บทที่ 2
DESCRIPTION
plantTRANSCRIPT
![Page 1: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/1.jpg)
บทท�� 2งานวิจั�ยท��เกี่��ยวิข้�อง
2.1 ควิามเป็�นมาสม�นไพร
สมุ�นไพร ตามุความุหมุายในพจนาน�กรมุฉบั�บัราชบั�ณฑิ�ตยสถาน หมุายถ�ง พ�ชที่��ใช ที่!าเป็$นเคร��องยา ซึ่��งหาได้ ตามุพ�(นเมุ�องมุ�ใช)เคร��องเที่ศ แต)ในความุหมุายของต!าร�บัยาไที่ยจะ หมุายถ�ง ยาที่��ได้ จาก พ�ชว�ตถ� ส�ตว.ว�ตถ� และธาต�ว�ตถ� ที่��ใช เป็$นเคร��องยา ในต!าร�บัยาแผนไที่ยต)างๆ ซึ่��งรวมุถ�งเคร��องยาที่��มุาจากพ�ช ส�ตว. แร)ธาต�ที่��มุ�ถ��นก!าเน�ด้ในป็ระเที่ศไที่ย และเคร��องยาที่��มุาจากต)างป็ระเที่ศซึ่��งมุ�อย3)หลายชน�ด้และมุ�การน!ามุาใช ป็ร�งยาแผนไที่ยก�นมุาเป็$นเวลานาน 1
จากหล�กฐานที่างแพที่ย.ของไที่ย พบัว)าพ�ชที่�กชน�ด้สามุารถใช เป็$นยาได้ และส)วนต)างๆ ของพ�ชชน�ด้หน��งๆ อ�นได้ แก) ราก แก)น เหง า ล!าต น เป็ล�อก ใบั ด้อก ผล และเมุล5ด้ อาจมุ�สารที่��ใช เป็$นยาเหมุ�อนก�นหร�อต)างก�นได้ ด้�งน�(นพ�ชบัางชน�ด้จะใช ได้ เฉพาะแก)น บัางชน�ด้ใช เฉพาะเป็ล�อก บัางชน�ด้ใช ที่�(งต นในการน!าสมุ�นไพรมุาป็ร�งเป็$นยาร�กษา ส)วนใหญ่)จะใช สมุ�นไพรแห ง แต)มุ�หลายชน�ด้ที่��ใช แก)นฝางใช ที่�(งสด้และแห ง บัางคร�(งใช สมุ�นไพรสด้จะได้ ผลด้�กว)า ส!าหร�บัสมุ�นไพรสด้สามุารถจ!าแนกให ถ3กต นได้ ง)ายกว)าสมุ�นไพรแห ง มุ�กจะถ3กแป็รสภาพเป็$นที่)อนเล5ก หร�อห�กเป็$นช�(น ย��งบัด้เป็$นผงละเอ�ยด้แล ว จ!าที่!าให จ!าแนกชน�ด้ของสมุ�นไพรด้ วยตาเป็ล)ายากข�(นไป็อ�ก และจ!าแนกชน�ด้ของสมุ�นไพร มุ�จ!าเป็$นอย)างย��ง ที่�(งในแง)ที่��น!ามุาใช ร�กโรคและการศ�กษาว�จ�ย การจ!าแนกล�กษณะของสมุ�นไพรสด้และสมุ�นไพรแห ง สามุารถศ�กษาได้ จากต�วอย)างจร�งที่��ได้ จากร านจ!าหน)ายสมุ�นไพร ร านเวชพงศ.โอสถ
4
![Page 2: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/2.jpg)
และ ร านเจ ากรมุเป็;อ และ จากหน�งส�อกายว�ภาคและจ�ลที่รรศน.ล�กษณะของสมุ�นไพรต)างๆ จากหน)วยงานที่��เก��ยวข องหร�อจากภาพที่��ป็รากฏในหน�งส�อสมุ�นไพรต)างๆ แต)ส!าหร�บัสมุ�นไพรแห ง ผงสมุ�นไพรอาจมุ�ล�กษณะภายนอก ส� และกล��นคล�งก�น จนที่!าให จ!าแนกชน�ด้ด้ วยตาเป็ล)าได้ ยาก จ�งจ!าเป็$นต องน!ามุาพ�ส3จน.เอกล�กษณ.ด้ วยจ�ลที่รรศน.ล�กษณะต)างๆ
การพ�ส3จน.เอกล�กษณ.ของสมุ�นไพร ค�อการน!าสมุ�นไพรมุาใช เป็$นว�ตถ�ด้�บัในการผล�ตยาจ!าเป็$นต องมุ�การพ�ส3จน.เอกล�กษณ.ของว�ตถ�ด้�บัด้�งกล)าวที่��ได้ มุา เน��องจากในธรรมุชาต�มุ�สมุ�นไพรมุากมุายหลากหลายชน�ด้ที่��มุ�ล�กษณะคล ายคล�งก�น การพ�ส3จน.เอกล�กษณ.จะเป็$นเคร��องย�นย�นถ�งชน�ด้พ�นธ�.สมุ�นไพรที่��น!ามุาใช เป็$นว�ตถ�ด้�บัน�(นว)าถ3กต อง และมุ�สารส!าค�ญ่ในป็ร�มุาณเพ�ยงพอต)อการน!ามุาผล�ตเป็$นยา การพ�ส3จน.เอกล�กษณ.ของสมุ�นไพรที่��น�ยมุกระที่!าในป็=จจ�บั�นค�อ การศ�กษาล�กษณะของพ�ชอย)างละเอ�ยด้ในระด้�บัเซึ่ลล.และเน�(อเย��อโด้ยอาศ�ยกล องจ�ลที่รรศน. ซึ่��งนอกจากป็ระโยชน.การพ�ส3จน.เอกล�กษณ.แล วน�(น ย�งมุ�ป็ระโยชน.ในการตรวจหาส��งป็ลอมุป็นได้ อ�กด้ วย นอกจากน�(ย�งใช ว�ธ�การพ�ส3จน.เอกล�กษณ.โด้ยใช เที่คน�คที่างโมุเลก�ล (Molecular Identification) ซึ่��งมุ�กใช เมุ��อสมุ�นไพรมุ�ล�กษณะคล ายคล�งก�นมุาก ยากต)อการตรวจสอบัแมุ ว�ธ�การใช กล องจ�ลที่รรศน. โด้ยอาศ�ยหล�กการของเคร��องหมุายที่างพ�นธ�กรรมุ (Genetic Marker) โด้ยน!าเคร��องหมุายด้�งกล)าวมุาป็ระย�กต.โด้ยใช ลายพ�มุพ.ด้�เอ5นเอ (DNA fingerprinting)
