jatropha curcas linn. - nrdo.navy.mi.th · ใบ ตอนที่๑ ความเป...

6
ใบ ตอนทีความเปนมาของสบูดํา เปนพืชน้ํามันชนิดหนึ่ง สบูดํามีชื่อทางวิทยาศาสตรวา Jatropha Curcas Linn. อยูในวงศไมยางพารา ซึ่งเปนพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต ชาวโปรตุเกสนําเขามาปลูกในประเทศไทย ปจจุบันสบูดํามีปลูกอยูทั่วทุก ภาคของประเทศไทย น้ํามันที่ไดจากเมล็ดสบูดํา สามารถใชกับเครื่องยนตดีเซลที่เกษตรกรใชอยูได โดยไมตองใช น้ํามันชนิดอื่นผสมอีก ใชเปนสมุนไพรรักษาโรค ในระหวางสงครามโลกครั ้งทีประเทศไทยเกิดการขาดแคลน น้ํามันกาดสําหรับใชจุดตะเกียง เกษตรกรทางภาคอีสานนําเมล็ดสบูดํามาตําใหละเอียดมาใสในกระบอกไมไผ เพื่อใช เปนเชื้อเพลิงแทนน้ํามันกาดหรือกะเทาะเปลือกเมล็ดออกเหลือแตเนื้อในที่มีสีขาว ใชไมเล็ก เสียบ จุดใหสวางแทน เทียนไข สบูดําจึงเปนพืชที่นาใหความสนใจเปนอยางยิ่งในสภาวะที่ราคาน้ํามันดีเซลมีราคาสูงอยางในปจจุบัน ลักษณะของตนสบูดํา ลําตน เปนไมพุมยืนตน ขนาดกลาง สูงประมาณ -เมตร ลําตนและยอดคลายละหุแตไมมีขน เนื้อ ไมไมมีแกน มีลักษณะคลายใบฝาย แตหนากวา ใบเรียบมี หยัก คลายใบละหุแตหยักตื้นกวา โคนใบเวาเปน รูปหัวใจ กานใบยาว ใบที่เจริญเติบโตเต็มที่มีขนาดเทาฝามือ เปลือกของลําตน

Upload: nguyennga

Post on 13-May-2018

216 views

Category:

Documents


3 download

TRANSCRIPT

Page 1: Jatropha Curcas Linn. - nrdo.navy.mi.th · ใบ ตอนที่๑ ความเป นมาของสบ ู ดํา เป นพืชน้ํามันชนิดหนึ่ง

ใบ

ตอนที่ ๑

ความเปนมาของสบูดํา เปนพืชน้ํามนัชนิดหนึ่ง สบูดํามีช่ือทางวิทยาศาสตรวา Jatropha Curcas Linn. อยูในวงศไมยางพารา ซ่ึงเปนพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต ชาวโปรตุเกสนาํเขามาปลูกในประเทศไทย ปจจุบันสบูดาํมีปลูกอยูทั่วทุกภาคของประเทศไทย น้ํามนัที่ไดจากเมล็ดสบูดํา สามารถใชกับเครื่องยนตดเีซลที่เกษตรกรใชอยูได โดยไมตองใชน้ํามันชนิดอืน่ผสมอีก ใชเปนสมุนไพรรักษาโรค ในระหวางสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประเทศไทยเกดิการขาดแคลนน้ํามันกาดสําหรับใชจุดตะเกยีง เกษตรกรทางภาคอีสานนําเมล็ดสบูดํามาตําใหละเอยีดมาใสในกระบอกไมไผ เพื่อใชเปนเชื้อเพลิงแทนน้ํามันกาดหรือกะเทาะเปลือกเมล็ดออกเหลือแตเนื้อในที่มีสีขาว ใชไมเล็ก ๆ เสียบ จุดใหสวางแทนเทียนไข สบูดําจึงเปนพืชทีน่าใหความสนใจเปนอยางยิ่งในสภาวะที่ราคาน้ํามันดีเซลมีราคาสูงอยางในปจจุบัน

