วิธีดําเนินการวิจัย - naresuan university · 2011. 11. 2. ·...

บทท่ี 3

วิธีดําเนินการวิจัย

การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจดัการเรียนแบบวัฏจักร

การสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพื่อสงเสริมความสามารถในการ

คิดวิเคราะห เรื่อง น้ํา ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 ครั้งนี้ เปนการ

ศึกษาวิจัยในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ซึ่งมีข้ันตอนการ

ดําเนินการ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 การสรางและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธี

จัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริม

ความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 5

ขั้นตอนที่ 2 การเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห กอนเรียนและหลังเรียน

ดวยชุดกจิกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู

5 ข้ันตอน และเทคนคิผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา

และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 5

ขั้นตอนที่ 3 การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรม

การเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอนและ

เทคนิคผังมโนทัศน เพื่อสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เรื่อง น้ํา ฟา และดวงดาว

สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5

ข้ันตอนท่ี 1 การสรางและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร

โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวฏัจักรการสบืเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิค

ผังมโนทัศน เพื่อสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว

สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5

ข้ันตอนนี้มีจุดมุงหมายเพื่อสรางและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู

วิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน และเทคนิค

ผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว

สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5

83

แหลงขอมูล

1. ผูเชี่ยวชาญ จํานวน 5 ทาน ตรวจสอบความเหมาะสมขององคประกอบ

ของชุดกิจกรรมการเรียนรูในดานตาง ๆ ซ่ึงมีรายนาม ดังน้ี

1.1 ดร.อังคณา ออนธานี อาจารยประจําภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร

มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

1.2 นายสุรินทร จุลบุตร ศึกษานิเทศกชํานาญการพิเศษ สํานักงานเขตพ้ืนท่ี

การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 จังหวัดพิจิตร

1.3 นางพีรภัฏ ศรีมา ครูชํานาญการพิเศษ โรงเรียนวัดจันทรตะวันตก มิตรภาพ

ที่ 73 จังหวัดพิษณุโลก

1.4 นางพจนยี รอดซุง ครูชํานาญการ โรงเรียนบานปา(บิลประชาอาสรรค)

จังหวัดพษิณุโลก

1.4 นางวรรณวนิดา เกษหอม ครูชํานาญการ โรงเรียนบานปา(บิลประชา-

อาสรรค) จังหวัดพิษณุโลก

2. นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปที่ 5 ท่ีใชในการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม

การเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอนและ

เทคนคิผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟาและดวงดาว สําหรับ

นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5

2.1 นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนบานปาแซง สังกัดสํานักงาน

เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต1 ปการศึกษา 2553 จํานวน 3 คน ประกอบดวย

นักเรียนเกง จํานวน 1 คน ปานกลาง 1 คน และออน 1 คน สําหรับตรวจสอบภาษา เวลาและ

ปญหาที่พบในการใชชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักร


คิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนชัน้ประถมศึกษาปท่ี 5

2.2 นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนบานสุขสําราญ สังกัดสํานักงาน

เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 ปการศึกษา 2553 จํานวน 9 คน ประกอบดวย

นักเรียนเกง จํานวน 3 คน ปานกลาง 3 คน และออน 3 คน สําหรับหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม

การเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน และ

เทคนคิผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับ


84

2.3 นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนบานหนองโสน สังกัดสํานักงาน

เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 ปการศึกษา 2553 จํานวน 30 คน สําหรับหา

ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักร

การสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนคิผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการ

คิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 5

ตัวแปรที่ศึกษา

1. ความเหมาะสมของชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียน

แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคแผนผังมโนทัศน เพื่อสงเสริม


2. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียน

แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคแผนผังมโนทัศน เ พ่ือสงเสริม

ความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนชัน้ประถมศึกษาปท่ี 5

เคร่ืองมือท่ีใชในการหาประสทิธิภาพของชุดกิจกรรม

1. ชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะ

หาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนคิผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห

เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 5

2. แบบประเมินความเหมาะสมของชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัด

การเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพื่อสงเสริม

ความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5

(สําหรับผูเช่ียวชาญ)

การสรางชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักร

การสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคแผนผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถ

ในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5

1. ศึกษามาตรฐานการเรียนรู ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู ขอบขายเน้ือหา

หนวยการเรียนรู เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ช้ันประถมศึกษา

ปที่ 5 ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551

85

2. วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรู ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู กิจกรรมการเรียนรู

และเวลาเรียน

ตาราง 1 แสดงมาตรฐานการเรียนรู ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรูแกนกลาง กิจกรรม

การเรียนรู และเวลาเรียนมาตรฐานการเรียนรู

มาตรฐาน ว 6. 1 เขาใจกระบวนการตาง ๆที่เกิดขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธ

ของกระบวนการตางๆ ท่ีมีผลตอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก

มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู และนําความรู

ไปใชประโยชน

มาตรฐาน ว 7.1 เขาใจวิวัฒนาการของระบบสุริยะ กาแล็กซีและเอกภพ การปฏิสัมพันธ

ภายในระบบสุริยะและผลตอส่ิงมีชีวิตบนโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู

และจิตวิทยาศาสตร การส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรูและนําความรูไปใชประโยชน

ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรูกจิกรรม

การเรียนรู

เวลา

(ชัว่โมง)