2.2 เซลล�และเน!"อเย!�อข้องพ!ช
5
![Page 3: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/3.jpg)
ส�งม�ช�วิต ป็ระกอบัด้ วยเซึ่ลล.เป็$นจ!านวนมุาก เซึ่ลล.แต)ละชน�ด้มุ�ร3ป็ร)างล�กษณะและขนาด้ต)างๆก�น ที่!าหน าที่��เฉพาะหร�อร)วมุก�นที่!าหน าที่��อย)างใด้อย)างหน��ง
เซลล�ข้องพ!ชป็ระกี่อบด้�วิยส&วินส'าค�ญสามส&วิน ได้�แกี่&1.ผน�งเซึ่ลล. หร�อ Cell wall เป็$นพ�(นผ�วด้ านนอก2. หน)วยป็ฏ�บั�ต�การ หร�อ protoplast เป็$นส)วนเด้�ยวที่��มุ�ช�ว�ต 3.อาหารที่��สะสมุไว และผล�ตผลจากการที่!างาน หร�อ ergastic
substances
ร)ป็ท�� 1 โครงสร�างข้องเซลล�(ที่��มุา http//home.hiroshima-u.ac.jp/er/ES_p.html)
ผน�งเซลล� หร�อ Cell wall ป็ระกอบัด้ วย1. Middle lamella เป็$นช�(นนอกส�ด้คล�มุเซึ่ลล.ไว เป็$นช�(นบัาง
ของสารเหน�ยว หร�อ เพคต�น2. ผน�งป็ฐมุภ3มุ� (Primary wall ) เป็$นผน�งช�(นที่��สอง เป็$นช�(น
บัางอย3)ใต middle lamella พบัว)าป็ระกอบัด้ วยสาร
6
![Page 4: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/4.jpg)
เซึ่ลล3โลส( cellulose) เป็$นส)วนใหญ่) มุ�ค�ณสมุบั�ต�ที่��น!(าซึ่�มุผ)านได้
3. ผน�งที่�ต�ภ3มุ� (Secondary wall) เป็$นผน�งที่��พ�ชสร างเพ��มุข�(นเพ��อค!(าจ�น จะต�ด้ก�บัผน�งป็ฐมุภ3มุ� เร�ยกว)าผน�งที่�ต�ยภ3มุ� ซึ่��งเป็$นสารช��อ ล�กน�น (lignin)มุ�ค�ณสมุบั�ต�ที่��ซึ่�มุผ)านไมุ)ได้
ร)ป็ท�� 2 ผน�งข้องเซลล�(ที่��มุา thaigoodview.com/fileslu39323/ddd.jpg)
เน!"อเย!"อข้องพ!ชชนด้ต&างๆเน�(อเย��อ (Tissue) ในพ�ชแบั)งได้ เป็$น 2 ชน�ด้ ค�อเน�(อเย��อเจร�ญ่
(meristematic tissues) และเน�(อเย��อถาวร (permanent tissues) เน!"อเย!�อเจัรญ (meristematic tissues)
เน�(อเย��อเจร�ญ่ของพ�ชที่��เก�ด้ใหมุ)แบั)งตามุต!าแหน)งที่��พบั ค�อ จะอย3)ที่��ป็ลายรากและยอด้ต น เร�ยกว)า apical meristem และที่��บัร�เวณด้ านข างเร�ยกว)า lateral meristem ได้ แก) vascular
cambium ซึ่��งเก�ด้ข�(นในระบับัล!าเล�ยงอาหารและน!(า ก�บั cork
cambium ซึ่��งเป็$นเน�(อเย��อเจร�ญ่ที่��ที่!าให เก�ด้การเจร�ญ่ที่�ต�ยภ3มุ� ขยายด้ านกว าง
7
![Page 5: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/5.jpg)
เน�(อเย��อเจร�ญ่ ป็ฐมุภ3มุ� Primary meristem ป็ระกอบัด้ วยช�(นต)างๆ 3 ช�(น ได้ แก) Protoderm procambium และ group
meristem เมุ��อเน�(อเย��อบัร�เวณเหล)าน�(เจร�ญ่เต�บัโตข�(น จะกลายเป็$นเน�(อเย��อถาวร ค�อ epidermis vascular tissue และ group
tissue ตามุล!าด้�บัเน!"อเย!�อถาวิร (Permanent tissues)
เน�(อเย��อถาวรแยกได้ เป็$น 2 ชน�ด้1. Simple permanent tissues เป็$นกล�)มุเซึ่ลล.ที่��มุ�ร3ป็ร)าง
และล�กษณะการที่!างานง)ายและไมุ)ซึ่�บัซึ่ อน เช)น epidermis,
palenchyma, collenchymas, sclerenchyma
2. Complex permanent tissues เป็$นกล�)มุเน�(อเย��อซึ่��งป็ระกอบัด้ วยเซึ่ลล.ที่��มุ�ร3ป็ร)างและล�กษณะการที่!างานแตกต)างก�น ได้ แก) Xylem, Phloem
Epidermis
เป็$นเน�(อเย��อที่��พบัที่��พ�(นผ�วของที่�กส)วนของพ�ช โด้ยเฉพาะพ�ชที่��ย�งอย3)ในการเจร�ญ่ระยะป็ฐมุภ3มุ�
1. ที่!าหน าที่��ป็>องก�นอว�ยวะภายใน จากการกระที่บักระแที่ก ป็>องก�นไมุ)ให น!(าซึ่�มุผ)านเข าออก เซึ่ลล.
