บทที่ 21 ระบบนิเวศ
TRANSCRIPT
![Page 1: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/1.jpg)
นิเวศวิทยา
อ.แนต
![Page 2: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/2.jpg)
นิเวศวิทยา คือ การศึกษาถึงความสมัพนัธข์องส่ิงมีชีวิตท่ี
มีต่อส่ิงแวดลอ้ม
Ecosystem คื อ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง
Community กบั Abiotic environment ใน
พ้ืนท่ีใดๆ และมีปฏิสมัพนัธต่์อกนั ทําใหเ้กิดการถ่ายทอด
พลงังานและการหมนุเวียนของสารอาหาร ทําใหร้ะบบ
เกิดความสมดลุ
Biosphere คือ ระบบนิเวศต่างๆทัง้หมดท่ีอย ูใ่นโลก
![Page 3: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/3.jpg)
![Page 4: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/4.jpg)
![Page 5: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/5.jpg)
Ecosystem มีองคป์ระกอบท่ีสาํคญั 2 สว่นคือ
1. โครงสรา้งของระบบนิเวศ
2. หนา้ท่ีของระบบนิเวศ
![Page 6: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/6.jpg)
โครงสรา้งของระบบนิเวศ
1. Abiotic components คือ ส่ิงท่ีไม่มีชีวิตใน
ecosystem 1.1 Inorganic matter เช่น O2 CO2 H2O
N P K Fe Ca 1.2 Organic matter เช่น Protein CBH 1.3 Physical env. เช่น Temp. Light
Moisture Pressure
![Page 7: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/7.jpg)
![Page 8: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/8.jpg)
2. Biotic components คือ ส่ิงมีชีวิตท่ีอย ูใ่น
ecosystem ซ่ึงจะมีบทบาทหนา้ท่ี (niche)
แตกต่างกนั
![Page 9: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/9.jpg)
2.1 ผ ูผ้ลิต (Producer)
ได้แ ก่ ส่ิ ง มี ชี วิ ต ท่ีส า มา รถส ร้า ง อา ห า ร เ อง ไ ด ้(autotrophic organisms) มี 2 กล ุม่คือ
2.1.1 Photoautotroph นําพลงังานจากแสงอาทิตยม์าสรา้งอาหาร เช่น phytoplankton algae พืช
2.1.2 Chemoautotroph นําพลงังานจากการออกซิเดชนั inorganic matter (H2S, NH3) เช่น Nitrosobacter
![Page 10: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/10.jpg)
2.2 ผ ูบ้ริโภค (Consumer) คือส่ิงมีชีวิตท่ีไม่
สามารถสรา้งอาหารไดเ้อง แบ่งได ้4 ประเภทคือ
2.2.1 สตัวกิ์นพืช (Herbivore) ไดแ้ก ่แมลง
สตัวกี์บ zooplankton เป็นตน้
2.2.2 สตัวกิ์นสตัว ์(Carnivore) มีขนาดใหญ่
แข็งแรงกว่าเหยื่อ ไดแ้ก่ เสือ แมว สนุขัป่า สิงโต จระเข ้
นกฮกู นกเคา้แมว
![Page 11: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/11.jpg)
2.2.3 สัตว์ท่ีกินทั้งพืชและสัตว์ (Omnivore)
ไดแ้ก ่นกบางชนิด มนษุย ์
2.2.4 ผ ูบ้ริโภคซาก (Detritus feeder) กินของ
เสียจากซากส่ิงมีชีวิตเป็นอาหาร ถา้เป็นสตัวจ์ะเรียกว่า
Scavenger เช่น ก ุง้ ป ูหอย แรง้
![Page 12: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/12.jpg)
ถา้แบ่งตามลาํดบัขัน้การกินอาหาร (Trophic level) ยงัสามารถแบ่งไดด้งัน้ี
1. ผ ูบ้ริโภคปฐมภมิู (primary consumer) หมายถึงสตัวกิ์นพืช (Herbivore)
2. ผ ูบ้ริโภคทติุยภมิู (secondary consumer) หมายถึงสตัวท่ี์กินสตัวกิ์นพืช (carnivore)
3. ผ ูบ้รโิภคตติยภมิู (tertiary consumer) หมาย
รวมถึงสตัวท่ี์กินผ ูบ้รโิภคทติุยภมิู 4. ผ ูบ้ริโภคขัน้สงูสดุ (top consumer) หมายถึง
ผ ูบ้รโิภคสตัวข์ัน้สดุทา้ยของห่วงโซ่อาหาร เช่น มนษุย ์
![Page 13: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/13.jpg)
ผ ูบ้รโิภคสงูสดุ
ผ ูบ้รโิภคลาํดบัท่ีสาม
ผ ูบ้รโิภคลาํดบัท่ีสอง
ผ ูบ้รโิภคลาํดบัท่ีหน่ึง
ผ ูผ้ลิต
ลาํดบัขัน้การบรโิภค
![Page 14: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/14.jpg)
2.3 ผ ูย้่อยสลาย (Decomposer, saprophyte) มีขบวนการทางสรีรวิทยาท่ี
สามารถสลายสารอินทรีย์ กากอาหารให้เป็นสาร
โมเลกลุเล็กลง ซ่ึงสารท่ีไดจ้ากการยอ่ยสลายจะเป็นสา
รอนินทรยี ์ไดแ้ก ่แบคท่ีเรยี รา เป็นตน้
![Page 15: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/15.jpg)
ลกัษณะการอยู่ร่วมกนัของส่ิงมชีีวติ(symbiosis)
1. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบภาวะท่ีตอ้งพึ่งพา (Mutualism) เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด : ส่ิงมีชีวิต 1(+) ,ส่ิงมีชีวิต 2