ทดสอบกอนเรียน 1

1. สํารวจ ทดลองและ

อธิบายการเกดิเมฆ

หมอก นํ้าคาง ฝน

และลูกเหบ็

- ไอนํ้าในอากาศ

ที่ควบแนนเปนละอองน้ํา

เล็กๆ ทําใหเกิดหมอกและเมฆ

ละอองนํ้าเล็ก ๆ ท่ีรวมกันเปน

หยดน้ํา จะทําใหเกิดน้ําคาง

และฝน

- หยดน้ําที่กลายเปนน้ําแข็ง

แลวถูกพายุพัดวนในเมฆ

ระดับสูง จนเปนกอนนํ้าแข็ง

ขนาดใหญข้ึนแลวตกลงมา

ทําใหเกิดลกูเห็บ

กิจกรรมการเรียนรู

ชุดที่ 1

4

2. ทดลองและอธิบาย

การเกิดวัฏจักรน้ํา

- วัฏจักรน้ําเกิดจากการ

หมุนเวยีนอยางตอเนื่อง

ระหวางนํ้าบริเวณผิวโลกกับ

นํ้าในบรรยากาศ



2

86

ตาราง 1 (ตอ)

ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู กจิกรรม


เวลา


3. ออกแบบและสราง

เคร่ืองมืออยางงาย

ในการวัดอุณหภูมิ

ความช้ืน และความกด

อากาศ

- อุณหภูมิ ความช้ืน

ความกดอากาศ มีการ

เปลีย่นแปลง ซึง่สามารถ

ตรวจสอบ โดยใชเคร่ืองมือ

อยางงายได



3

4. ทดลองและอธิบาย

การเกิดลมและนําความรู


ในชวิีตประจําวัน

- การเกิดลมเกดิจากการ

เคล่ือนท่ีของอากาศ

ตามแนวพ้ืนราบ อากาศ

บริเวณ ที่มีอุณหภูมิสูง

มวลอากาศจะขยายตวั

ลอยตัวสูงข้ึน สวนอากาศ

บริเวณที่มีอุณหภูมิต่ํา

มวลอากาศจะจมตวัลง

และเคลื่อนที่ไปแทนที่

- พลังงานจากลมนําไปใช

ประโยชนไดมากมาย

ในดานการผลิตกระแสไฟฟา

และการทํากังหันลม



3

87


ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรูกจิกรรม


เวลา


5. สังเกตและอธิบาย

การเกิดทิศ และ

ปรากฏการณการข้ึนตก

ของดวงดาว โดยใช

แผนที่ดาว

- การท่ีโลกหมุนรอบตัวเองน้ี

ทําใหเกิดการกําหนดทิศ

โดยโลกหมุนรอบตัวเอง

ทวนเข็มนาฬิกาจากทิศ

ตะวันตกไปยงัทิศตะวนัออก

เมื่อสังเกตจากขั้วเหนือ

จึงปรากฏใหเห็นดวงอาทิตย

และดวงดาวตางๆ ข้ึนทาง

ทิศตะวันออก และตกทางทิศ

ตะวันตก แผนท่ีดาวชวย

ในการสังเกตตําแหนงดาว

บนทองฟา



4

ทดสอบหลังเรียน 1

88

3. ศึกษาหนังสือ วารสาร บทความ และงานวิจัยท่ีเก่ียวของกับทฤษฎีการคิดวิเคราะห

การสรางผังมโนทัศน การสรางชุดกจิกรรม และกระบวนการจัดการเรียนรูแบบสืบเสาะหาความรู

ตามแนวคิดของสถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (2544, หนา 79-80)

เพ่ือออกแบบชุดกิจกรรมการเรียนรู

ตาราง 2 แสดงความสมัพันธระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู กระบวนการเรียนรู

แบบสบืเสาะหาความรู เทคนิคผังมโนทัศน ทักษะการคิดวิเคราะห

ชุดกิจกรรม


กระบวนการเรียนรู/เทคนิค

ผังมโนทัศน

ทักษะการคิดวิเคราะห

ชุดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 1

เร่ือง ปรากฏการณ

ลม ฟา อากาศ

ขั้นที่ 1 ข้ันสรางความสนใจ

ขั้นที่ 2 ข้ันสํารวจและคนหา

ขั้นที่ 3 ข้ันอธิบายและลงขอสรุป

โดยใชผังมโนทัศน ชนิดปลายเปด

ขั้นที่ 4 ข้ันขยายความรู

ขั้นที่ 5 ข้ันประเมิน

1. การวิเคราะห

ความสําคัญหรือเนื้อหา


ความสัมพันธ


เชิงหลักการ


เร่ือง วัฏจักรนํ้า




โดยใชผังมโนทัศน ชนิดผสม










เร่ือง การเปล่ียนแปลง

ของอากาศ













89




กระบวนการเรียนรู/เทคนิค

ผังมโนทัศน



เร่ือง เรียนรูเร่ืองลม




โดยใชผังมโนทัศน ชนิดกระจาย

ออก










เร่ือง ทิศและการข้ึน – ตก

ของดวงดาว













4. ศึกษาแนวการออกแบบและผลิตส่ือการเรียนการสอน เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว

พรอมท้ังศึกษารูปแบบ ประเภท องคประกอบของชุดกิจกรรมการเรียนรู และการหาประสิทธิภาพ

ของชุดกิจกรรมการเรียนรู

5. กําหนดองคประกอบของชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียน

แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนคิผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถ

ในการคิดวิเคราะห เรื่อง น้ํา ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 ซึ่งสามารถ

