แบบน ำเสนอผลงำนที่เป็นเลิศ (Best Practice) กำรขับเคลื่อนกำรศึกษำด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต 11

ชื่อผลงาน การพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมโดยการใช้โครงงานสมองกลเป็นฐาน ชื่อผู้เสนอผลงาน นางสาวณิชากร เส้งสุย โรงเรียน เวียงสระ โทรศัพท์ 077-361-996 มือถือ 084 – 187 - 8559 โทรสาร 077-361-997 e-mail sengsui_4@hotmail.com

ชื่อผลงาน การพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมโดยการใช้โครงงานสมองกลเป็นฐาน

ชื่อเจ้าของผลงาน นางสาวณิชากร เส้งสุย ต าแหน่ง ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลยี)

สถานศึกษา โรงเรียนเวียงสระ ส านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 1. ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญของปัญหำ

จากการศึกษาแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 พบว่าแผนการศึกษาชาติฉบับนี้เป็นการวางกรอบเป้าหมายและทิศทางของการศึกษาของประเทศในการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของคนไทยทุกช่วงวัยให้เต็มตามศักยภาพ สามารถแสวงหาความรู้และเรียนรู้ ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ด ารงชีวิตอย่างมีความสุขสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 นวัตกรรมจึงเป็นสิ่งส าคัญที่จะพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง การจัดการศึกษาในยุคปัจจุบันนี้จึงจ าเป็นที่จะต้องให้ความส าคัญกับการพัฒนานวัตกรรมของผู้เรียน การจัดการศึกษาในรูปแบบโครงงาน หมายถึง การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือ หลาย ๆ สิ่งที่อยากรู้ค าตอบให้ลึกซึ้ง โดยใช้กระบวนการ หรือวิธีการศึกษาอย่างเป็นระบบ ระบบฝังตัว หรือระบบสมองกล หมายถึง ระบบประมวลผลที่ใช้ชิปหรือไมโครโพรเซสเซอร์ (บางต าราเรียกว่าไมโครคอนโทรลเลอร์) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เป็นระบบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ดังนั้นโครงงานสมองกล จึงหมายถึงการศึกษาให้ลึกซึ้งในเรื่องระบบสมองกล หรือระบบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กท่ีสั่งงานให้อุปกรณ์ท างานอย่างเป็นระบบ โดยมีกระบวนการท างานอย่างเป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอน ผลการจัดการเรียนรู้รายวิชาการเขียนโปรแกรม 1 ในภาคเรียนที่ 1 พบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับดีขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 70 เป็นไปตามข้อตกลงของโรงเรียนที่ได้วางไว้ นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ สามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาภาษาคอมพิวเตอร์ได้ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะส าคัญเป็นไปตามที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน แต่จากการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านมาพบว่านักเรียนยังไม่เห็นคุณค่าอย่างแท้จริงเรื่องการเขียนโปรแกรม ยังมีข้อกังวลเรื่องการน าไปใช้ในชีวิตประจ าวันและบูรณาการร่วมกับสาระวิชาอ่ืนอย่างไร ด้วยหลักสูตรการศึกษาที่มีการปรับปรุงเพ่ือให้เข้ากับยุคสมัยมากข้ึน ให้ความส าคัญในเรื่องนวัตกรรม ดังนั้นการจัดการศึกษาในรายวิชาการเขียนโปรแกรม 2 จึงบูรณาการร่วมกับรายวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถผลิตงานได้อย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองนโยบายการจัดการศึกษาด้วยการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ PLC จึงได้ร่วมกันออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือลดภาระงานแก่นักเรียน โดยงานหนึ่งชิ้นของนักเรียนสามารถประเมินผลร่วมกันไดม้ากกว่าหนึ่งรายวิชา อีกท้ังยังตอบรับทักษะการพัฒนานวัตกรรรมของผู้เรียน

2

2. จุดประสงค์และเป้ำหมำย ของกำรด ำเนินงำน จุดประสงค์ 1. เพ่ือพัฒนาการจัดการเรียนการสอนด้วยโครงงานสมองกล ในรายวิชาการเขียนโปรแกรม 2 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 2. เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถสร้างโครงงานสมองกลได้ 3. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนในการจัดการเรียนการสอนด้วยโครงงานสมองกลฝังตัว ในรายวิชาการเขียนโปรแกรม 2 เป้ำหมำย เชิงปริมำณ

1. ประชากรนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จ านวน 271 คน 2. กลุ่มเป้าหมาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561

จ านวน 33 คน เชิงคุณภำพ 1. พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการเขียนโปรแกรม 2 ผลการเรียนเฉลี่ยมากกว่า ร้อยละ 75 2. ผู้เรียนสามารถสร้างโครงงานสมองกลฝังตัวได้ ร้อยละ 100 3. ผู้เรียนมีความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนด้วยโครงงานสมองกลฝังตัว ในรายวิชาการเขียนโปรแกรม 2 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 มากกว่าร้อยละ 80 ประโยชน์ที่นักเรียนจะได้รับ

1. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น 2. นักเรียนมีทักษะในการท าโครงงาน

3

3. กระบวนกำรผลิตผลงำน หรือขั้นตอนกำรท ำงำน

วิเคราะห์หลักสูตร/นักเรียน/แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉ.12

นักเรียนสร้างองค์ความรู้ พัฒนาตนเอง - หนังสือ - แหล่งเรียนรู้ออนไลน ์

ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา

วางแผนแก้ปัญหา

ประเมินผล

สรุปผล/รายงานผล/เผยแพร่

วิเคราะห์ปัญหา/ความต้องการ

สร้างนวัตกรรม/ชิ้นงาน/ โครงงานสมองกลฝังตัว

น าเสนอโครงงาน

ไม่ผ่าน

- สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองตามทฤษฎี Constructivism - แหล่งเรียนรู้ออนไลน ์- Google Classroom - ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนแบบ 2 way Communication

ผ่าน

- ประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้ - ประเมินความพึงพอใจ

4

3.1 ขั้นตอนกำรด ำเนินกำรตำม Flow Chart 1. วิเคราะห์หลักสูตรและความต้องการและจุดเน้นของสถานศึกษา โดยการศึกษาหลักสูตรการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษา 2551 ฉบับปรับปรุง 2560 การพัฒนาผู้เรียนเพ่ือให้ตอบสนองต่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนแนวคิดทฤษฎีทางการศึกษาแบบ Active Learning 2. นักเรียนศึกษาเอกสารและสื่อที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ และค้นคว้าหาความรู้เพ่ิมเติมจากสื่อต่าง ๆ เพ่ือสร้างองค์ความรู้ 3. นักเรียนรวมกลุ่มกันคัดเลือกหัวข้อที่สนใจ จากสภาพปัญหาและความต้องการ ที่กลุ่มช่วยกันคิดข้ึน เขียนเป็นโครงร่างโครงงานส่งครูที่ปรึกษา ประกอบด้วยครูวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. นักเรียนร่วมกันออกแบบวิธีการแก้ปัญหาของตนเอง พร้อมทั้งออกแบบวิธีการแก้ปัญหาตามเครื่องมือที่ตนเองเลือก 5. วางแผนการแก้ปัญหา ก าหนดระยะเวลาในการแก้ปัญหา งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือที่ช่วยให้สามารถแก้ปัญหาได้ 6. สร้างนวัตกรรม จากโครงงานสมองกล ทดสอบประสิทธิภาพ ปรับปรุงแก้ไขชิ้นงาน ตามกระบวนการออกแบบทางวิศวกรรม 7. น าเสนอโครงงานสมองกลของกลุ่มตนเองต่อหน้าคณะกรรมการและครูที่ปรึกษาโครงงานตามระยะเวลาที่ก าหนด ด้วยวิธีการน าเสนอที่กลุ่มเลือก พร้อมส่งรูปเล่มโครงงาน 8. ประเมินผลการจัดการเรียนรู้ ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประเมินสมรรถนะอ่าน คิด วิเคราะห์ ประเมินความพึงพอใจ 9. สรุปผล รายงานผล พร้อมเผยแพร่ผลการจัดกิจกรรม 3.2 กำรด ำเนินงำนตำมกิจกรรม (ตำมวงจร PDCA) 1. ข้ันเตรียมกำร (PLAN) 1.1 วิเคราะห์หลักสูตร ความต้องการและจุดเน้นของสถานศึกษา 1.2 ก าหนดจุดประสงค์ 1.3 จัดหางบประมาณ แผนงานโครงการ เพ่ือจัดโครงการพัฒนาศักยภาพครู และจัดซื้ออุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1.6 กระตุ้นนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง สร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง 1.7 ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ ออกแบบชิ้นงานร่วมกัน รวมถึงวิธีการวัดและประเมินผล 2. ขั้นด ำเนินกำร (Do) 2.1 จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้ออกแบบไว้ 2.2 นักเรียนสร้างโครงงานสมองกลฝังตัว 2.3 เยี่ยมชั้นเรียน/นิเทศการสอน 3. ขั้นตรวจสอบและประเมินผล (Check) 3.1 นักเรียนน าเสนอโครงงานสมองกลฝังตัว ต่อกลุ่ม PLC