ลักษณะของตนสบูดํา ลําตน เปนไมพุมยืนตน ขนาดกลาง สูงประมาณ ๒-๗ เมตร ลําตนและยอดคลายละหุง แตไมมีขน เนื้อไมไมมีแกน มีลักษณะคลายใบฝาย แตหนากวา ใบเรียบมี ๔ หยัก คลายใบละหุง แตหยักตื้นกวา โคนใบเวาเปนรูปหัวใจ กานใบยาว ใบที่เจริญเติบโตเต็มที่มีขนาดเทาฝามือ

เปลือกของลําตน

Page 2: Jatropha Curcas Linn. - nrdo.navy.mi.th · ใบ ตอนที่๑ ความเป นมาของสบ ู ดํา เป นพืชน้ํามันชนิดหนึ่ง

- ๒ - ดอก ออกดอกเปนชอแบบชอกระจุกซอน จะออกบริเวณตามซอกใบหรือปลายใบ ดอกมีขนาดเล็กสเีขียวแกมเหลือง จํานวน ๗๐ - ๑๒๐ ดอกตอชอ ในชอดอกเดียวกันมดีอกตัวผูมากกวาดอกตัวเมยี อัตราดอกตัวผูตอดอกตัวเมีย ๗ : ๑ ดอกแตละชอบานไมพรอมกัน กานดอกมีขนสีขาวนุมมีกล่ินฉุนไมมีพิษ ผล

ผลจัดเปนผลเดีย่ว ลักษณะกลมรีเล็กนอย ขนาดปานกลางกวาง ๒ - ๓ เซนติเมตร ยาว ๒.๕ – ๓.๕ เซนติเมตร ๓ พู พูละ ๑ เมล็ด อยูรวมกนัเปนพวงแตละพวงจะมีผลประมาณ ๕ - ๑๐ ผล ผลที่เกิดจากชอดอกเดียวกันจะสุกแกไมพรอมกนั ผลออนมีสีเขียวออน ผลแกมีสีเหลืองหลังจากนัน้จะเปลีย่นเปนสีน้ําตาลเขมหรือดํา ตั้งแตวันออกผลจนผลสุกใชเวลาประมาณ ๖๐-๙๐ วนั ผลสด ๑ กิโลกรัม มีจํานวนประมาณ ๘๕ – ๙๐ ผล

เมล็ด เมล็ด รูปกลมรี ขนาดเมล็ดกวางประมาณ ๑.๕ เซนตเิมตร ยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร เมล็ดแก เปลือกหุมเมลด็สีดํา เนื้อในเมล็ดสีขาว น้ําหนัก ๑๐๐ เมล็ด ประมาณ ๗๐ กรัม เมล็ดสบูดํามีสารพิษ Curcin หากบริโภคจะทําใหทองเสีย อยางไรกต็ามสารดังกลาวสามารถสลายไปไดในอุณหภูมิที่สูงกวา ๘๐ องศาเซลเซียส การขยายพันธุสบูดํา ๑. เพาะเมล็ด เมล็ดสบูดําไมมีระยะพักตวั สามารถเพาะในถุงเพาะหรือกระบะทรายก็ไดอายุประมาณ ๒ เดือนจึงนําไปปลกู สําหรับตนที่ไดจากการเพาะเมล็ด จะใหผลผลิตไดประมาณ ๘ - ๑๐ เดือนหลังปลูก ๒. การปกชํา ตองคัดทอนพนัธุที่มีสีเขียวปนน้ําตาลเล็กนอย หรือกิ่งที่ไมออนและแกเกินไป ความยาว ๕๐ เซนติเมตร โดยปกลงในถุงเพาะหรือกระบะทรายก็ได ใชเวลาปกชําประมาณ ๒ เดือน จึงนําไปปลูก โดยจะใหผลผลิตหลังปลูก ประมาณ ๖ - ๘ เดือน

ลักษณะการปกชําดวยกิ่งของตนสบูดํา

Page 3: Jatropha Curcas Linn. - nrdo.navy.mi.th · ใบ ตอนที่๑ ความเป นมาของสบ ู ดํา เป นพืชน้ํามันชนิดหนึ่ง

- ๓ - ๓. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยือ่ ปจจุบันกรม วิชาการเกษตรไดทําการขยายพันธุโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อไดแลว ซ่ึงไดผลเหมือนกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพชืชนิดอื่นทัว่ไป