2. มุ�ความุหนาของเชลล.เล5กน อย ภายในมุ�ผน�งหนา 3 ด้ าน ยกเว นด้ านในมุ� vacuole ใหญ่) cytoplasm น อย มุ�กเร�ยงต�วเป็$นช�(นเด้�ยวเร�ยงช�ด้ก�นสน�ที่ไมุ)มุ�ช)องว)างระหว)างเซึ่ลล.
3. ด้ านนอกอาจมุ� cutin เคล�อบัเพ��อป็>องก�นน!(าหร�อความุช�(นซึ่�มุผ)าน
8
![Page 6: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/6.jpg)
4. Epidermis บัางต!าแหน)งเป็ล��ยนไป็เป็$นป็ากใบั (gland
cell) เพ��อควบัค�มุความุช�(นและแรงด้�นภายในเซึ่ลล.5. Epidermis บัางต!าแหน)งเป็ล��ยนไป็ขนต)อมุ เพ��อป็กคล�มุ
ผ�วป็>องก�นการกระที่บักระแที่กหร�อเส�ยด้ส�จากภายนอก
ร)ป็ท�� 3 ภาคต�ด้ข้วิางและพ!"นผวิข้อง epidermis
(ที่��มุา www.nanabio.com)
Multiple Epidermises ในพ�ชบัางชน�ด้พบั epidermis หลายช�(น ล�กษณะน�(ส)วนใหญ่)
พบัในราก เช)น รากอากาศกล วยไมุ ยางอ�นเด้�ยป็ากี่ใบ stomata
ป็ากใบั หร�อ stomata เป็$นร3เป็?ด้ที่��มุ�เซึ่ลล.ป็ากใบั (guard
cells) ควบัค�มุอย3) บัร�เวณที่��น�บัรวมุป็ากใบัและ guard cells เร�ยกว)า stomata
เซึ่ลล. epidermis ที่��ล อมุรอบั stomata อาจมุ�ร3ป็ร)างเหมุ�อนหร�อแตกต)างจากบัร�เวณอ��น เซึ่ลล.ล อมุรอบัที่��แตกต)างเร�ยกว)า neighboring cell หร�อ subsidiary cells พบัว)าการเร�ยงต�วของเซึ่ลล.ที่��ล อมุรอบั guard cells มุ�ล�กษณะแตกต)างก�นไป็ เป็$นร3ป็แบับัต)างๆด้�งน�( anomocytic ไมุ)มุ�ความุแตกต)างในการเร�ยงต�วระหว)าง epidermis neighboring cell
9
![Page 7: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/7.jpg)
anomocytic รอบัป็ากใบัมุ� neighboring cell 3 เซึ่ลล. มุ�เซึ่ลล.หน��งมุ�ขนาด้เล5กกว)าเซึ่ลล.อ��น รอบัป็ากใบัมุ� neighboring cell 2 เซึ่ลล. เร�ยงต�วขนานก�บั guard cell
Diacytic รอบัป็ากใบัมุ� neighboring cell 2 เซึ่ลล. เร�ยงต�วต�(งฉากก�บั guard cell
Tatracytic รอบัป็ากใบัมุ� neighboring cell 4 เซึ่ลล. Actinocyttic neighboring cell เร�ยงต�วตามุแนวร�ศมุ�
ร)ป็ท�� 4 ชนด้ข้องป็ากี่ใบ: (A) paracytic, (B) anisocytic
และ (C) tetracytic
(ที่��มุา www.image.botany.org , www.farm7.staticflickr.com และ www-plb.ucdavis.edu)
Trichomes Non-glandular trichomes เป็$นขนชน�ด้ไมุ)มุ�ต)อมุ ขนอาจ
เป็$นเซึ่ลล.เด้�ยว เร�ยกว)า unicellular trichome หร�ออาจมุ�หลายเซึ่ลล. เร�ยกว)า multicellular trichome ซึ่��งอาจเร�ยงต�วเป็$นแถวเด้�ยวยาวกว)า unicellular, multicellular trichome หร�อเร�ยงต�วหลายแถว เร�ยกว)า multiseriate multicellular
trichome Glandular trichomes เป็$นขนชน�ด้มุ�ต)อมุ
10
A B C
![Page 8: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/8.jpg)
ร)ป็ท�� 5
(ที่��มุา: http://bp2012.infostar.com.cn/Bp2012.aspx?