กําหนดองคประกอบตาง ๆ ของชุดกิจกรรมการเรียนรู ไดดังนี้

4.1 ช่ือชุดกิจกรรม

4.2 คําช้ีแจงสําหรับครู

4.3 คําช้ีแจงสําหรับนักเรียน

4.4 จุดประสงค

90

4.5 รายการส่ือและอุปกรณสําหรับชุดกิจกรรมการเรียนรู

4.6 แผนการจัดการเรียนรู ประกอบดวย

4.6.1 หัวเร่ือง กําหนดเวลาเรียน

4.6.2 มาตรฐาน/ตัวชีวั้ด

4.6.3 สาระสําคัญ

4.6.4 สมรรถนะสําคัญ

4.6.5 คุณลักษณะอันพึงประสงค

4.6.6 จุดประสงคการเรียนรู

4.6.7 สาระการเรียนรู

4.6.8 หลักฐานการเรียนรู/การวัดและประเมินผล

4.6.9 กิจกรรมการเรียนรู มีกระบวนการเรียนรูท่ีสําคัญ ตามแบบวัฏจักร

การสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน ดงันี้

ข้ันที่ 1 ข้ันสรางความสนใจ

ข้ันที่ 2 ข้ันสํารวจและคนหา

ข้ันที่ 3 ข้ันอธิบายและลงขอสรุป โดยการเขียนผังมโนทัศน

ข้ันที่ 4 ข้ันขยายความรู

ข้ันที่ 5 ข้ันประเมิน

4.6.10 ส่ือ/แหลงการเรียนรู

4.7 บัตรคําส่ัง

4.8 บัตรเนือ้หา

4.9 บัตรกิจกรรม

4.10 แบบฝกหัดและเฉลยแบบฝกหัด

4.11 แบบทดสอบหลังเรียนและเฉลยแบบทดสอบหลังเรียน

6. ดําเนินการสรางชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียน

แบบวัฏจกัรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพื่อสงเสริมความสามารถ

ในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5 ประกอบดวย

ชุดกิจกรรมการเรียนรู จํานวน 5 ชุดยอย ไดแก

ชุดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 1 เร่ือง ปรากฏการณลม ฟา อากาศ

ชุดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 2 เร่ือง วัฏจักรนํ้า

91

ชุดกจิกรรมการเรียนรูท่ี 3 เร่ือง การเปล่ียนแปลงของอากาศ

ชุดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 4 เร่ือง เรียนรูเร่ืองลม

ชุดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 5 เร่ือง ทิศและการข้ึน-ตกของดวงดาว

7. นําชุดกจิกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักร


คิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5 ที่ผูศึกษาสรางขึ้น

แลวเสนออาจารยท่ีปรึกษา เพ่ือขอคําแนะนําในสวนท่ียังบกพรองและนํามาปรับปรุงแกไข

8. นําชุดกจิกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักร

การสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน ที่ปรับปรุงแกไขแลว ไปใหผูเชี่ยวชาญ

จํานวน 5 ทาน ตรวจสอบความเหมาะสมของชุดกิจกรรมการเรียนรู ในองคประกอบตางๆ

ของชุดกิจกรรมการเรียนรู แลวนํามาหาคาเฉลี่ย ( x ) คาเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และระดับ

ความเหมาะสม พบวา ชุดกิจกรรมการเรียนรูมีความเหมาะสมอยูในระดับมาก ( x = 4.49,

S.D.= 0.48)

9. นําชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักร

การสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน และเทคนิคผังมโนทัศน ปรับปรุงในสวนท่ีมีขอบกพรอง

ตามคําแนะนําของผูเช่ียวชาญ เพ่ือใหชุดกิจกรรมการเรียนรูมีความเหมาะสม

10. นําชุดกจิกรรม ท่ีไดปรับปรุงแกไขแลว ไปทดลองใชกับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5

โรงเรียนบานปาแซง สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต1 ปการศึกษา

2553 จํานวน 3 คน ประกอบดวย นักเรียนเกง จํานวน 1 คน ปานกลาง 1 คน และออน 1 คน

สําหรับตรวจสอบภาษา เวลา และปญหาทีพ่บในการใชชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใช

วิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพื่อสงเสริม


และนําขอบกพรองมาปรับปรุงแกไข

11. นําชุดกิจกรรม ท่ีไดปรับปรุงแกไขแลว ไปหาประสิทธิภาพกับนักเรียนชั้น

ประถมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนบานสุขสําราญ สังกัดสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิจิตร

เขต 1 ปการศึกษา 2553 จํานวน 9 คน ประกอบดวย นักเรียนเกง จํานวน 3 คน ปานกลาง 3 คน

และออน 3 คน สําหรับหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัด



92

เพื่อหาประสิทธิภาพตามเกณฑ 75/75 โดยชุดกิจกรรมการเรียนรูที่สรางขึ้นมีประสิทธิภาพ

81.12/75.78

12. นําชุดกิจกรรมการเรียนรูไปหาประสิทธิภาพกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5

โรงเรียนบานหนองโสน สังกัดสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 ปการศึกษา

2553 จํานวน 30 คน สําหรับหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตรโดยใชวิธี

จัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริม


เพื่อหาประสิทธิภาพตามเกณฑ 75/75 โดยชุดกิจกรรมการเรียนรูที่สรางขึ้นมีประสิทธิภาพ

81.71/76.07

การสรางแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

ผูศึกษาคนควาไดดําเนินการสรางแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5 ซึ่งผูศึกษาคนควาไดดําเนินการ

