วารสาร อบต.แม่พริก

19

Upload: wanchai-arsa

Post on 14-Mar-2016

239 views

Category:

Documents


1 download

DESCRIPTION

รวมเรื่องราวข่าวสาร ขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก รวมถึงกิจกรรมต่างๆ และความรู้ที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน

TRANSCRIPT

Page 1: วารสาร อบต.แม่พริก
Page 2: วารสาร อบต.แม่พริก
Page 3: วารสาร อบต.แม่พริก

ใ นฉบับนี้ขอเสนอ บทความ เรื่อง การพัฒนา

ที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่นของเรา

ให้ยั่งยืนอีกทั้ง ยังสามารถปรับนำไปใช้ได้กับผู้อ่านได้

ทุกๆคน

ทฤษฎีพื้นฐานการพัฒนาจะศึกษาแนวคิด

ทฤษฎีการพัฒนาสังคมทั้งแนวคิดทฤษฎีสมัยใหม่

และหลังสมัยใหม่ อาทิเช่น ทฤษฎีความทันสมัย

ทฤษฎีการพึ่งพิง ทฤษฎีระบบโลก โลกาภิวัตน์

และการพัฒนา วัฒนธรรมชุมชน การพัฒนาอย่าง

ยั่งยืน โดยการเรียนนั้นจะเน้นกระบวนการวิเคราะห์

แนววาทกรรม เพื่อวิเคราะห์ความเป็นมาและผลกระท

บของการพัฒนา ดังนั้นจึงขอยกประเด็นแนวคิดวัฒน

ธรรมชุมชน มาอธิบายว่ามีความสำคัญอย่างไรต่อการ

พัฒนาชนบท

หากเรา เปิด โอกาสให้ประชาชนเข้ ามามี

ส่วนร่วมในการพัฒนาเราก็จะได้รู้ความต้องการ

ที่แท้จริงของประชาชน ว่าประชาชนต้องการอะไร

ต้องการให้พัฒนาในด้านไหนบ้าง เราต้องเปิดโอกาส

ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรได้

อย่างมีประสิทธิภาพเพราะประชาชนมีทั้งความรู้

ทักษะ และความรับผิดชอบในการเข้าร่วมกิจกรรม

การพัฒนา กิจกรรมการพัฒนาที่ประชาชนเข้าร่วมนั้นม ี

ประสิทธิผลเป็นอย่างมาก มันทำให้ประชาชนสามารถ

แก้ปัญหาได้ด้วยตนเองและจะนำไปสู่การพัฒนาอย่าง

ยั่งยืน

การมีส่วนร่วมถือได้เป็นการพัฒนาที่เป็นทางเลือก

ซึ่ ง เป็นแนวคิดการพัฒนาที่ ให้ความสำคัญกับ

ประชาชน ประชาชนจะต้องเข้าร่วมโดยความสมัครใจ

ในบานะที่เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเข้าร่วมตั้งแต่

ขั้นตอนเริ่มต้นของการพัฒนาจนถึงขั้นตอนสุดท้าย

หัวใจของการพัฒนา คือ การมีส่วนร่วมในก

ารพัฒนาชุมชนของประชาชนเป็นการพัฒนาที่มาจาก

ข้างล่าง โดยเน้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการ

พัฒนาในลักษณะของการร่วมคิดร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ

Page 4: วารสาร อบต.แม่พริก

การพัฒนาที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ ยิ่งพัฒนา ยิ่งทำให้ชาว

บ้านจนลง โครงการพัฒนาของรัฐที่นำมาสู่ชุมชนนั้น ส่วนมาก

แล้วรัฐจะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการพัฒนามากกว่า

ชาวบ้าน เพราะการพัฒนาบางอย่างมักจะมีผลกระทบต่อชาวบ้าน

ทั้งด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรัฐ

ไม่ค่อยคำนึงถึงสักเท่าไหร่ การพัฒนาที่เกิดขึ้นจึงทำให้เกิดภาวะ

รวยกระจุกแต่จนกระจาย

การพัฒนานั้นจะต้องกระตุ้นจิตสำนึกของชาวบ้านทั้งผู้นำ

ที่เป็นปัญญาชนและชนชั้นกลางที่ทำงานกับชาวบ้านจะต้องทำให้

ชาวบ้านมีจิตสำนึกที่แจ่มชัดในวัฒนธรรมของเขา โดยที่ชาวบ้า

นและชนชั้นกลางควรร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ประวัติศาสตร์

