Download - sense organs

Transcript
Page 1: sense organs

อวัยวะรับสัมผัสSense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 1โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 2: sense organs

นัยน์ตากับการมองเห็นตาคน ลักษณะกลมอยู่ในเบา้ตา มีเยื่อบางๆ ยึดลูกตาไว้หลวมๆ หนังตาบนปิดชิดหนังตาล่างเพื่อป้องกันอันตรายให้ลูกตา มีต่อมน้้าตาที่ขอบบนของหางตาซึ่งมีท่อน้้าตามาปิดเข้าลูกนัยน์ตาเพื่อหล่อเลี้ยงลูกตาให้ชุ่มชื้นเสมอ น้้าตามีสารช่วยฆ่าจุลินทรีย์และมีน้้ามันช่วยเคลือบลูกตา บริเวณหัวตามีช่องให้น้้าตาออกไปยังโพรงจมูกเพื่อขับทิ้ง

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 2โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 3: sense organs

ผนังลูกตาประกอบด้วยเนื้อเย่ือ 3 ชั้น คือ1. ชั้นนอก (sclera หรือ sclerotic coat) เป็น fibrous tissue ไม่ยืดหยุ่น

ผนังหนามีสีขาวขุ่นท้าให้ลูกตาคงรูปได้ และมีส่วนใสๆนูนออกมา เรียก กระจกตา (cornea) มีสารจาก oil gland ท้าให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ

2. ชั้นกลาง (choroid coat) มีหลอดเลือดมาเลี้ยง มีส่วนที่ยื่นออกไปด้านหน้าเรียกว่า ciliary body ท้าหน้าที่สร้างของเหลวเรียก aqueous humor ส่งไปในช่องว่างของลูกตาด้านหน้าเลนส ์และมีรงควัตถุแผ่กระจายในชั้นน้ีมาก เพื่อมิให้แสงสว่างทะลุผ่านชั้นเรตินาไปยังด้านหลังโดยตรง และมีม่านตา (iris) และพิวพิล (pupil) เป็นทางให้แสงเข้าไปภายในตา

3. ชั้นใน (retina) เป็นบริเวณที่มีเซลล์รับแสงซึ่งมีรูปร่างต่างๆกัน คือ เซลล์รูปแท่ง(rod cell) และเซลล์รูปกรวย(cone cell)คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 3โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 4: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 4โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 5: sense organs

เซลล์รูปแท่ง (rod cell) รูปร่างยาวเป็นเซลล์รับแสงสว่างที่ไวมากบอกความมืดและความสว่าง ภายในมีสารสีม่วงแดงชื่อ โรดอปซิน (rhodopsin) ถ้าพิการหรือท้างานผิดปกตจิะเป็นโรคตาบอดกลางคืน (night blindness) เซลล์รูปกรวย (cone cell) รูปร่างเป็นรูปกรวย เป็นเซลล์ที่บอกความแตกต่างของสีแต่ต้องการแสงสว่างมาก แบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ รับแสงสีแดง รับแสงสีเขียว และรับแสงสีน้้าเงิน เมื่อเซลล์รูปกรวยได้รับการกระตุ้นพร้อมๆ กันด้วยความเข้มของแสงต่างๆกัน เกิดการผสมเป็นสีต่างๆขึ้น ถ้าพิการจะเป็นโรคตาบอดสี (colourblindness) ซึ่งพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยผู้ชายจะมีโอกาสเป็นโรคตาบอดสี 1 ใน 20 ส่วนผู้หญิงจะพบตาบอดสี 1 ใน 200คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 5โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 6: sense organs

ข้างหนึ่งจะมีเซลล์รูปแท่งประมาณ 125 ลา้นเซลล์และเซลล์รูปกรวยประมาณ 7 ล้านเซลล์คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 6โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 7: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 7โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 8: sense organs

บริเวณเรตินา อาจแบ่งได้เป็น 2 บริเวณ คือ 1. โฟเวีย (fovea) มีเซลล์รูปกรวยหนาแน่นกว่าบริเวณอื่น เห็นภาพชัดเจน 2. จุดบอด (blind spot) ไม่มีเซลล์รับแสงสว่างเลย ภาพที่ตกบริเวณนี้จึง