5

3.2 ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประเมินสมรรถนะอ่าน คิด วิเคราะห์ ประเมินความพึงพอใจ 4. ขั้นสรุปและรำยงำนผล (Action) 4.1 ครูผู้สอน รายงานผลต่อกลุ่ม PLC 4.2 กลุ่ม PLC อภิปลายผลการจัดกิจกรรม ชี้แนะแนวทาง ข้อดี ข้อเสีย จุดแข็ง จุดอ่อนแนวทางการแก้ไข และพัฒนาเพิ่มเติม 4.3 ปรับปรุงและพัฒนา 4.4 รายงานผล 3.3 ประสิทธิภำพของกำรด ำเนินงำน นักเรียนแต่ละกลุ่มสามารถสร้างโครงงานสมองกลฝังตัวได้กลุ่มละ 1 โครงงานพร้อมทั้งจัดกิจกรรมน าเสนอโครงงานของห้อง 3.4 ขั้นประเมินผล ชิ้นงานที่ปรากฏ ความพึงพอใจของผู้เรียน 4. ผลกำรด ำเนินกำร 4.1 ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน - นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยในรายวิชาการเขียนโปรแกรม 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ร้อยละ 82.58 - นักเรียนมีความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาการเขียนโปรแกรม 2 อยู่ในระดับดี ร้อยละ 90.04 - นักเรียนสามารถสร้างชิ้นงานจากโครงงานสมองกลฝังตัวได้กลุ่มละ 1 ชิ้นงาน 4.2 ผลที่เกิดขึ้นกับครู - ครูมีความรู้ความเข้าใจหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 2551 ฉบับปรับปรุง 2560 - ครูมีความรู้ความเข้าใจในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 - ครมีูแบบจ าลองเพ่ือเป็นสื่อในการเรียนรู้ รายวิชาการเขียนโปรแกรม 2 - พัฒนาตนเองสู่ความเป็นครูมืออาชีพ 4.3 ผลที่เกิดขึ้นกับโรงเรียน - เครือข่ายการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) - โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้ทางด้านเทคโนโลยีที่หลากหลาย - เป็นที่ยอมรับ ศรัทธา ของผู้ปกครอง ชุมชน 4.4 ผลที่เกิดขึ้นกับชุมชน - มีความเชื่อม่ันต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน - ชุมชนได้รับเยาวชนที่มีคุณภาพ มีความกระตือรือร้น และรับผิดชอบ

6

5. ปัจจัยควำมส ำเร็จ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความส าเร็จนวัตกรรมการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมโดยการใช้โครงงานสมองกลเป็นฐาน เพ่ือความเป็นเลิศในครั้งนี้ ได้แก่ 5.1 ผู้เรียน 1. ผู้เรียนกระหายในความรู้ เกิดการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด นักเรียนสามารถต่อยอดชิ้นงานได้เองจากสื่อตัวอย่างที่ครูจัดสร้างข้ึน และจากอุปกรณ์ที่ทางโรงเรียนจัดงบประมาณสนับสนุนให้มี 5.2 ครู 1. ครูผู้สอนได้เห็นความส าคัญของการเปลี่ยนแปลงของหลักสูตรและคุณภาพผู้เรียนของนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างเครื่องมือที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับนักเรียน เครือข่ายการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา 2. ครูผู้สอนพัฒนาตนเองอยู่อย่างสม่ าเสมอ 3. ครูผู้สอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ร่วมมือร่วมใจกันในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ลดภาระงานให้นักเรียน โดยชิ้นงาน 1 ชิ้นสามารถตัดสินได้มากกว่า 1 รายวิชา 5.3 โรงเรียน 1. งบประมาณและวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ผู้บริหารสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณในการจัดกิจกรรมโครงการ Best Practice และจัดสรรงบประมาณในการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ ในการจัดการเรียนรู้ 2. สนับสนุนให้ครูได้พัฒนาตนเองในสิ่งที่ชอบ และถูกต้อง 3. ส่งเสริมครูในการพัฒนานวัตกรรม 5.4 ชุมชน 1. ผู้ปกครองสนับสนุน ให้นักเรียนมีการพัฒนาตนเอง

