ก็ปลอดภัย ทุกประการ เมื่อคนดี ใช้ธรรม ประจ�าอยู่ ในสังคม ทุกหมู่ คู่ประสาน ก็ท�าให้ ทุกคน สุขส�าราญ ใจเบิกบาน เพราะใช้ธรรม น�าวิญญาณ เมื่อทุกคน ใช้ธรรม น�าชีวิต ก็พิชิต ปัญหา นานัปการ ครองชีวิต สงบสุข ทุกประการ ธรรมบันดาล สงบเย็น เป็นนิรันดร์ ด้วยเหตุนี้ ปราชญ์เมธี จึงเตือนตัก ให้ทุกคน รู้จัก ใช้ธรรมกัน เมื่อทุกคน ใช้ธรรม ประจ�าวัน ความสุขสันต์ ก็เกิดมี ทุกวี่วัน

Page 14: คนดีใช้ธรรม คนระยำใช้กิเลส

พรธรรมปีใหม่...จากวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ปี ๒๕๕๕14

คนระย�า ใช้กิเลส พระท่านเทศน์ ก็เป็นเหตุ ให้เกิดทุกข์ ไม่สุขสันต์ เกิดปัญหา นานา สารพัน ทุกข์ด้วยกัน ทั่วไป ในสังคม คนระย�า ใช้กิเลส เศษมนุษย์ เลวที่สุด ทุกอย่าง ทางสังคม อยู่ที่ไหน ไปที่ไหน ให้ล่มจม ท�าสังคม ให้เดือดร้อน ทุกตอนไป ด้วยเหตุนี้ ขอคนดี จงหมายมั่น พร้อมใจกัน ใช้ธรรม ประจ�าใจ จะประสบ ความสุข ทุกเมื่อไป อยู่ที่ไหน เหมือนสวรรค์ ชั้นวิมาน ฯ