(+) เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(-),ส่ิงมีชีวิต 2 (-) ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : ต่างฝ่ายต่างไดรั้บประโยชน์ไม่แยกจากกนั
เช่น โปรโตซวัในลาํไสป้ลวก
![Page 16: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/16.jpg)
2. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบไดรั้บประโยชน์ร่วมกนั (Protocooperation)
เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(+) ,ส่ิงมีชีวิต 2 (+)
เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(0),ส่ิงมีชีวิต 2 (0)
ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : ต่างฝ่ายต่างไดรั้บประโยชน์ แต่สามารถ
แยกกนัได ้ไม่จาํเป็นตอ้งอยูด่ว้ยกนัตลอด
![Page 17: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/17.jpg)
3. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบภาวะท่ีมีการเก้ือกลู (Commensalism)
เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด : ส่ิงมีชีวิต 1(+) ,ส่ิงมีชีวิต 2 (0)
เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(-),ส่ิงมีชีวิต 2 (0) ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : ส่ิงมีชีวิต 1 ไดรั้บประโยชน์ ถา้แยกกนั
ส่ิงมีชีวิต 1 จะเสียประโยชน์ เช่น เหาฉลามกบัปลาฉลาม
![Page 18: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/18.jpg)
4. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบภาวะมีการยอ่ยสลาย (Saprophytism)
เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(+) ,ส่ิงมีชีวิต 2 (0)
เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(-),ส่ิงมีชีวิต 2 (0) ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : ส่ิงมีชีวิต 1 ยอ่ยสลายส่ิงมีชีวิต 2 ใหเ้น่า
เป่ือยผพุงั ถา้แยกกนัฝ่าย 1 จะเสียประโยชน ์
![Page 19: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/19.jpg)
5. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบล่าเหยือ่(Predation) เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(+) ,ส่ิงมีชีวิต 2 (-
) เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(-),ส่ิงมีชีวิต 2 (0) ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : ส่ิงมีชีวิต 1 จะกดักินส่ิงมีชีวิต 2 เป็น
อาหารและตายในทนัที
![Page 20: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/20.jpg)
6. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบภาวะปรสิต (Parasitism) เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(+) ,ส่ิงมีชีวิต 2 (-
) เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(-),ส่ิงมีชีวิต 2 (0) ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : ส่ิงมีชีวิต 1 จะเกาะแยง่เกาะดูดส่ิงมี ชีวิต 2
จึงทาํใหเ้ดือดร้อน
![Page 21: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/21.jpg)
7. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบภาวะการแก่งแยง่แข่งขนั (Competition)
เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(-) ,ส่ิงมีชีวิต 2 (-) เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(0),ส่ิงมีชีวิต 2
(0) ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : ต่างฝ่ายต่างเสียประโยชน์เม่ือแยกจากกนัจะ
ไม่มีผล เช่น นกแร้งแยง่กนักินซากสตัว ์
![Page 22: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/22.jpg)
8. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบภาวะการหลัง่สารยบัย ั้ง
(Antibiosis) เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(0) ,ส่ิงมีชีวิต 2 (-) เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(0),ส่ิงมีชีวิต 2
(0) ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : ส่ิงมีชีวิต 1 หลัง่สารออกมายบัย ั้ง หรือ
ทาํลายส่ิงมีชีวิต 2 (จึงเสียประโยชน์)
![Page 23: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/23.jpg)
9. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบภาวะการกระทบกระเทือน (Amensalism)
เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(0) ,ส่ิงมีชีวิต 2 (-) เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(0),ส่ิงมีชีวิต 2