6. บทเรียนที่ได้รับ

จากนวัตกรรมการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมโดยการใช้โครงงานสมองกลเป็นฐาน เพ่ือความเป็นเลิศในครั้งนี้ ได้รับบทเรียนดังนี้ 6.1 ข้อสรุป 1. นักเรียนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีความกระหายในความรู้ใหม่ ๆ และสามารถสืบเสาะหาความรู้ได้ด้วยตนเอง 2. ครูได้พัฒนาตนเองตามแนวทางของชุมชนแห่งการเรียนรู้ PLC มีการบูรณาการการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาต่าง ๆ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 เพ่ือลดภาระงานให้กับนักเรียน 3. นักเรียนมีสมรรถนะด้านการคิดวิเคราะห์ 4. นักเรียนมีสมรรถนะด้านการใช้เทคโนโลยี 5. นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามมาตรฐานของโรงเรียน

7

6.2 ข้อสังเกต 1. การที่โรงเรียนเข้าใจและเห็นความส าคัญของการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล ท าให้การด าเนินการเป็นไปได้อย่างสะดวก ราบรื่น และคล่องตัว 2. หากผู้เรียนมีความชอบ อยากรู้อยากเห็นในเรื่องใด ด้วยตัวของเขาเองแล้วการจัดการเรียนรู้ก็เป็นไปได้โดยง่าย 3. การใช้อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์มีข้อควรระวังในหลาย ๆ อย่าง แต่ละประเภทแต่ละชนิดมีข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวังที่แตกต่างกัน 6.3 ข้อเสนอแนะ 1. ในการน านวัตกรรมการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมโดยการใช้โครงงานสมองกลเป็นฐานไปใช้ครูจะต้องกระหายใคร่รู้มีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา เพ่ือให้ก้าวทันเทคโนโลยี และเกิดการตื่นตัวเป็นแบบอย่างท่ีดีให้แก่ผู้เรียนได้ เพ่ือสร้างผู้เรียนให้เป็นคนอยากรู้อยากเห็นในทางที่ถูกต้อง 2. ครูจะต้องปรับตัวให้เป็นผู้อ านวยความสะดวกในชั้นเรียน ไม่ใช่แต่เพียงผู้สอนความรู้ 3. หากผู้บริหารยังไม่เห็นความส าคัญครูต้องหาข้อมูลเพ่ือปรับความเข้าใจและพูดคุยรายละเอียดให้ผู้บริหารรับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ 4. ผู้สอนจะต้องมีเวลาว่างและเปิดใจเมื่อนักเรียนเข้ามาปรึกษาการท าโครงงาน 5. ผู้สอนจะต้องมีเครือข่ายครูข้ามกลุ่มสาระโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และงานช่าง เพราะการท าโครงงานหนึ่งชิ้นงานจะต้องใช้ความรู้ที่หลากหลาย 6. ผู้สอนต้องมีช่องทางการสื่อสารกับผู้เรียนที่หลากหลาย เช่น Google Classroom, กลุ่ม Line, Facebook fanpage เป็นต้น 7. ในการท าโครงงานผู้เรียนอาจจะติดขัดในเรื่องคอมพิวเตอร์ ผู้สอนอาจจะแนะน าให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่าน Application บนโทรศัพท์บ้าง เช่น ArduinoDroid, CppDroid และอ่ืน ๆ 6.4 ข้อควรระวัง 1. ผู้เรียนแต่ละห้องเรียนมีความแตกต่างกัน ทั้งในด้านกระบวนการเรียนรู้ และความชื่นชอบ ความสนใจ ดังนั้นการจัดการเรียนรู้รูปแบบเดียวกันอาจจะใช้ไม่ได้กับทุกห้องเรียน ทุกแผนการเรียน ครูจึงควรปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละกลุ่ม 2. ความรู้ของปีนี้อาจจะตกยุคในปีถัดไป เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 3. เทคโนโลยี อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ และเครื่องมือแต่ละอย่างมีข้อจ ากัดและข้อควรระวัง ครูควรบอกข้อควรระวังให้ผู้เรียนทราบ และก าชับเป็นสิ่งส าคัญ 4. ความคาดหวังของตัวครูผู้สอนที่มีต่อชิ้นงานของนักเรียน