มองไม่เห็น ซึ่งเป็นบริเวณทางออกของเส้นประสาทตาไปสู่สมองส่วนประกอบอื่นๆ ของนัยน์ตา 1. แก้วตา (lens) หดตัว พองตัว และยืดหยุ่นได้ ด้านในโค้งมากกว่าด้านนอก

มีหน้าที่โฟกัสภาพให้ชัดบนเรตินา 2. ช่องภายในลูกตา (vitreous chamber) มีของเหลวเป็นเมือกใสเหนียว

มีค่าดัชนีหักเหของแสงสูงมากเรียก vitreous humor

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 8โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 9: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 9โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 10: sense organs

ความผิดปกติของสายตา

สายตาคนปกติมองวัตถุโดยไม่ต้องเพ่ง จะมองเห็นวัตถุชัดในระยะที่ใกล้สุดประมาณ 25 เซนติเมตร และระยะไกลสุดที่สามารถเห็นได้ชัดคือ ระยะอนันต์

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 10โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 11: sense organs

คนสายตาสั้น คือ คนที่มองวัตถุได้ชดัเจนในระยะใกล้กว่า 25 เซนติเมตรสาเหตุของสายตาสั้น คือ

1. กระบอกตายาวเกินไป ท้าให้ภาพที่ไปตกจะตกก่อนถึงเรตินา (จอตา)2. เลนส์ตานูนเกินไปหรือกระจกตาโค้งมากเกินไป ท้าให้ภาพของวัตถุที่ไปตกจะตก

ก่อนถึงเรตินา (จอตา) วิธแีก้คนสายตาสั้น ใช้แว่นที่ท้าด้วยเลนส์เว้า

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 11โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 12: sense organs

คนสายตายาว คือ คนที่มองวัตถุได้ชดัเจนในระยะไกลกว่า 25 เซนติเมตรสาเหตุของสายตายาว คือ

1. กระบอกตาสั้นเกินไป ท้าให้ภาพที่ไปตกจะตกเลยเรตินา (จอตา) ออกไป2. เลนส์ตาแฟบเกินไปหรือกระจกตาโค้งน้อยเกินไป ท้าให้ภาพของวัตถุตกเลย

เรตินา (จอตา) ออกไป วิธแีก้คนสายตายาว ใช้แว่นท้าด้วยเลนส์นูน

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 12โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 13: sense organs

สายตาเอียง เกิดจากความโค้งของกระจกตาหรือเลนส์ ไม่เป็นผิวของทรงกลม ท้าให้มองเห็นวัตถุชัดเพียงแนวเดียว ซึ่งอาจจะเห็นชัดในแนวดิ่งแต่เห็นไม่ชัดในแนวระดับ หรือเห็นชัดในแนวระดับแต่เห็นไม่ชัดในแนวดิ่ง วิธแีก้สายตาเอียง ใช้แว่นที่ท้าด้วยเลนส์กาบกล้วย ชนิดเว้าและชนิดนูน

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 13โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 14: sense organs

หูกับการได้ยินและการทรงตัวหู เป็นอวัยวะรับเสียง มีหน้าที่รับความถี่ของคลื่นเสียงในระดับต่างๆ และท้าหน้าที่ เกี่ยวกับการทรงตัว แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ หูส่วนนอก หูส่วนกลาง และหูส่วนใน

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 14โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 15: sense organs

หูส่วนนอก ประกอบด้วย1. ใบหู (pinna) ท้าหน้าที่รับคลื่นเสียงจากภายนอกให้ผ่านช่องหู ใบหูเป็น

กระดูกอ่อน2. รูหู (external auditory canal) มีหน้าที่รวมเสียงไปสู่แก้วหู ภายในมีขน

และต่อมขี้หูท้าหน้าที่สร้างสารคล้ายขี้ผึ้งเคลือบไว้ ป้องกันผนังรูหูไม่ให้แห้ง ถ้ามีมากจะสะสมรวมกับ ผิวหนังในรูหู และฝุ่นละอองหลุดออกมาเป็นขี้หู

3. เยื่อแก้วหู (eardrum) เป็นเยื่อบางๆ กั้นระหว่างหูส่วนนอกกับหูส่วนกลาง เมื่อคลื่นเสียงกระทบเยื่อแก้วหูท้าให้เกิดการส่ันสะเทือน และส่งต่อแรงสั่นสะเทือนเข้าไปในหูส่วนกลาง

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 15โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 16: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 16โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 17: sense organs