(0) ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : ส่ิงมีชีวิต 1 ไปมีผลกระทบกระเทือน
ส่ิงมีชีวิต 2 เช่น ตน้หญา้ใตต้น้ไมใ้หญ่
![Page 24: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/24.jpg)
10. ลกัษณะการอยูร่่วมกนั : แบบภาวะไม่เก่ียวขอ้งสมัพนัธ์ (Neutralism)
เม่ืออยูร่่วมกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(0) ,ส่ิงมีชีวิต 2 (0)
เม่ือแยกจากกนัของส่ิงมีชีวิต 2 ชนิด :ส่ิงมีชีวิต 1(0),ส่ิงมีชีวิต 2 (0)
ลกัษณะของความสมัพนัธ์ : เป็นการอยูร่่วมกนัในธรรมชาติ ไม่ยุง่เก่ียว
กนั
![Page 25: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/25.jpg)
หนา้ท่ีของระบบนิเวศ
หนา้ท่ีของระบบนิเวศ ท่ีเกิดในระบบนิเวศมี 2 แบบคือ
1. Nutrient cycle ผ ูย้อ่ยสลายจะเปลี่ยน
organic เป็น inorganic เพ่ือเป็นวตัถดิุบใน
การสรา้งสารอินทรยีใ์หมข่องผ ูผ้ลิต
![Page 26: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/26.jpg)
![Page 27: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/27.jpg)
![Page 28: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/28.jpg)
2. Energy flow คือ การไหลเวียนของ
พลงังานในรปูของสารอาหารจาก producer ไปยงั consumer ลาํดบัถดัๆไปโดยการกินกนั
เป็นทอดๆ การถ่ายทอดพลงังานน้ีเรียกว่า food chain
เช่น ใบไม ้ ป ู ปลา นก
![Page 29: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/29.jpg)
![Page 30: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/30.jpg)
ห่วงโซ่อาหารแบ่งไดเ้ป็น 3 แบบคือ
1. ห่วงโซ่อาหารแบบผ ูล้่าเหยื่อ (predator food chain) เริ่มจากพืชไปยงัสตัวท่ี์กินพืชและ
ถ่ายทอดต่อไปตามลาํดบัขัน้ของการกิน
ขา้ว เพลี้ย แมลงปอ นก
![Page 31: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/31.jpg)
![Page 32: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/32.jpg)
2. ห่วงโซ่อาหารท่ีเริ่มจากซากอินทรีย ์ซ่ึงถกูกินต่อ
ดว้ย detritus feeder (detritus food chain) เช่น ห่วงโซ่อาหารในป่าชายเลน
ซากใบไม ้ ปแูสม ปลา นก
![Page 33: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/33.jpg)
3. ห่วงโซ่อาหารท่ีเริ่มจากซากอินทรียซ่ึ์งถกูกินต่อดว้ย
decomposer (saprophytic food chain)
ซากใบไม ้ เห็ด แบคทีเรยี
![Page 34: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/34.jpg)
สายใยอาหาร (food web) เกิดจากแต่ละ food chain มีสว่นรว่มกนัในแต่ละลาํดบัการกินอาหาร
พืชน้ํา ป ู ปลา
นก
![Page 35: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/35.jpg)
![Page 36: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/36.jpg)
![Page 37: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/37.jpg)
ห่วงโซ่อาหาร และสายใยอาหาร (Food Chain & Food Web)
![Page 38: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/38.jpg)
สภาวะแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาต ิ มลพิษ (Pollution) หมายถึง พิษท่ีเกิดจากความสกปรก ซ่ึงก่อใหเ้กิดความเสียหายต่อส่ิงแวดลอ้มหรือเป็นพิษ
เป็นภยัต่อส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศ ภาวะนํ้ าเสีย (Water pollution) 1. DO ตํ่า [Do<3 ppm. นํ้าเสีย] 2. BOD สูง [BOD > 100 mg/ลิตร นํ้ าเสีย] 3. pH ตํ่า [pH< 5 นํ้าเสีย] 4. อุณหภูมิสูงกวา่400C นํ้าเสีย 5. คราบนํ้ ามนัเกิน 5 มิลลิกรัม/ลิตร นํ้ าเสีย 6. ฟอสเฟตสูงเกิน 15 ppm. นํ้าเสีย 7. มีสารพิษ (ปรอทเกิน 0.005 mg/l ตะกัว่เกิน 0.2 mg/l แคดเมียมเกิน 0.03 mg/l และสารหนู
เกิน 0.25 mg/l 8. มีเช้ือโรค 9. มีกล่ินเหมน็ สีคลํ้า ขุ่น
![Page 39: บทที่ 21 ระบบนิเวศ](https://reader036.vdocuments.mx/reader036/viewer/2022062320/558e624e1a28abf7398b46e9/html5/thumbnails/39.jpg)
บทบาทของแบคทีเรียต่อคุณภาพของนํ้า
กล่ินเหมน็ในนํ้าเน่าเกิดจาก สารอะมีน และก๊าซไฮโดรเจนซลัไฟต ์(H2S) สีดาํของนํ้าคลาํเกิดจากสารประกอบซลัไฟตข์องโลหะหนกั เช่น เหลก็ ซ่ึงตวัการทาํใหน้ํ้ าเสียคือ aerobic bacteria ส่วนตวัการท่ี
ทาํใหน้ํ้ ามีกล่ินเหมน็ คือ anaerobic bacterial
ภาวะฝนกรด มีสาเหตุเกิจาก ก๊าซ SO2 และ NO2 ทาํใหน้ํ้ าฝน มี ประมาณ 4.5 – 5.7 มีผลต่อ การเจริญของพืช ตน้อ่อน ปลาตาย โลหะผกุร่อนยางเป่ือยยุย่