a=query&title=%22Lemon+Verbena+Leaf%22&tab=a-z+index&l=L&xh=1)
Parenchymaเป็$นเซึ่ลล.ที่��พบัในเน�(อเย��อพ�(นที่��วไป็ ผน�งบัาง ร3ป็หลายเหล��ยมุ
ที่รงกลมุ หร�อ ที่รงกระบัอก มุ�ช)องว)างระหว)างเซึ่ลล.เร�ยกว)า Intercellular space เซึ่ลล. parenchyma พบัได้ ที่��ช� (น cortex ในรากและล!าต น และส)วนที่��อ)อนน�)มุของพ�ชที่�กส)วนเช)น ใบั ด้อก นอกจากป็ระกอบัเป็$นเน�(อเย��อ
11
![Page 9: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/9.jpg)
แบับั simple permanent tissue แล ว ย�งพบัเป็$นส)วนป็ระกอบัใน เน�(อเย��อ ป็ระเภที่ complex permanent tissue ได้ แก) xylem และ phloem อ�กด้ วย
ร)ป็ท�� 6 ต�วิอย&างเซลล� parenchyma
ที่��มุา www.nana.bio.com
ParenchymaParenchyma แบบพเศษ
- Aerenchyma- Chlorenchyma
Palisade and spongy cells
Parenchyma แบบพเศษ Parenchyma อาจเป็ล��ยนร3ป็ร)าง เพ��อไป็ที่!าหน าที่��พ�เศษ
นอกจากเป็$นเน�(อเย��อพ�(น เช)น เป็ล��ยนเป็$น chlorenchyma,
aerenchyma เป็$นต นAerenchyma
เป็$น parenchyma ชน�ด้พ�เศษ มุ�กพบัในพ�ชน!(า เซึ่ลล.มุ�ผน�งหนา และมุ�ช)องว)างกว)างกว)าป็กต� ด้ วยช)องว)างจ!านวนมุากน�(ที่!าให เก5บัอากาศไว ภายใน กลายเป็$นที่�)นลอยน!(าได้
12
![Page 10: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/10.jpg)
ร)ป็ท�� 7 ล�กี่ษณะ Parenchyma ชนด้พเศษ Aerenchyma
ที่��มุา : http://student.nu.ac.th/cherrycoke/lesson6.htm
Chlorenchymaเป็$น Parenchyma ที่��มุ� chloroplasts อย3)ภายใน เพ��อ
ส�งเคราะห.แสง พบัได้ ในช�(น cortex ของล!าต นบัางชน�ด้
ร)ป็ท�� 8 ล�กี่ษณะ Parenchyma ชนด้พเศษ Chlorenchyma
ที่��มุา : http://student.nu.ac.th/cherrycoke/lesson6.htm
Palisade and spongy cellsเป็$น Parenchyma ที่��เป็ล��ยนร3ป็ร)างและล�กษณะ พบัในใบั โด้ย
ช�(น palisade มุ� chloroplast อย3)ภายใน เพ��อส�งเคราะห.แสง และช�(น sponge มุ�การเร�ยงต�วก�นอย)างหลวมุ เพ��อให เก�ด้การถ)ายเที่
13
![Page 11: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/11.jpg)
และแลกเป็ล��ยนอากาศและความุช�(นก�บัภายนอก เน��องจากใบัจ!าเป็$นต องด้3ด้และคายก@าซึ่ เพ��อใช ในการส�งเคราะห.แสงและหายใจ
Collenchyma เป็$นเซึ่ลล.ที่��มุ�ผน�งป็ฐมุภ3มุ�ที่��ความุหนาของผน�งไมุ)เร�ยบั
สมุ!�าเสมุอ บัางชน�ด้อาจหนาตรงมุ�มุ (Angular collenchyma) บัางชน�ด้อาจหนาบัร�เวณด้ านข าง (lamella collenchyma) จ�ด้เป็$นเซึ่ลล.ที่��ร �บัแรงย�ด้หย�)นได้ มุาก จ�งมุ�กพบัในอว�ยวะส)วนที่��ย��นออกมุา เช)นล!าต นที่��เป็$นมุ�มุ มุ�กพบับัร�เวณมุ�มุหร�อเส นกลางใบัที่��โค งน3นออกมุา ต!าแหน)งที่��พบัจะเป็$นช�(นที่��อย3)ใต ช�(น epidermis
ร)ป็ท�� 9 ต�วิอย&างเซลล� Collenchyma
ที่��มุา : http://student.nu.ac.th/cherrycoke/lesson6.htm
14
![Page 12: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/12.jpg)
ร)ป็ท�� 10 Collenchyma ซ�าย lamella collenchyma -
ข้วิา angular collenchyma
ที่��มุา : http://student.nu.ac.th/cherrycoke/lesson6.htm
Sclerenchyma
เป็$นเซึ่ลล.ที่��มุ�ผน�งแบับัที่�ต�ยภ3มุ� ผน�งหนา มุ� lignin เป็$ฯองค.ป็ระกอบั ที่!าให เซึ่ลล.แข5งแรง ที่��ผน�ง มุ�ช)องที่างให น!(าผ)านเข าออกในเซึ่ลล. เร�ยกว)า pore cannal ซึ่��งมุ�การพอก แบับัร3ช�(นเด้�ยวเร�ยกว)า simple pit sclerenchyma แบับัตามุร3ป็ร)าง เป็$น 2 กล�)มุค�อ sclereid และ fiber
Sclereid
เป็$นเซึ่ลล. sclerenchyma ที่��มุ�กมุ�ด้ านกว าง ยาว และหนา ใกล เค�ยงก�น ผน�งหนา อาจมุ�ร3ป็ร)างต)างๆก�น เร�ยกช��อตามุร3ป็ร)าง เช)น stone cell, brachysclereid, macrosclereids,
astrosclereid, osteosclereid, trichosclereid
ร)ป็ท�� 11 ต�วิอย&างเซลล� sclereid
ที่��มุา www.nana.bio.com