ตามกระบวนการสรางและหาคุณภาพของแบบทดสอบ เพ่ือใหไดแบบทดสอบท่ีมีคุณภาพ

ตามเกณฑ ดังนี้

1. ศึกษาเอกสาร หนังสือ ตําราและบทความท่ีเก่ียวของกับการสรางแบบทดสอบ

วัดความสามารถในการคิดวิเคราะห ตลอดจนลักษณะเฉพาะและวิธีการสรางแบบทดสอบ

2. จัดทาํตารางวิเคราะหขอสอบใหครอบคลุมความสามารถในการคิดวิเคราะห

ทั้ง 3 ดาน คือ การวิเคราะหความสําคัญหรือเน้ือหา การวิเคราะหความสัมพันธ การวิเคราะห


93

ตาราง 3 แสดงการวิเคราะหขอสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา

และดวงดาว กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร สําหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปที่ 5


ชุดกิจกรรม เวลา ตัวช้ีวัด

การ

วิเคราะห

ความ

สําคัญ

หรือเน้ือหา

การ


ความ

สัมพนัธ

การ


เชิง

หลักการ

รวม


การเรียนรูท่ี 1

เร่ือง

ปรากฏการณ

ลม ฟา อากาศ

5 ชม.

สํารวจ ทดลอง

และอธิบาย

การเกิดเมฆ

หมอก นํ้าคาง ฝน

และลูกเหบ็

4 4 4 12



เร่ือง วัฏจักรนํ้า2 ชม.

ทดลองและ

อธิบาย

การเกิดวัฏจักรน้ํา2 2 2 6



เร่ือง

การเปล่ียนแปลง

ของอากาศ

3 ชม.

ออกแบบและ

สรางเคร่ืองมือ

อยางงายในการ

วัดอณุหภูมิ

ความช้ืน

และความกด

อากาศ

3 3 3 9

94



ชุดกิจกรรม เวลา ตัวช้ีวัด

การ


ความ

สําคัญ

หรือเน้ือหา

การ


ความ

สัมพนัธ

การ


เชิง

หลักการ

รวม



เร่ือง เรียนรูเร่ือง

ลม

2 ชม.

ทดลองและ

อธิบายการเกดิ

ลมและนําความรู


ในชวิีตประจําวัน

2 2 2 6



เร่ือง ทิศและ

การข้ึน-ตก

ของดวงดาว

5 ชม.

สังเกตและ

อธิบาย

การเกิดทิศ

และปรากฏการณ

การข้ึนตกของ

ดวงดาว โดยใช

แผนที่ดาว

4 4 4 12

รวมจํานวนขอคาํถาม 15 15 15 45

3. ดําเนินการสรางแบบทดสอบวัด ชนิด 4 ตัวเลือก จํานวน 45 ขอ ตองการขอสอบ

แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห จํานวน 30 ขอ

4. นําแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะหท่ีสรางข้ึนใหอาจารยท่ีปรึกษา

ตรวจสอบ จากน้ันใหผูเช่ียวชาญ จํานวน 5 ทาน ตรวจสอบความสอดคลอง โดยกําหนดเกณฑ

การใหคะแนน ดังตอไปนี้

-1 เมื่อแนใจวา ขอสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

ไมสามารถวัดไดตรงตามลักษณะการคิดวิเคราะห

95

0 เม่ือไมแนใจวา ขอสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

สามารถวัดไดตรงตามลักษณะการคิดวิเคราะห

+1 เมื่อแนใจวา ขอสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

สามารถวัดไดตรงตามลักษณะการคิดวิเคราะห

5. นําผลการใหคะแนนมาทําการวิเคราะห เพ่ือคํานวณหาคาดัชนีความสอดคลอง

(Index of Item – Objective Congruence) และนําคาดัชนีความสอดคลอง (IOC)ที่คํานวณได

มาเทียบกับเกณฑ ดังนี้

คาดัชนีความสอดคลอง (IOC) มากกวาหรือเทากับ 0.50 หมายถึง

ขอสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะหมีความสอดคลองกับลักษณะการคิดวิเคราะห

คาดัชนีความสอดคลอง (IOC) นอยกวา 0.50 หมายถึง

ขอสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะหไมมีความสอดคลองกับลักษณะการคิดวิเคราะห

ไดคาดัชนีความสอดคลอง (IOC) ตั้งแต 0.50 ถึง 1.00 ทําการปรับปรุงขอสอบในขอที่

ไมเปนไปตามเกณฑ เชน ขอคําถามไมชัดเจน ไมตรงตามลักษณะการคิดวิเคราะห และนําไปให

ผูเชีย่วชาญ พิจารณาอีกคร้ัง

6. นําแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะหทีไ่ดปรับปรุงตามคําแนะนาํ

ของผูเชี่ยวชาญและมีคุณภาพเปนไปตามเกณฑแลว ไปทดลองใชกับนักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปที่ 5 ของโรงเรียนบานบึงเฒา สังกัดสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิจติร เขต 1

ปการศึกษา 2553 จํานวน 30 คน ซ่ึงผานการเรียนในเน้ือหามาแลว

7. นํากระดาษคําตอบมาตรวจใหคะแนน โดยขอสอบขอใดตอบถูกให 1 คะแนน ขอใด

ตอบผิดหรือไมถูก หรือตอบเกิน 1 คําตอบ ให 0 คะแนน รวมคะแนนของแตละคน แลวทําการ

วิเคราะหขอสอบเปนรายขอ เพ่ือหาคาอํานาจจําแนก โดยใชสูตรของ Brennan (บุญชม ศรีสะอาด,