8

7. กำรเผยแพร่ 7.1 กำรเผยแพร่ - เผยแพร่ให้แก่คณะครูในโรงเรียนผ่านกระบวนการ PLC, Show & Share - เผยแพร่ในเว็บไซท์โรงเรียนเวียงสระ - เผยแพร่คลิปการน าเสนอของผู้เรียนใน YouTube https://www.youtube.com/watch?v=qMspYG1bevc 7.2 กำรยอมรับ - เป็นวิทยากรและคณะท างานในการจัดอบรมครูการจัดการเรียนรู้โครงงานสมองกลฝังตัว ให้แก่คณะครูโรงเรียนเวียงสระ - เป็นวิทยากรการเขียนโปรแกรมภาษา C เบื้องต้นให้แก่นักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาจุฬาภรณ์ ปีการศึกษา 2562 ระหว่างวันที่ 25 – 26 สิงหาคม 2561 - เป็นวิทยากรร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการอบรม IOT ให้แก่นักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาจุฬาภรณ์ ระหว่างวันที่ 30 – 31 มีนาคม 2562 7.3 รำงวัลที่ได้รับ - ปีกำรศึกษำ 2561 ได้รับรางวัลเหรียญเงิน กิจกรรมการแข่งขันโครงงานสะเต็มศึกษาและกล่องสมองกล (STEM & IPST Microbox Project) น าเสนอภาษาไทย ม.4- 6 งาน “พัฒนาก้าวล้ า นวัตกรรมเทคโนโลยี 46ICT ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ” ของกลุ่มโรงเรียนผู้น า 46ICT โรงเรียนในฝันและเครือข่าย ระหว่างวันที่ 9 – 11 กันยายน 2561 ณ โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี - รางวัลระดับโรงเรียนครูผู้สอนดีเด่นกลุ่มสาระเทคโนโลยี ปีการศึกษา 2561

ภำคผนวก

10

ตำรำงเปรียบเทียบระดับผลกำรเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 5/1

รำยวิชำกำรเขียนโปรแกรม 1 และรำยวิชำกำรเขียนโปรแกรม 2 ปีกำรศึกษำ 2561

ภำคเรียน ระดับผลกำรเรียน

4 3.5 3 2.5 2 1.5 0 ร ภาคเรียนที่ 1 14 6 12 1 0 0 0 0

ภาคเรียนที่ 2 27 3 0 3 0 0 0 0

0

5

10

15

20

25

30

4 3.5 3 2.5 2 1.5 0 ร

ภาคเรียนที่ 1 ภาคเรียนที่ 2

11

ผลกำรประเมินควำมพึงพอใจกำรจัดกำรเรียนรู้ รำยวิชำกำรเขียนโปรแกรม 2 ง30244 ภำคเรียนที่ 2 ปีกำรศึกษำ 2561

ด้ำนประชำกร ตำรำงแสดง จ านวนประชากรของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ตอบแบบประเมินความ พึงพอใจในการจัดการเรียนรู้รายวิชาการเขียนโปรแกรม 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561

เพศ จ ำนวน ร้อยละ ชาย 14 57.6 หญิง 19 42.4 รวม 33 100

จากตารางแสดงให้เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายที่ตอบแบบสอบถามจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จ านวน 33 คน ประชากรส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จ านวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 42.4 เพศชาย จ านวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 42.4 ด้ำนควำมพึงพอใจ ตารางแสดง ความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้รายวิชาการเขียนโปรแกรม 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561

รำยกำร ระดับควำมพึงพอใจ

เฉลี่ย ควำม หมำย 5 4 3 2 1

1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ชัดเจน 24 8 1 4.70 มากที่สุด 2. กิจกรรมการเรียนรู้สนุกและน่าสนใจ 32 1 4.97 มากที่สุด 3. เนื้อหาที่สอนทันสมัยเสมอ 28 4 1 4.82 มากที่สุด 4. ครูใช้สื่อประกอบการสอน 27 5 4.70 มากที่สุด 5. ครูใช้สื่อ ICT ในการจัดการเรียนการสอน 29 4 4.88 มากที่สุด 6. ครูใช้ค าถามถามนักเรียนบ่อยๆ 18 15 4.55 มากที่สุด 7. ครูประยุกต์สาระที่สอนเข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน/สภาพแวดล้อม