Fiber
15
![Page 13: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/13.jpg)
มุ�ร3ป็ร)างยาว ห�วที่ ายแหลมุ ส)วนใหญ่)มุ�ผน�งที่�ต�ยภ3มุ� มุ�กอย3)รวมุก�นเป็$นกล�)มุ
Complex permanent tissues หร!อ Vascular
tissues
เป็$นเน�(อเย��อที่��ป็ระกอบัด้ วย เซึ่ลล.ต)างชน�ด้ มุ�ร3ป็ร)างและการที่!างานแตกต)างก�น เช)น Xylem, phloem
Xylem
เป็$นระบับัเน�(อเย��อน!าน!(า ที่!าหน าที่��ล!าเล�ยงน!(าและสารละลายในน!(าได้ แก) แร)ธาต�จากด้�นข�(นหล)อเล�(ยงต นพ�ช นอกจากน�(ย�งที่!าหน าที่��อ��น ด้ วยได้ แก) สะสมุอาหารและเป็$นโครงค!(าย�นล!าต นพ�ชไว (Supporting tissue) ป็ระกอบัด้ วยเซึ่ลล.ที่��แตกต)างก�นด้�งน�(
1.เซึ่ลล.ที่��ที่!าหน าที่��ล!าเล�ยงได้ แก) vessel
Vessel จะที่�(งผน�งป็ฐมุภ3มุ�และ ที่�ต�ยภ3มุ� ผน�งที่�ต�ยภ3มุ�ที่��เพ��มุความุแข5งแรง อาจจะเป็$นแบับัเป็$นวงกลมุ (annular
thickening) แบับัเกล�ยว (spiral thickening) แบับัร)างแห (reticulate thickening) และเป็$นร3 (border-pitted
thickening)
16
![Page 14: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/14.jpg)
ร)ป็ท�� 12 vessel ชนด้ต&างๆที่��มุา :
http://student.nu.ac.th/cherrycoke/lesson6.htm
2. เซึ่ลล.ที่��ที่!าหน าที่��เป็$นเซึ่ลล.พ�(นและสะสมุอาหาร ได้ แก) parenchyma
3.เซึ่ลล.ที่��ที่!าหน าค!(าย�นให ความุแข5งแรงได้ แก) fiber และ sclereid ส)วนใหญ่)พบั fiber ซึ่��งพอกด้ วยล�กน�น เน��องจากเป็$นการด้ามุเซึ่ลล.ที่)อล!าเล�ยง เพ��อความุแข5งแรง
Phloem
เป็$นระบับัเน�(อเย��อน!าอาหาร ซึ่��งล!าเล�ยงอาหารที่��พ�ชส�งเคราะห.ข�(นที่��ใบัไป็ย�งส)วนอ��นๆ อย3)ด้ านนอกต�ด้ก�บัช�(น cortex ป็ระกอบัด้ วยเซึ่ลล.ที่��แตกต)างก�นด้�งน�(
1. Sieve elements ที่!าหน าที่��ล!าเล�ยง ป็ระกอบัด้ วย sieve
cell และ sieve tube ซึ่��งจะมุ�เซึ่ลล.ที่��มุ�ล�กษณะเป็$นร3ป็ที่รงกระบัอกเล5กแต)ยาว เร�ยกว)า companion cell ป็ระกบัอย3)ด้ วยเสมุอ
2. Sclerenchyma cells เป็$นเซึ่ลล.พ�(นที่��เพ��มุความุแข5งแรง และบัางคร�(งที่!าหน าที่��สะสมุอาหาร ป็ระกอบัด้ วย fiber sclereid
3. parenchyma เป็$นเซึ่ลล.พ�(นและสะสมุอาหาร
17
![Page 15: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/15.jpg)
ร)ป็ท�� 13 phloem ภาคต�ด้ตามยาวิที่��มุา :
http://student.nu.ac.th/cherrycoke/lesson6.htm
Peridermเป็$นเน�(อเย��อที่��ที่!าหน าที่��ป็>องก�นเน�(อเย��อภายใน โด้ยเก�ด้ข�(นแที่น
epidermis พบัในรากและล!าต น ที่��มุ�อาย�มุาก ๆ ของพ�ชใบัเล�(ยงค3) และพวกจ�มุโนสเป็?ร.มุ ในพ�ชใบัเล�(ยงเด้��ยวพบัน อย เช)น ต นหมุากผ3 หมุากเมุ�ย ส)วนพ�ชช�(นต!�าอาจจะมุ� epidermis ผน�งหนาและมุ�สารซึ่3เบัอร�นมุาฉาบัเพ��อที่!าหน าที่��แที่นPeriderm ป็ระกอบัด้ วยเน�(อเย��อ 3 ชน�ด้ ได้ แก) - cork (phellem) เป็$นเซึ่ลล.ขนาด้เล5กผน�งบัางเร�ยงก�นหลายช�(น ตรงก�นเหมุ�อนป็?� นโต ผน�งเคล�อบัด้ วย suberin เพ��อก�นไมุ)ให น!(าและความุช�(นซึ่�มุผ)าน - cork cambium (phellogen) เป็$นเซึ่ลล.ขนาด้เล5กผน�งบัาง มุ� 2-3 ช�(น เป็$นเซึ่ลล.ที่��ย�งมุ�ช�ว�ตแบั)งต�วเป็$น 2 ช�(น
18
![Page 16: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/16.jpg)
- phelloderm เป็$นเซึ่ลล.ผน�งบัางหลายช�(น อย3)ด้ านในต�ด้ก�บั cortex ร3ป็ร)างค)อนข างกลมุ คล าย palenchyma ของ cortex แต)มุ�ขนาด้เล5กกว)า 7
ร)ป็ท�� 14 แสด้งต'าแหน&ง periderm
ที่��มุา : http://www.uic.edu/classes/bios100/lectf03am/treet
runk.jpg
กี่ายวิภาคจั�ลทรรศน�ล�กี่ษณะแกี่&นแก)น จะพบัในพ�ชที่��เป็$นไมุ ย�นต น ซึ่��งต องการความุแข5งแรงที่��
บัร�เวณใจกลางของล!าต นเพ��อพย�งต นไว แก)นหมุายถ�งช�(นเน�(อเย��อต�(งแต) Vascular cambium เข าไป็ส3)แกนกลางต นน��นค�อบัร�เวณ xylem ที่�ต�ยภ3มุ�ที่�(งหมุด้ ซึ่��งป็ระกอบัด้ วยที่)อล!าเล�ยง (vessel) พาเรนไคมุา (parenchyma) และเน�(อเย��อ ที่�(งให ความุแข5งแรง รวมุถ�งสารสะสมุอ��นในเซึ่ลล.เหล)าน�( เช)น resin, ผล�กแคลเซึ่�ยมุร3ป็แบับัต)างๆ เป็$นต น
19
![Page 17: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/17.jpg)
ร)ป็ท�� 15 ภาคต�ด้ข้วิางล'าต�นไม�ย!นต�น ที่��มุา http://www.nana-bio.com/e-learning/plant
%20organ/stem.html
กายว�ภาคของแก)นมุ� 3 ภาคต�ด้ ค�อ1. ภาคต�ด้ขวาง (cross section)
2. ภาคต�ด้ยาวตามุแนวร�ศมุ� (radially longitudinal
section)
3. ภาคต�ด้ยาวต�(งฉากก�บัแนวร�ศมุ� (tangentially
longitudinal section)
20
![Page 18: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/18.jpg)
ร)ป็ท�� 16 ภาคต�ด้ข้องแกี่&น A ภาคต�ด้ข้วิาง (transverse
section) B ภาคต�ด้ยาวิในแนวิต�"งฉากี่กี่�บร�ศม� (tangentially longitudinal section) C ภาคต�ด้ตาม
ยาวิแนวิร�ศม� (radially longitudinal section)
ที่��มุา : หน�งส�อกายว�ภาคและจ�ลที่รรศน.ล�กษณะของพ�ชสมุ�นไพร1. ภาคต�ด้ขวาง ( transverse section ) จะเห5นด้ านต�ด้
ขวางของ vessel , fiber และ parenchyma แต) ray จะเร�ยงต�วให แกนยาวของเซึ่ลล.อย3)ในแนวร�ศมุ�เช)นเด้�ยวก�บั phloem ray
ร)ป็ท�� 17 ภาคต�ด้ข้วิางข้องแกี่&น (Transverse section)
ที่��มุา : หน�งส�อกายว�ภาคและจ�ลที่รรศน.ล�กษณะของพ�ชสมุ�นไพร
2. ภาคต�ด้ตามุแนวร�ศมุ� ( radially longitudinal
section ) จะเห5นด้ านยาวของ vessel ซึ่��งมุ�ร3ป็แบับัของผน�งที่�ต�ยภ3มุ�ต)าง ๆ ก�น ส)วนมุากเป็$น bordered หร�อ simple pit ,
reticulate หร�อ spiral fiber จะมุ�ผน�งหนา ช)องกลางเซึ่ลล.แคบั ส)วน xylem parenchyma เป็$นเซึ่ลล.ร3ป็ ส��เหล��ยมุผ�นผ า วางแกนยาวของเซึ่ลล.ขนานก�บั fiber และ vessel ที่�กเซึ่ลล.มุ�ผน�งที่�ต�ยภ3มุ�เป็$นล�กน�น และมุ�ร3ต�ด้ต)อก�บัเซึ่ลล.ข างเค�ยง ส)วน ray
parenchyma จะมุ�ล�กษณะคล ายก�บั
21
![Page 19: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/19.jpg)
xylem parenchyma แต)เร�ยงต�วอย3)ในแนวต�(งฉากก�บั xylem parenchyma , vessel และ fiber
ร)ป็ท�� 18 ภาคต�ด้ตามแนวิร�ศม�ข้องแกี่&น (Radially longitudinal section)
ที่��มุา : หน�งส�อกายว�ภาคและจ�ลที่รรศน.ล�กษณะของพ�ชสมุ�นไพร3. ภาคต�ด้ขวางยาวในแนวต�(งฉากร�ศมุ� (tangentially
longitudinal section) จะเห5นด้ านยาวของ vessel, fiber และ xylem parenchyma เหมุ�อนข อ 2 ส)วนกล�)มุ ray cell หร�อ ray parenchyma แต)ละเซึ่ลล.อย3)ในด้ านต�ด้ขวาง ซึ่��งมุ�ร3ป็กลมุ ผน�งหนา และมุ�ร3ต�ด้ต)อระหว)างเซึ่ลล.จะมุ�การเร�ยงต�วเป็$นมุ�ด้ร3ป็กระสวย แที่รกอย3)ระหว)างเซึ่ลล.ข างต น มุ�ความุยาวได้ ต�(งแต) 2-3
มุ�ลล�ล�ตร หร�อมุากกว)าน�( ก5ได้ ซึ่��งอาจมุ� ray parenchyma แถวเด้�ยวเร�ยกว)า uniseriate หร�อ หลายแถว เร�ยกว)า multiseriate 6
22
![Page 20: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/20.jpg)
ร)ป็ท�� 19 ภาคต�ด้ยาวิในแนวิต�"งฉากี่กี่�บร�ศม�ข้องแกี่&น (tangentially longitudinal section)
ที่��มุา : หน�งส�อกายว�ภาคและจ�ลที่รรศน.ล�กษณะของพ�ชสมุ�นไพร
เซลล�และเน!"อเย!�อท��พบในแกี่&น1. vessel (ที่)อล!าเล�ยงน!(า) ส)วนใหญ่)เป็$นที่)อล!าเล�ยงน!(าขนาด้ใหญ่) มุ�ผน�งหนา ภาคต�ด้ขวางเห5นได้ เป็$นร3ป็วงกลมุขนาด้ใหญ่) ด้ านภาคต�ด้ยาวที่�(ง 2 แบับั เป็$นร3ป็ที่)อที่��มุ�ผน�งและบัางคร�(งต�ด้ผ)านตรงกลางที่)อไมุ)พบัผน�ง ผน�งที่��พบัมุ�กมุ�การสะสมุของล�กน�น แบับั reticulate
หร�อ pitted หร�อ bordered pitted