2535, หนา 90) พบวาแบบทดสอบมีคาอํานาจจําแนกอยูระหวาง -0.11 ถึง 0.86 แลวดําเนินการ

คัดเลือกแบบทดสอบขอท่ีมีคาอํานาจจําแนกต้ังแต 0.20 ข้ึนไป ไดแบบทดสอบจํานวน 30 ขอ

8. นําแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห จํานวน 30 ขอไปทดสอบกับ

นักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 5 ซึ่งเปนนักเรียนกลุมเดิม และนํากระดาษคําตอบมาตรวจ

เพ่ือวิเคราะหหาคาความเท่ียง(Reliability) แบบอิงเกณฑ จากผลการทดสอบคร้ังเดียว โดยใชสูตร

ของโลเว็ต (เทียมจันทร พานิชยผลินไชย, 2539, หนา 199-201) โดยคาความเท่ียงท้ังฉบับท่ียอมรับ

มีคาตั้งแต ≥ 0.70 ข้ึนไป และจากการหาคาความเท่ียง พบวามีคาความเทีย่ง เทากับ 0.85

96

9. จัดพิมพเปนแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะหฉบับจริง เพ่ือใชในการ

เก็บรวบรวมขอมูล

การวิเคราะหขอมูล

ข้ันตอนการสรางและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู ผูศึกษาไดดําเนินการ

ดังนี้

1. วิเคราะหขอมูลจากการสรางชุดกิจกรรมการเรียนรู มีข้ันตอนดําเนินการ ดังน้ี

1.1 นําแบบตรวจประเมินสําหรับผูเช่ียวชาญ ท่ีมีตอความเหมาะสมของ

ชุดกิจกรรมการเรียนรูในดานตางๆ ที่ผูเชี่ยวชาญ 5 ทานประเมิน มาตรวจใหคะแนน โดยเกณฑ

การใหคะแนนจากการพิจารณาดังตอไปนี้

5 หมายถึง มีความเหมาะสมมากท่ีสุด

4 หมายถึง มีความเหมาะสมมาก

3 หมายถึง มีความเหมาะสมปานกลาง

2 หมายถึง มีความเหมาะสมนอย

1 หมายถึง มีความเหมาะสมนอยที่สุด

1.2 วิเคราะหขอมูล โดยการหาคาเฉล่ีย ( x ) และคาเบ่ียงเบนมาตรฐาน

(S.D.) และกําหนดคาเฉล่ียไว 5 ระดับ ในการแปลความหมายของคาเฉล่ีย โดยใชเกณฑของเบสท

(Best, 1981, p. 147 อางอิงใน นิตยาพร แซต้ัง และคณะ, 2550, หนา 64) ดังน้ี

คาเฉล่ีย ระหวาง 4.50 – 5.00 หมายถึง มีความเหมาะสมมากท่ีสุด

คาเฉล่ีย ระหวาง 3.50 – 4.49 หมายถงึ มีความเหมาะสมมาก

คาเฉล่ีย ระหวาง 2.50 – 3.49 หมายถงึ มีความเหมาะสมปานกลาง

คาเฉล่ีย ระหวาง 1.50 – 2.49 หมายถึง มีความเหมาะสมนอย

คาเฉล่ีย ระหวาง 1.00 – 1.49 หมายถึง มีความเหมาะสมนอยท่ีสุด

เกณฑข้ันตํ่าในการพิจารณาความเหมาะสมของชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร

โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน และเทคนิคผังมโนทัศน

เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เรื่อง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปที่ 5 คือ มีคาเฉล่ีย ( x ) ต้ังแต 3.50 ข้ึนไป และคาเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ไมเกิน 1.00

97

2. การหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู โดยใชเกณฑ 75/75 ผูศึกษาคนควา

ไดวิเคราะห จากสูตร E1/E2

2.1 หาคาเฉล่ียรอยละของคะแนนท่ีนักเรียนทําไดจากการทํากิจกรรม

การทําแบบฝกหัด ของชุดกิจกรรมการเรียนรูแตละชุด (E1)

2.2 หาคาเฉล่ียรอยละของคะแนนท่ีนักเรียนทําไดจากการทําแบบทดสอบหลังเรียน

ดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูแตละชุด (E2)

สถิติท่ีใชในการวิจัย

1. สถิติท่ีใชในการหาความเหมาะสมในองคประกอบตาง ๆ ของชุดกิจกรรมการเรียนรู

คํานวณไดจาก

1.1 คาเฉล่ีย (บุญชม ศรีสะอาด, 2535, หนา 102)

x =N

xå

เม่ือ x แทน คาเฉล่ีย

å x แทน ผลรวมของคะแนน

N แทน จํานวนขอมูลทั้งหมด

1.2 คาเบ่ียงเบนมาตรฐาน (บุญชม ศรีสะอาด, 2535, หนา 102)

S.D. =( )

( )1

22

-

-å åNN

xxN

เม่ือ S.D แทน คาเบ่ียงเบนมาตรฐาน

å 2x แทน ผลรวมของคะแนนยกกําลังสอง

( )å 2x แทน กําลังสองของคะแนนผลรวม


98

2. สถิติท่ีใชในการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู คํานวณไดจากสูตร E1/E2

(ชัยยงค พรหมวงศ, 2525, หนา 491)