22 11 4.67 มากที่สุด

8. ครูส่งเสริมให้นักเรียนคิดริเริ่มและรู้จักวิพากษ์วิจารณ์ 22 10 1 4.64 มากที่สุด 9. ครูยอมรับความคิดเห็นของนักเรียนที่ต่างไปจากครู 21 9 3 4.55 มากที่สุด 10. ครูให้นักเรียนท างานร่วมกันทั้งกลุ่มและรายบุคคล 27 5 4.70 มากที่สุด 11. ครูให้นักเรียนแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 19 14 4.58 มากที่สุด 12. ครูให้โอกาสนักเรียนซักถามปัญหา 19 12 2 4.52 มากที่สุด 13. ครูคอยกระตุ้นให้นักเรียนตื่นตัวในการเรียนเสมอ 22 11 4.67 มากที่สุด 14. ครูให้ความสนใจนักเรียนขณะสอนทั่วถึงทุกคน 24 8 1 4.70 มากที่สุด

12

รำยกำร ระดับควำมพึงพอใจ

เฉลี่ย ควำม หมำย 5 4 3 2 1

15. ครูให้ความช่วยเหลือหรืออ านวยความสะดวกแก่นักเรียนในการเรียน

25 8 4.76 มากที่สุด

16. นักเรียนทราบเกณฑ์การวัดและประเมินผลล่วงหน้า 23 10 4.70 มากที่สุด 17. นักเรียนมีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผลล่วงหน้า

20 12 1 4.58 มากที่สุด

18. ครูประเมินผลการเรียนอย่างยุติธรรม 27 6 4.82 มากที่สุด 19. ครูมีความตั้งใจในการสอน 29 4 4.88 มากที่สุด 20. บุคลิกภาพ การแต่งกายและการพูดจาของครูเหมาะสม

26 7 4.79 มากที่สุด

21. ครูเข้าสอนและออกตรงตามเวลา 27 6 4.82 มากที่สุด 22. ครูสามารถควบคุมอารมณ์และตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆ

29 3 1 4.85 มากที่สุด

23. ครูสอดแทรกคุณธรรม จริยะธรรมในการจัดการเรียนการสอน

24 9 4.73 มากที่สุด

24. ครูสอดแทรกความมีวินัยในตนเองให้กับนักเรียนในการจัดการเรียนการสอน

27 6 4.82 มากที่สุด

25. ครูประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียน 29 4 4.88 มากที่สุด 4.79 มากที่สุด

จากตารางแสดงความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้รายวิชาการเขียนโปรแกรม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ที่ 4.79 คิดเป็นร้อยละ 95.08 อยู่ในระดับมากที่สุด โดยประเด็นที่ผู้เรียนให้คะแนนมากที่สุดอยู่ที่ กิจกรรมการเรียนรู้สนุกและน่าสนใจ 4.97 ระดับมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ครูใช้สื่อ ICT ในการจัดการเรียนการสอน ครูมีความตั้งใจในการสอน และครูประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียน มีคะแนนเท่ากันคือ 4.88 ในระดับดีมาก ส่วนระดับที่ได้คะแนนน้อยที่สุดอยู่ที่ ครูให้โอกาสนักเรียนซักถามปัญหา 4.52

13

เสียงจำกผู้เรียน

สิ่งท่ีนักเรียนอยำกให้มีในชั้นเรียน

o อยากให้มีสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพ่ิมเติมอีกเยอะๆ o อุปกรณ์ที่ทันสมัยกว่านี้ o เกมส์ผ่อนคลาย o เล่นเกม o คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและอินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วเพ่ือการเรียนค่ะ o อยากให้มีอุปกรณ์เยอะ ๆ

สิ่งท่ีนักเรียนประทับใจ

o คุณครูสอนดีมาก o ความข าขันของครู o สื่อการสอน o คุณครูสอนดีสนุกและเป็นกันเอง

14

กำรบริกำรช้ันเรียน

15

กำรเผยแพร ่