2. fiber ล�กษณะเป็$นเซึ่ลล.ยาว ป็ลายห�วที่ าย สอบัเร�ยว เร�ยงต�ด้ช�ด้ก�น และมุ�กเร�ยงต�วขนานป็ระกบัก�บัที่)อล!าเล�ยงเพ��อให ความุแข5งแรง ในภาคต�ด้ขวางจะเห5น fiber ร3ป็เหล��ยมุขนาด้เล5กผน�งหนาเร�ยงช�ด้ก�น ด้3คล ายพาเรนไคมุาที่��สะสมุล�กน�น ส!าหร�บั fiber ที่��พบัในแก)นของพ�ชบัางชน�ด้ จะมุ�ถ�งห� มุเป็$นแผ)นบัางๆ ป็ระกอบัด้ วยเซึ่ลล.พาเรนไคมุาที่��ภายในบัรรจ�ผล�กแคลเซึ่�ยมุออกซึ่าเลที่ร3ป็ป็ร�ซึ่�มุเอาไว เพ��อที่!าให แข5งแรงย��งข�(น เร�ยกเน�(อเย��อชน�ด้น�(ว)า fiber with calcium oxalate prism sheath3. parenchyma ที่��พบัในแก)นมุ� 2 ชน�ด้ ชน�ด้แรก เป็$นเซึ่ลล.ร3ป็ส��เหล��ยมุผ�นผ า วางต�วในแนวขนานก�บัที่)อล!าเล�ยงน!(า เป็$นพาเรนไคมุาที่��มุ�ความุแข5งแรง มุ�ล�กน�นสะสมุจนผน�งหนา ชน�ด้ที่��สอง ร3ป็ที่รงกระบัอกเร�ยงต�วในแนวร�ศมุ� ด้�งน�(น เมุ��อมุองในภาคต�ด้ขวางจะเห5นเป็$นร3ป็ร)างส��เหล��ยมุผ�นผ าขนาด้เล5ก เร�ยงเป็$นแถวหลายแถวหร�อแถวเด้�ยวตามุแนวยาวของ fiber หร�อ vessel ไว ล�กษณะของสานเส��อ เน�(อเย��อบัร�เวณน�(เร�ยกว)า medullary ray ต�วเซึ่ลล.พาเรนไคมุา แบับัน�( เร�ยกว)า ray parenchyma และเมุ��อมุองในภาคต�ด้ยาวต�(งฉากแนวร�ศมุ�จะเห5นการเร�ยงของ ray parenchyma เป็$นร3ป็กระสวย
23
![Page 21: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/21.jpg)
จั�ลทรรศน�ล�กี่ษณะข้องผงแกี่&นผงแก)นจะมุ�ล�กษณะเด้)น ค�อเป็$นผงหยาบัเป็$นเส�(ยนแข5งไมุ)มุ�
ล�กษณะที่��เป็$นข�ยเบัาป็นอย3)เลยจะมุ�ส�ต)างๆได้ ค)อนข างกว าง เช)น น!(าตาลเข มุ น!(าตาลแด้ง น!(าตาลอ)อนหร�อส�นวลเป็$นต น อาจมุ�กล��นเฉพาะต�วหร�อไมุ)มุ�ก5ได้ และไมุ)ว)าเด้�มุจะมุ�ส�อะไรก5ตามุ เมุ��อย อมุส�ด้ วยน!(ายา Aniline sulfate จะเห5นผงเป็$นส�เหล�อง ซึ่��งเห5นได้ ด้ วยตาเป็ล)า และช�ด้เจนข�(นภายใต กล องจ�ลที่รรศน. ที่�(งน�(เพราะที่�กเซึ่ลล.ของแก)นเป็$นผน�งที่�ต�ยภ3มุ�และมุ�ล�กน�นสะสมุอย3) ล�กษณะของช�(นเน�(อเย��อของผงแก)นแต)ละชน�ด้จะคล ายคล�งก�นมุากและส)วนใหญ่)พบัอย3)ในแนวภาคต�ด้ตามุยาว
1.กล�)มุ fiber ซึ่��งจะหล�ด้ออกมุาเป็$นมุ�ด้เสมุอ มุ�ความุยาวมุาก จ�งไมุ)สามุารถเห5นป็ลายแหลมุที่�(งสองด้ านได้ มุ�กจะเป็$นที่)อน และมุ�ผน�งหนา บัางชน�ด้จะเห5น pore canal และ pit เป็$นจ!านวนมุากแต)บัางชน�ด้มุ�น อย
2. Vessel มุ�กมุ�ขนาด้ใหญ่)และห�กเป็$นช�(น (fragment) มุ�ผน�งที่�ต�ยภ3มุ�เป็$นแบับั bordered pitted reticulate หร�อ spiral บัางชน�ด้พบั fiber หร�อ xylem parenchyma ต�ด้อย3)ด้ วย
3. Xylem parenchyma อาจพบัเป็$นกล�)มุหร�อต�ด้ก�บัเซึ่ลล.อ��นๆที่��อย3)ใกล เค�ยงเช)น fiber และ vessel ภาคต�ด้ยาวมุ�ร3ป็ร)างส��เหล��ยมุผ�นผ าเป็$นส)วนใหญ่) ผน�งที่�ต�ยภ3มุ�ไมุ)หนาน�ก เห5น pore
canal ช�ด้เจน อาจมุ�อาหารบัรรจ�อย3)ภายในเช)น เมุ5ด้แป็>ง เรซึ่�น หร�อผน�กต)างๆ
4. Xylem ray หร�อ medullary ray ของ xylem พบัได้ ที่�(งสองด้ าน ค�อภาคต�ด้ขวางยาวแนวร�ศมุ� (radially
longitudinal view) และภาคต�ด้ยาวแนวต�(งฉากก�บัร�ศมุ� (tangentially longitudinal view)
5.อาหารที่��สะสมุอย3) อาจเป็$นเมุ5ด้แป็>ง ผล�ก calcium
oxalate เรซึ่�น หร�อ/และหยด้น!(ามุ�นหอมุระเหย 5
24
![Page 22: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/22.jpg)
5. หน�งส�อหน�งส�อกายว�ภาคและจ�ลที่�ศน.ล�กษณะของพ�ชสมุ�นไพร รศ.พร อมุจ�ต ศรล�มุพ. อ�บัลวรรณ บั�ญ่เป็ล)งภาคว�ชา เภส�ชพฤกษศาสตร. คณะเภส�ชศาสตร. มุหาล�ยมุห�ด้ล ป็C2550
สม�นไพรท��น'ามาศ5กี่ษาและทด้ลอง
จั�นทนา
ช!�อวิทยาศาสตร� : Tarenna hoaensis Pitard
ช!�อวิงศ� : Rubiaceae
ช!�อท�องถ�น : จ�นที่นา จ�นที่น.ขาว, จ�นที่นา, จ�นที่นา Chan thana, จ�นที่น.ขาว chan khao, จ�นที่น.ใบัเล5ก Chan bai
lek (Prachuap Khiri Khan); จ�นตะเน�(ย chan-ta-nia
(Khmer-Eastern); จ�นที่น.หอมุ Chan hom (Rayong),
จ�นที่นา จ�นตะเน�(ย (เขมุร ภาคตะว�นออก);จ�นที่น.ขาว;จ�นที่น.ใบัเล5ก;จ�นที่น.หอมุ (ระนอง);จ�นที่นา (ป็ระจวบัค�ร�ข�นธ.)