E1 = 100xAN

x÷÷ø

öççè

æå

E2 = 100xBN

y÷÷ø

öççè

æå

E1 แทน คาประสิทธิภาพของกระบวนการ

E2 แทน คาประสิทธิภาพของผลลัพธ

å x แทน คะแนนรวมท่ีนักเรียนทําไดจากการทํากิจกรรมและ

การทําแบบฝกหัดของชุดกิจกรรมการเรียนรูแตละชุด

å y แทน คะแนนรวมทีน่ักเรียนทําไดจากการทําแบบทดสอบ

หลังเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูแตละชุด

N แทน จํานวนนักเรยีน

A แทน คะแนนเต็มของการทํากิจกรรมและการทําแบบฝกหัด

ของชุดกิจกรรมการเรียนรูแตละชุด

B แทน คะแนนเต็มของการทําแบบทดสอบหลังเรียนดวย

ชุดกิจกรรมการเรียนรูแตละชุด

3. สถิติท่ีใชในการหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว มีดังน้ี

3.1 คาดัชนีความสอดคลองระหวางขอสอบกับลักษณะการคิดวิเคราะห

(Index of Item – Objective Congruence) หรือ IOC (พวงรัตน ทวีรัตน, 2530, หนา 117)

99

IOC =N

Rå

เม่ือ IOC แทน คาดัชนีความสอดคลองระหวางขอสอบกับ

ลักษณะการคิดวิเคราะห

åR แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผูเช่ียวชาญ

N แทน จํานวนผูเชีย่วชาญ

3.2 การหาคาอํานาจจําแนกของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

โดยใชสูตรของ Brennan (บุญชม ศรีสะอาด, 2535, หนา 90) มีสูตรดังน้ี

21 nL

nUB -=

เม่ือ B แทน คาอํานาจจาํแนกของขอสอบ

U แทน จํานวนนักเรียนทีต่อบขอนั้นถูก

ของกลุมที่ผานเกณฑ

L แทน จํานวนนักเรียนทีต่อบขอนั้นถูก

ของกลุมที่ไมผานเกณฑ

1n แทน จํานวนนักเรยีนที่สอบผานเกณฑ

2n แทน จํานวนนักเรยีนที่สอบไมผานเกณฑ

3.3 การหาคาความเทีย่งของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

โดยใชสูตรของโวเว็ต (เทียมจันทร พานิชยผลินไชย, 2539, หนา 199-201) ซ่ึงมีสูตร ดังน้ี

ccr =( ) ( )åå å

--

-- 2

2

11

CXk

XXk

เม่ือ ccr แทน คาความเท่ียง

X แทน คะแนนของแตละคน

100

k แทน จํานวนขอสอบ

C แทน คะแนนเกณฑหรือจุดตัดของแบบทดสอบ

ข้ันตอนท่ี 2 การเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห กอนเรียน

และหลังเรียน ดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักร

การสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถ

ในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5

ข้ันตอนการใชและศึกษาผลการใชชดุกิจกรรมการเรียนรู มีวัตถุประสงคเพ่ือใชและศึกษา

ผลการใชชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหา

ความรู 5 ขั้นตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพื่อสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เรื่อง น้ํา

ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5


ประชากร คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 ปการศึกษา 2553

กลุมตัวอยาง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปท่ี 5 โรงเรียนบานมาบกระเปา สังกัด

สํานักงานเขตพืน้ท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิจติร เขต 1 ปการศึกษา 2553 จํานวน 21 คน โดยการ

สุมแบบเจาะจง


ตัวแปรตน ไดแก การเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัด



ตัวแปรตาม ไดแก ความสามารถในการคิดวิเคราะห

เคร่ืองมือท่ีใชในการวิจัย

1. ชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะ

หาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนคิผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห

เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 5

101

2. แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว

กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5

แบบแผนการวิจยั

แบบแผนการวิจัยท่ีใชในการวิจัยคร้ังน้ี ผูศึกษาคนควาไดใชแบบแผนการวิจัยแบบ

One Group Pretest – Posttest Design (ลวน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2538, หนา 240)

ดังแสดงในตาราง 4

ตาราง 4 แสดงแบบแผนการวิจัย ในการใชชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร

โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิค

ผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา

และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5

การทดสอบกอน การจัดกระทํา การทดสอบหลัง

T1 X T2

สัญลักษณท่ีใชในแบบแผนการวิจัย

X คือ การสอนโดยใชชุดกิจกรรม

T1 คือ การสอบกอนไดรับการสอนดวยชุดกิจกรรม

T2 คือ การสอบหลังจากไดรับการสอนดวยชุดกิจกรรม

ข้ันตอนการดําเนินการวิจัย

ในการดําเนินการวิจัย ผูศึกษาคนควาไดใชชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธี

จัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน และเทคนิคผังมโนทัศน กับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนบานมาบกระเปา สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิจิตร

เขต 1 ปการศึกษา 2553 จํานวน 21 คน โดยมีวิธีการ ดังน้ี

102

1. ทําการทดสอบกอนเรียน (Pretest) กับกลุมตัวอยาง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปที่ 5 โรงเรียนบานมาบกระเปา สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต1

ปการศึกษา 2553 จํานวน 21 คน ดวยแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

2. ดาํเนินการใชชุดกจิกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักร


คิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5 โรงเรียนบานมาบ-

กระเปา สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต1 ปการศึกษา 2553 จํานวน 21 คน

โดยใชเวลา 18 ช่ัวโมง

3. ดําเนินการจัดการเรียนรูโดยใชชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชเทคนคิ

วิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และผังมโนทัศน แลวจึงทําการทดสอบ

หลังเรียน (Posttest) ดวยแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะหกบันักเรียนกลุมตวัอยาง