ตอนที่ ๒

การปลูกและการดูแลรักษา

• ระยะปลูกตนสบูดําที่เหมาะสมไดแก ๒ x ๒ เมตร (๔๐๐ ตน/ไร) ในบางประเทศนิยมปลูกพืชอ่ืนรวมระหวางแถว เพื่อไดรับรมเงาและปองกันอันตรายจากสัตวตาง ๆ เชน นก หรือแมลงศัตรู

• การเด็ดยอด เมื่อตนเริ่มตั้งตวั ควรเดด็ปลายยอดหลายครัง้ใหทุกตนมียอดเกิน ๒๐ ยอด เพราะ สบูดําจะออกดอกพรอมแตกใบออนที่ปลายยอดทกุยอดที่ไดรับแดดจดั • ฤดูปลูกที่เหมาะสม คือ ในฤดูฝน ตั้งแตชวงเดือนเมษายน - พฤษภาคม เพื่อใหตั้งตัวได ในชวงแรก หลังปลูกควรใหน้ําทุก ๆ ๑๐ - ๑๕ วัน ควบคูกับการกําจัดวัชพืชบริเวณโคนตน โดยการถากและคลุมโคนตน ดวยเศษซากพชื หรือแกลบซึ่งเปนการชวยรักษาความชืน้และเพิ่ม ธาตุอาหารในดนิ การเตรียมดินกนหลุมมีความ สําคัญมาก ควรใชมูลวัวหลุมละ ๕ กก. หรือปุยอินทรีย ๕ กก./ตน

หลังจากปลูกประมาณ ๑ เดือน ควรใสปุยเคมี-อินทรีย ใน อัตรา ๕๐ กิโลกรัมตอไร และใสอีกครั้งหลังการเก็บเกี่ยวครั้งแรก อยางไรก็ตาม พบวาตนสบูดาํมีความตองการปุยไนโตรเจนและโพแทสเซียมในปริมาณ ที่สูงกวาฟอสฟอรัส ซ่ึงมีผลตอการพัฒนาทางลําตนและผลผลิตของตนสบูดํา สวนพื้นที่ปลูกควรเปนพื้นที่ดอนหรือน้ําไมทวมขังและไดรับแสงแดดจัดตลอดทั้งวนั ภายหลังการปลกูลําตนจะสูงขึน้อยางรวดเรว็ จึงควรตดัแตงกิ่งเพื่อใหตนแตกกิ่งกานมากขึ้น เพราะสะดวกในการเก็บเกีย่ว จากการศึกษา พบวาควรตัดแตงกิ่งหลังการเก็บเกีย่วครั้งที่ ๒ หรือเมื่อมีอายุประมาณ ๑ ปการตัดแตงกิ่งที่ขอแยกที่ ๑ จะทําใหเกบ็เกี่ยวผลผลิตไดมากในฤดูฝน และสามารถติดดอกออกผลไดอีกครั้งในชวงฤดูแลงถัดไป การตัดแตงกิ่งตนสบูดําที่ขอแยกที่ ๑ จะชวยใหมีระยะพัฒนาการทางลําตนยาวนานขึ้น และสามารถสรางยอดหรือกิ่งใหมเพิ่มขึ้นไดมากกวาปกต ิจึงทําใหมีผลผลิตสูงขึ้นเพราะการออกดอกและติดผลจะเกดิจากยอด หรือกิง่ใหม

โรคและแมลงศัตรู • ไรขาว เปนศัตรูสําคัญอันดับหนึ่งกอใหเกิดความเสยีหายอยางรุนแรง จะดดูน้าํเล้ียงบริเวณใตใบ ทําใหใบหดเลก็ลงกวาปกติ ใบแหงกราน สวนหยักของใบจะปดงอและมวนลงดานลาง เสนใบนนูมากขึ้น ซ่ึงมีผล ทําใหสบูดําชะงักการเจริญเตบิโต • เพล้ียไฟ เปนแมลงที่มีขนาดเล็ก ความยาวลําตัวประมาณ ๑ มิลลิเมตร เคลื่อนไหวรวดเร็ว เพล้ียไฟจะดดูน้ําเล้ียงบริเวณรอยยนของใบ ซอกใบ ที่มวนลงบริเวณเสนใบและใตใบทําใหใบกรอบแหง ขอบใบมวนขึน้ ดานบนบริเวณใตใบมีลักษณะคลายสีสนมิติดอยูเมื่อมกีารทําลายอยางรุนแรง จะทําใหใบไหมเปนจุดหรือกรอบแหงทั้งใบ