25
![Page 23: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/23.jpg)
ล�กี่ษณะทางพฤกี่ษศาสตร� : จ�นที่นาเป็$นไมุ ต นขนาด้กลาง ส3ง 4-8 เมุตร ตามุต นมุ�ร)องเล5กๆ ตามุยาวของต น เป็ล�อกส�เที่าอ)อน เน�(อในส�เหล�องหร�อขาว
ใบ : เด้��ยว เร�ยงตรงข ามุ ขนหนา เกล�(ยง เป็$นมุ�น ส�ขาว ขอบัใบัเกล�(ยงและขนาน กว างป็ระมุาณ 8 ซึ่มุ. ยาว 12- 20 ซึ่มุ. ป็ลายใบัและโคนใบัแหลมุ ผ�วใบัด้ านบันส�เข�ยวเข มุเป็$นมุ�น ด้ านล)างส�จางกว)า มุ�ห3ใบัร)วมุอย3) 2 ใบั
ด้อกี่ : ด้อกช)อ ออกเป็$นช)อ แต)ละช)อมุ�หลายด้อก ส�ขาว กล�บัด้อก 4 กล�บั กล�บัเล�(ยง 4 กล�บั ด้อกหอมุ กล�บัด้อกต�ด้ก�นคล ายร3ป็แจก�น ป็ลายแยกเป็$น 5 แฉก ยอด้เกสรเพศเมุ�ยมุ�ร3ป็คล ายกระบัอง ย��นพ นออกมุานอกกล�บัด้อก ออกด้อกป็ระมุาณเด้�อน มุ�นาคมุ-
พฤษภาคมุ
ผล : ผลสด้กลมุ ส�เข�ยว ผ�วเกล�(ยง
กี่ารข้ยายพ�นธุ์�� : ตอนก��ง
แหล&งท��พบ : จ�นที่นา เจร�ญ่ในที่��ร )วนซึ่�ย ที่นต)อความุแห งแล ง อาจพบัตามุป็Dาโป็ร)งและป็Dาด้�บัแล งที่��วไป็
ส&วินท��ใช�และสรรพค�ณ : แก)นไมุ : บั!าร�งป็ระสาที่ แก ไข แก ป็อด้ ต�บัด้�พ�การ แก ร อนในกระหายน!(า แก ตกหน�ก ข�บัพยาธ�
สรรพค�ณ : ต!ารายาไที่ย: ใช เน�(อไมุ บั!าร�งป็ระสาที่ บั!าร�งเน�(อหน�งให สด้ช��น แก ร อนใน แก กระหายน!(า แก ต�บั ป็อด้และด้�พ�การ แก เหง��อตกหน�ก ข�บัพยาธ� บั!าร�งธาต�ไฟ บั!าร�งด้วงจ�ตมุ�ให ข�)นมุ�ว แก ไข ที่��เก�ด้จากต�บัและด้� แก ไข ร อน บั!าร�งเล�อด้ลมุ บั!าร�งธาต�ไฟให สมุบั3รณ.
26
![Page 24: บทที่ 2](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022081412/54574a45b1af9fc90c8b470b/html5/thumbnails/24.jpg)
ที่!าให เก�ด้ป็=ญ่ญ่าและราศ� แมุ มุลที่�น แก)น แก ไข ก!าเด้า บั!าร�งห�วใจ แก ลมุ แก อ)อนเพล�ย
ต!ารายาไที่ย: มุ�การใช จ�นที่น.ขาวใน พ�ก�ด้เบัญ่จโลธ�กะ ค�อ“ ”
การจ!าก�ด้จ!านวนต�วยาที่��มุ�ค�ณที่!าให ช��นใจ 5 อย)าง มุ� แก)นจ�นที่น.ชะมุด้ ต นเนระพ3ส� ต นมุหาสะด้!า แก)นจ�นที่น.แด้ง และแก)นจ�นที่น.ขาว สรรพค�ณ แก ไข เพ��อด้� แก ร�ตตะป็?ตตะโรค แก ลมุว�งเว�ยน กล)อมุพ�ษที่�(งป็วง และมุ�การใช ใน พ�ก�ด้จ�นที่น.ที่�(ง “ 5 “ค�อการจ!าก�ด้จ!านวนแก)นไมุ จ�นที่น. 5 อย)าง มุ� แก)นจ�นที่น.ชะมุด้ แก)นจ�นที่น.เที่ศ แก)นจ�นที่น.ที่นา แก)นจ�นที่น.แด้ง และแก)นจ�นที่น.ขาว สรรพค�ณ แก ไข เพ��อโลห�ตและด้� แก ร อนในกระหายน!(า บั!าร�งต�บัป็อด้ห�วใจ แก พยาธ�บัาด้แผล
นอกจากน�(บั�ญ่ช�ยาจากสมุ�นไพร: ที่��มุ�การใช ตามุองค.ความุร3 ด้� (งเด้�มุ ตามุป็ระกาศ คณะกรรมุการแห)งชาต�ด้ านยา (ฉบั�บัที่�� 5)
ป็รากฏการใช จ�นที่นา ในยาร�กษากล�)มุอาการที่างระบับัไหลเว�ยนโลห�ต (แก ลมุ) ป็รากฏต!าร�บั ยาหอมุเที่พจ�ตร มุ�ส)วนป็ระกอบัของจ�นที่น.” ”
ขาวร)วมุก�บัสมุ�นไพรชน�ด้อ��นๆ ในต!าร�บั มุ�สรรพค�ณในการแก ลมุว�งเว�ยน แก อาการหน ามุ�ด้ ตาลาย ใจส��น คล��นเห�ยน อาเจ�ยน แก ลมุจ�กแน)นในที่ อง ยาแก ไข ป็รากฏต!าร�บั ยาจ�นที่น.ล�ลา มุ�ส)วนป็ระกอบั“ ”
ของจ�นที่นาร)วมุก�บัสมุ�นไพรชน�ด้อ��นๆ ในต!าร�บั ใช บัรรเที่าอาการไข ต�วร อน ไข เป็ล��ยนฤด้�3
27