จํานวน 21 คน


ในการวิเคราะหขอมูลการใชชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียน

แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคแผนผังมโนทัศน เพื่อสงเสริม


ผูศึกษาคนควาดําเนินการวิเคราะหขอมูล ดังน้ี

1. การวิเคราะหขอมูลจากการทําแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห

1.1 นํากระดาษคําตอบของนักเรียนที่ไดจากการทําแบบทดสอบวัดความสามารถ

ในการคิดวิเคราะห เรื่อง น้ํา ฟา และดวงดาว มาตรวจใหคะแนน โดยขอที่ตอบถูกให 1 คะแนน

ขอท่ีตอบผิด ไมตอบหรือตอบเกิน 1 ขอ ให 0 คะแนน

1.2 นําคะแนนของนักเรียนทั้งหมดมาหาคาเฉลีย่ ( x) และหาคาเบ่ียงเบน

มาตรฐาน (S.D.)

1.3 เปรียบเทียบผลความสามารถในการคิดวิเคราะห ดวยการทดสอบ

ความมีนัยสําคัญของความแตกตางระหวางคาเฉลี่ยที่ไดจากการทดสอบกอนและหลังการสอน

ดวยชุดกจิกรรมการเรียนรู โดยใชคาสถิติ t – test แบบ Dependent

103


1. คาเฉล่ีย (บุญชม ศรีสะอาด, 2535, หนา 102)

x =N

xå




2. คาเบ่ียงเบนมาตรฐาน (บุญชม ศรีสะอาด, 2535, หนา 102)

S.D. =( )

( )1

22

-

-å åNN

xxN

เม่ือ S.D. แทน คาเบ่ียงเบนมาตรฐาน




3. การเปรียบเทียบคะแนนของนักเรียนกอนเรียนและหลังเรียนดวยชุดกิจกรรม

การเรียนรู ใชคาสถิติ t – test แบบ Dependent (บุญชม ศรีสะอาด, 2535, หนา 109)

t =( )1

22

-

-å åå

NDDN

D

เม่ือ t แทน คาสถิติทีใ่ชเปรียบเทียบกบัคาวิกฤตเพื่อทราบ

ความมีนัยสําคัญ

D แทน คาผลตางระหวางคูคะแนน

N แทน จํานวนกลุมตัวอยางหรือจํานวนคูคะแนน

104

ข้ันตอนท่ี 3 การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีตอการเรียนดวย

ชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหา

ความรู 5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห

เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5

ข้ันตอนประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรู


ผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะหเร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปที่ 5 มีวัตถุประสงคเพ่ือประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตอการเรียน

ดวยชุดกจิกรรมการเรียนรู โดยดําเนนิการ ดังน้ี


ประชากร คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 ปการศึกษา 2553

กลุมตัวอยาง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปท่ี 5 โรงเรียนบานมาบกระเปา สังกัด

สํานักงานเขตพืน้ท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิจติร เขต 1 ปการศึกษา 2553 จาํนวน 21 คน โดยการ

สุมแบบเจาะจง


ความพึงพอใจที่มีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัด


ความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนชัน้ประถมศึกษาปท่ี 5

เคร่ืองมือท่ีใชในการวิจัย

แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรู


ผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง น้ํา ฟา และดวงดาว สําหรับ


105

แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรม

การเรียนรู วิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู

5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า

ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี 5

การสรางแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรม

การเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน และ

เทคนิคผังมโนทัศน เพื่อสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เรื่อง น้ํา ฟา และดวงดาว

สําหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปที่ 5 มีข้ันตอนในการสราง ดังน้ี

1. ศึกษาเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวของกับการเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร

โดยใชวิธีจัดการเ รียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน และเทคนิคผังมโนทัศน

เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เรื่อง น้ํา ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนชั้น

ประถมศึกษาปที่ 5

2. ศึกษาวิธีการสรางแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน จากหนังสือและเอกสาร

ท่ีเกีย่วของกับการสรางแบบประเมิน แลวดําเนินการสรางแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน

ที่มีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักร


คิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 5 เปนแบบมาตราสวน

ประมาณคา (Rating Scale) 5 ระดับ จํานวน 14 รายการ

3. นําแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีสรางเสร็จแลวใหอาจารยที่ปรึกษา

พิจารณาตรวจสอบ แลวนํามาปรับปรุงแกไข

4. นําแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่ปรับปรุงแกไขแลว เสนอผูเชี่ยวชาญ

จํานวน 5 ทาน ตรวจสอบความสอดคลอง โดยกําหนดเกณฑการใหคะแนน ดังตอไปน้ี

-1 เมื่อแนใจวา ขอคําถามไมมีความสอดคลองกับการเรียน

ดวยชุดกิจกรรมการเรียนรู

0 เม่ือไมแนใจวา ขอคําถามมีความสอดคลองกับการเรียน


+1 เมื่อแนใจวา ขอคําถามมีความสอดคลองกับการเรียน


106

และหาคาดัชนีความสอดคลอง (IOC) ตั้งแต 0.60 ขึ้นไป ซึ่งไดคาดัชนีความสอดคลอง

อยูระหวาง 0.60-1.00 แสดงวาแบบสอบถามความพึงพอใจที่ผูศึกษาคนควาสรางขึ้นมีความ

เหมาะสมสอดคลอง

5. ปรับปรุงแบบสอบถามความพึงพอใจตามคําแนะนําของผูเช่ียวชาญ และจัดพิมพ

แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูฉบับสมบูรณ

เพ่ือใชในการเก็บรวบรวมขอมูล

การเก็บรวบรวมขอมลู

1. หลังจากการใชชุดกิจกรรมการเรียนรู ผูศึกษาคนควาไดใหนักเรียนกลุมตัวอยาง

ทําแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร


เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปที่ 5

2. นําแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีตอการเรียนดวยชดุกิจกรรมการเรียนรู