Page 4: Jatropha Curcas Linn. - nrdo.navy.mi.th · ใบ ตอนที่๑ ความเป นมาของสบ ู ดํา เป นพืชน้ํามันชนิดหนึ่ง

- ๔ - • เพล้ียหอย จะดูดน้ําเลี้ยงจากสวนตาง ๆ ของสบูดําตั้งแตใบ ยอดออน กานใบ ผลและลําตน ทําใหใบแหงเหีย่ว กานใบผลและลําตน แหงตาย • เพล้ียจักจั่น ทั้งตัวออนและตัวเต็มวัยดูดน้ําเลี้ยงบริเวณ ใตใบ ทําใหใบหอลงขางลางหรือหงิกงอ ถาระบาดในระยะตนออน จะทําใหสบูดําแคระแกรน ถาระบาดรุนแรงอาจทําใหสบูดําตายได

• หนอนคืบละหุง กดักนิใบสบูดํา

• ปลวกเขาทําลายบริเวณโคนตนสบูดํา ทําใหสบูดําแหงตาย • หนอนชอนใบ จะเขาทําลายชวงเริ่มปลูก หรือเปนตนออน ทําใหใบเปนรูพรุน • ไรแดง จะทาํใหใบรวงเหลือง • เพล้ียแปง คอนขางอันตราย เขาดูดกินน้าํเลี้ยงบริเวณกิ่งและลําตนออน ของสบูดํา เพลี้ยแปงทําลายใบออน

การเก็บเกี่ยวและการเก็บรักษาเมล็ด

ตนสบูดําเปนพืชที่ทยอยออกดอก จึงทําใหเก็บเกี่ยวไดไมพรอมกัน การเก็บเกีย่วจึงควรเก็บผลผลิตทุก ๆ ๒ สัปดาห โดยทั่วไปจะใหผลผลิตหลัก ๒ ชวงเวลาตอป คือ มิ.ย.-กค. และ ต.ค.-ธ.ค. ภายหลังการเก็บเกีย่ว ตองนําผลไปตากแดดใหแหงกอนนําไปกะเทาะเปลือกเนื่องจากเปนเมล็ดแหง จึงควรลดความชื้นของเมล็ดใหเหลือประมาณ ๕ - ๗% โดยการตากแดดหรือผ่ึงลม ซ่ึงสามารถเก็บรักษาไดนานประมาณ ๑ ป ภายใตอุณหภูมหิองประมาณ ๒๐ องศาเซลเซียส อยางไรก็ตาม เมล็ดสบูดํามีองคประกอบของน้ํามนัสูง จึงไมควรเก็บรักษานานเกินไป เพราะจะทําใหคุณภาพการงอกของเมล็ดลดลง

Page 5: Jatropha Curcas Linn. - nrdo.navy.mi.th · ใบ ตอนที่๑ ความเป นมาของสบ ู ดํา เป นพืชน้ํามันชนิดหนึ่ง

- ๕ -

ตอนที่ ๓

ประโยชนและผลกระทบตอสิ่งแวดลอม

๑. ใชเปนพลังงานทดแทน

เมล็ดสบูดําใหน้ํามนั การสกัดน้ํามันสบูดํา ผลสบูดําแหง(ผลสีเหลืองหรือสีดํา) ทีแ่กจากตน นํามาตากใหแหงประมาณ ๓-๔ แดด กะเทาะเปลือกออกใหเหลือเฉพาะเมล็ด นําไปบุบเมล็ดใหแตก โดยการทุบหรือบดหยาบกอนเขาเครื่องหีบแลวกรองดวยผาขาวบางหรือวัสดุกรองละเอียดอื่นๆเพื่อแยกเศษผง เมล็ดสบูดําแหง ๔ กก.สกัดน้ํามันไดประมาณ ๑ ลิตร (ปริมาณน้าํมันที่ไดจะขึน้อยูกับสายพนัธุของสบูดํา และขบวนการบีบน้ํามัน) ๒. การใชเปนอาหารสัตว เนื่องจากกากเมล็ดสบูดําที่ผานขบวนการบีบน้ํามันแลวยังคงมีคุณคาทางอาหารสูงอยูแตประกอบดวยสารพิษไดแก curcin, phorbol esters, saponin, cyanide และ lectins จงึตองนาํกากสบูดํามาผานกระบวนการกาํจดัสารพษิกอนนาํไปเลี้ยงสัตวโดยการใชความรอนรวมกับการสกัดดวยสารเคมีหรือการหมักกากน้ํามันสบูดําดวยเชื้อรา Rhizopusoryzae