หูส่วนกลาง ประกอบด้วย1. กระดูกค้อน (malleus) กระดูกทั่ง (incus) กระดูกโกลน (stapes) ท้าหน้าที่ ขยายคลื่นเสียงใหเ้พิ่มขึ้น 20 เท่า และส่งต่อแรงสั่นสะเทือนไปยัง หูส่วนใน2. หลอดยูสเตเชียน (eustachian tube) เป็นโพรงต่อระหว่างหูส่วนกลางกับคอหอย มีหน้าที่ปรับความดันระหว่างภายในกบัภายนอกร่างกาย

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 17โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 18: sense organs

หูส่วนใน ประกอบด้วย1.คอเคลีย (cochlea) เป็นท่อขดคล้ายก้นหอยภายในมีของเหลวและปลายประสาท รับเสียง พลังงานไฟฟ้า ศูนยร์ับเสียงในสมอง2.หลอดครึ่งวงกลม (semi circular canal) เป็นหลอดครึ่งวงกลม 3 หลอดวางตั้งฉากกัน ภายในมีของเหลวบรรจุอยู่ ที่โคนหลอดมีกระเปาะโป่งออกมาเป็นที่อยู่ของหมู่เซลล์รับความรู้สึก รับรู้การเคลื่อนไหวในแนวราบและการหมุนตัว ประสาทรับฟัง น้ากระแสประสาทไปยังก้านสมอง และไปยังเซรีเบลลัมซึ่งจะส่งกระแสประสาทกระตุ้นการท้างานของ กล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการทรงตัว เพื่อรับรู้เกี่ยวกับต้าแหน่งและความสมดุลของร่างกาย เพื่อให้เกิดการตอบสนองอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 18โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 19: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 19โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 20: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 20โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 21: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 21โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 22: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 22โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 23: sense organs

จมูกกับการดมกลิ่น

จมูกแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้1. ส่วนเวสติบูลาร์ (vestibular region) เป็นส่วนแรกของลมหายใจเข้า

ภายในมีขนจมูกส้าหรับกรองฝุ่นละออง และต่อมน้้ามัน2. ส่วนหายใจ (respiratory region) ภายในมีต่อมเมือกและหลอดเลือดฝอย3. ส่วนดมกลิ่น (olfactory region) ภายในมีเซลล์รับกลิ่น (olfactory

cell) ติดต่อกับออลแฟกทอรีบัลบ์ (olfactory bulb) และเส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 ท้าหน้าที่เกี่ยวกบัการรับกลิ่น

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 23โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 24: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 24โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 25: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 25โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 26: sense organs

ลิ้นกับการรับรส ด้านบนของลิ้นมีปุ่มเล็กๆ จ้านวนมาก เรียก พาพิลลา (papilla) ภายในพาพิลลาประกอบด้วยตุ่มรับรส (taste bud) หลายอันท้าหน้าที่รับรส ตุ่มรับรสบนลิ้นมี 1 ตุ่ม สามารถรับรสได้ 1 รส ซึ่งรสพื้นฐานที่ตุ่มรับรสสามารถรับได้แบ่งออกเป็น 5 รสคือ รสเค็ม รสหวาน รสเปรี้ยว รสขม และ รสยูมามิ ซึ่งตุ่มเหล่านี้กระจายไปทั่วลิ้น ในบริเวณที่ต่างๆ กัน เมื่อเซลล์รับรสบริเวณตุ่มรับรสได้รับการกระตุ้น จะเกิดกระแสประสาทส่งไปตามเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 และคู่ที่ 9 ส่งไปยังศูนย์รับรสในเซรีบรัม

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 26โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 27: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 27โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 28: sense organs

ผิวหนังกับการรับความรู้สึก ผิวหนังเป็น nerve organ ที่มีพื้นที่มากที่สุด มีปลายประสาทมาก ปลายประสาทแต่ละเส้นรับความรู้สึกจากสิ่งเร้าต่างชนิดกัน ซึ่งปลายประสาทท้าหน้าที่รับความรู้สึกต่าง ๆ จะอยู่บริเวณชั้นผิวหนังที่แตกต่างกัน

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 28โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 29: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 29โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

Page 30: sense organs

คุณครูธนัยมลธ์ จตุรวิทยก์ุล 30โรงเรียนสตรีวทิยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร


Top Related