ผังมโนทัศน เพื่อสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง น้ํา ฟา และดวงดาว สําหรับ

นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 มาตรวจนับคะแนน เพ่ือทําการวิเคราะหขอมูล


1. การวิเคราะหขอมูลการตรวจสอบความสอดคลองของแบบประเมินความพึงพอใจ

ของนักเรียน ที่มีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบ

วัฏจักรการสืบเสาะหาความรู 5 ข้ันตอน และเทคนคิผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการ

คิดวิเคราะห เรื่อง น้ํา ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 จากผูเชี่ยวชาญ

5 ทาน

1.1 วิเคราะหขอมูลการตรวจสอบความสอดคลองของแบบประเมินความพึงพอใจ

ของนักเรียนท่ีมีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรมการเรียนรู วิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียน

แบบวัฏจกัรการสืบเสาะหาความรู 5 ขั้นตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพื่อสงเสริมความสามารถ

ในการคิดวิเคราะห เร่ือง น้ํา ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 ที่ไดจาก

ผูเชีย่วชาญ จํานวน 5 ทาน โดยนําผลการใหคะแนนมาทําการวิเคราะห เพื่อคํานวณหาคาดัชนี

ความสอดคลอง (IOC)

107

1.2 นําคาดัชนีความสอดคลอง (IOC) ที่คํานวณไดมาเทียบกับเกณฑ ดังนี้

คาดัชนคีวามสอดคลอง (IOC) มากกวาหรือเทากับ 0.60 หมายถึง ขอคําถาม

มีความสอดคลองกับการเรียนรูดวยชุดกิจกรรมการเรียนรู

คาดัชนคีวามสอดคลอง (IOC) นอยกวา 0.60 หมายถึง ขอคําถามไมมี

ความสอดคลองกับการเรียนรูดวยชุดกิจกรรมการเรียนรู

2. การวิเคราะหขอมูลจากการทําแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีตอการเรียน

ดวยชุดกจิกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร โดยใชวิธีจัดการเรียนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู

5 ข้ันตอน และเทคนิคผังมโนทัศน เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และ

ดวงดาว สําหรบันักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5

2.1 นําแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตอการเรียนดวยชุดกิจกรรม

การเรียนรู มาตรวจสอบใหคะแนน โดยมีเกณฑการใหคะแนน ดังน้ี

5 หมายถึง มีความพึงพอใจในระดับมากท่ีสุด

4 หมายถึง มีความพึงพอใจในระดับมาก

3 หมายถึง มีความพึงพอใจในระดับปานกลาง

2 หมายถึง มีความพึงพอใจในระดับนอย

1 หมายถึง มีความพึงพอใจในระดบันอยที่สดุ

2.2 วิเคราะหขอมูล โดยการหาคาเฉล่ีย ( x ) และคาเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ

กําหนดคาเฉลี่ยไว 5 ระดับ ในการแปลความหมายของคาเฉลี่ย โดยใชเกณฑของเบสท (Best,

1981, p. 147 อางอิงใน นิตยาพร แซต้ัง และคณะ, 2550, หนา 64) ดังน้ี

คาเฉล่ีย ระหวาง 4.50 – 5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจในระดับมากท่ีสุด

คาเฉล่ีย ระหวาง 3.50 – 4.49 หมายถึง มีความพึงพอใจในระดับมาก

คาเฉล่ีย ระหวาง 2.50 – 3.49 หมายถึง มีความพึงพอใจในระดับปานกลาง

คาเฉล่ีย ระหวาง 1.50 – 2.49 หมายถึง มีความพงึพอใจในระดับนอย

คาเฉล่ีย ระหวาง 1.00 – 1.49 หมายถึง มีความพึงพอใจในระดับนอยท่ีสุด

เกณฑข้ันตํ่าในการพิจารณาความเหมาะสมของชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตร


เพ่ือสงเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห เร่ือง นํ้า ฟา และดวงดาว สําหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปที่ 5 คือ มีคาเฉล่ีย ( x ) ต้ังแต 3.50 ข้ึนไป และคาเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ไมเกิน 1.00

108


1. คาดัชนีความสอดคลองระหวางขอสอบกับลักษณะการคิดวิเคราะห

(Index of Item – Objective Congruence) หรือ IOC (พวงรัตน ทวีรัตน, 2530, หนา 117)

IOC =N

Rå

เม่ือ IOC แทน คาดัชนีความสอดคลองระหวางขอสอบกับ

ลักษณะการคิดวิเคราะห

åR แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผูเช่ียวชาญ

N แทน จํานวนผูเชีย่วชาญ

2. คาเฉล่ีย (บุญชม ศรีสะอาด, 2535, หนา 102)

x =N

xå




3. คาเบ่ียงเบนมาตรฐาน (บุญชม ศรีสะอาด, 2535, หนา 102)

S.D. =( )

( )1

22

-

-å åNN

xxN

เม่ือ S.D. แทน คาเบ่ียงเบนมาตรฐาน




วิธีดําเนินการวิจัย - naresuan university · 2011. 11. 2. ·...

Documents