๓. ใชเปนรั้วลอมรอบพื้นท่ี พืชสบูดําสามารถปลูกเปนร้ัวลอมพืชเศรษฐกิจหลัก ๆ เพื่อปองกันวัว ควาย เขามาทําความเสียหายตอ

พืชชนิดนัน้ เนื่องจากวัว ควาย จะไมกินใบหรือยอดออนของสบูดํา นอกจากนี้ยังปลูกเปนร้ัวปองกันลมรอนในฤดูรอนที่ทําใหมกีารระเหยของน้ําอยางรวดเรว็ในแปลงปลูกผัก และใชปลูกปองกันการชะลางของดินในฤดูฝนของเขตพื้นที่แหงแลงไดอีกดวย ๔. ใชเปนยารกัษาโรค สวนตางๆ ของสบูดําสามารถนํามาสกัดเปนยารักษาโรคของคนไดดังนี้

สวนตางๆ ของสบูดาํ สรรพคุณทางเภสัช

ตน ยาถาย, นําเอามาเผาดูดควนัจากการเผาผานทอที่ผานน้าํเย็นจะเกิดการควบแนนหยดออกมาเปนกรดน้าํสมควันไมใชผสมน้ําเปนยาฆาแมลงศัตรูพืชได ไมเปนอันตรายตอมนุษย

เปลือก ยาถาย ขับพยาธิ แกปวดทอง ใบและเนื้อไม แกพษิตานซาง ถอนพิษที่ทําใหตวัรอน แกปากและลิ้นเปอย

พุพอง แกล้ินเปนฝาละออง เมล็ด แกปวดตามขอ แกโรคผิวหนัง เปนยาระบาย ยาถายอยางแรง

Page 6: Jatropha Curcas Linn. - nrdo.navy.mi.th · ใบ ตอนที่๑ ความเป นมาของสบ ู ดํา เป นพืชน้ํามันชนิดหนึ่ง

- ๖ - ยาง แกปากเปอย พุพอง และแกล้ินเปนฝาละออง

** หมายเหตุ ** การจะนํามาใชเปนสรรพคุณทางยา ตองศึกษาวิธีการใชอยางละเอียดกอน เพื่อความปลอดภัย

๕. ใชเปนปุยอินทรีย จากการศึกษาของนักวิชาการพบวา สวนตางๆ ของตนสบูดํา (ลําตน ใบ เปลือก และ กาก ) สามารถนํามาทําเปนปุยอินทรียได โดยผานขั้นตอนการผลิตปุยอินทรีย ซ่ึงไดธาตุอาหารที่จําเปนสําหรับพืช ไดแก ธาตุไนโตรเจน ธาตุฟอสฟอรัส และ ธาตุโปรแตสเซียม โดยธาตุอาหารดงักลาวมีปริมาณไมนอยไปกวา ปุยอินทรยีที่ผลิตจาก มูลวัว มูลกระบือ มูลไก หรือ ปุยหมักจากผักและขยะ ๖. ใชเปนพลังงานความรอนจากกากสบูดํา กิ่ง กาน และลําตนของสบูดํา สามารถนํามาแปรรูปเปนถาน เพื่อใชเปนพลังงานเชื้อเพลิงไดดี ดร. ฉัตรชัย จนัทรเดนดวง และคณะ รวมกับสมาคมเครื่องจักรกลไทย ไดดําเนินการพัฒนาเครื่องอัดกากสบูดํา เพื่อใชเปนเชื้อเพลิงแข็ง กําลังผลิต ๑๒๐ กก./ชม. ๗. ใชทํากระดาษ ลําตน กิ่งใบ ที่ตัดแตงแลว นํามาบดหยาบ ๆ สามารถผลิตเปนกระดาษได เพราะเสนใยของตนสบูดําเปนเสนใยแนวนอนใชทํากระดาษเนื้อดีได