วัฒนธร รมและสั ง คมขอ งชุ ม ชนที่ ปฏิ บั ติ สื บต่ อกั นม า

เช่น ความเชื่อ พิธีกรรม การค้นพบและสามารถวิเคราะห ์

เอกลักษณ์และคุณค่าของตัวเองได้ ทำให้ชุมชนเห็นคุณค่าของ

การร่วมตัวกันเป็นกลุ่มและซาบซึ้งในประวัติศาสตร์การต่อสู้ร่

วมกัน และที่สำคัญที่สุดคือชาวบ้านจะสามารถเห็นภัยคุกคาม

ของการครอบงำทางวัตถุและจิตใจของวัฒนธรรมทุนนิยมและ

บริโภคนิยมที่มาจากภายนอก เช่น การทำให้ชาวบ้านต้องตกอ

ยู่ภายใต้การผลิตเพื่อตลาด ทำให้ชาวบ้านพึ่งพาภายนอกสูงมาก

ขึ้นๆและนำมาซึ่งการถูกเอาเปรียบได้ง่าย ดังนั้นการนำ

วัฒนธรรมชุมชนมาใช้ในการพัฒนาจะช่วยให้ชาวบ้านยังคง

ทำการผลิตในขนาดที่เหมาะสมและเน้นการใช้แรงงานของครอ

บครัวเป็นหลัก เน้นการผลิตเพื่อครอบครัวก่อนที่จะผลิตเพื่อ

ตลาด เน้นการพึ่งตนเองมากกว่าพึ่งพาภายนอก

การพัฒนานั้นจะต้องกระตุ้นจิตสำ

นึกของชาวบ้านทั้งผู้นำที่เป็นปัญญาชนและชน

ชั้นกลางที่ทำงานกับชาวบ้านจะต้องทำให้

ชาวบ้านมีจิตสำนึกที่แจ่มชัดในวัฒนธรรม

ของเขา โดยที่ชาวบ้านและชนชั้นกลางควร

ร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ประวัติศาสตร์

วัฒนธรรมและสังคมของชุมชนที่ปฏิบัติสืบ

ต่อกันมา เช่น ความเชื่อ พิธีกรรม การค้

นพบและสามารถวิเคราะห์เอกลักษณ์และ

คุณค่าของตัวเองได้ ทำให้ชุมชนเห็นคุณค่า

ของการร่วมตัวกันเป็นกลุ่มและซาบซึ้งในประ

วัติศาสตร์การต่อสู้ร่วมกัน และที่สำคัญที่สุด

คือชาวบ้านจะสามารถเห็นภัยคุกคามของการ

ครอบงำทางวัตถุและจิตใจของวัฒนธรรมทุน

นิยมและบริโภคนิยมที่มาจากภายนอก เช่น

การทำให้ชาวบ้านต้องตกอยู่ภายใต้การผลิต

เพื่อตลาด ทำให้ชาวบ้านพึ่งพาภายนอกสูง

มากขึ้นๆและนำมาซึ่ งการถูกเอาเปรียบ

ไ ด้ ง่ า ยดั ง นั้ น ก า รน ำ วัฒนธร รมชุ ม ชน

มา ใช้ ใ นก า รพัฒนาจะช่ วย ให้ ช า วบ้ า น

ยั งค งทำก ารผลิ ต ในขนาดที่ เ หม าะสม

และ เน้นการ ใช้ แ รงง านของครอบครั ว

เ ป็ น หลั ก เ น้ น ก า รผลิ ต เ พื่ อ ค ร อบครั ว

ก่อนที่จะผลิตเพื่อตลาด เน้นการพึ่งตนเอง

มากกว่าพึ่งพาภายนอก

Page 5: วารสาร อบต.แม่พริก

การพัฒนาชนบทควรยึดแนววัฒนธรรมชุมชนเป็นแนวทางหลัก เนื่องจากชุมชนมีวัฒนธรรมเดิมของ

ชาวบ้านที่สร้างและสะสมมาแต่โบราณและเป็นแก่นแกนของชุมชนที่ปฏิบัติการมาอยู่แล้ว เป็นวัฒนธรรมที่

เน้นความสำคัญของชาวบ้าน ความเป็นชุมชนท้องถิ่น วัฒนธรรมดังกล่าวได้แก่ ความช่วยเหลือ พึ่งพา

อาศัยไม่อยู่แบบตัวใครตัวมัน ไม่มีการแข่งขันเอารัดเอา เปรียบกัน มีแต่ความงดงามของน้ำใจมีความผสมผสาน

กลมกลืน ความเป็นกลุ่มก้อน เครือญาติ ชุมชนมีจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกันและไม่ใช่กลุ่มคนที่มีวัฒนธรรม

แบบล้าหลังหรือมีความด้อยพัฒนาที่เป็นอุปสรรค์ต่อการพัฒนา การทำความเข้าใจวัฒนธรรมชุมชนจะทำให้

เห็นว่าชาวบ้านมีศักยภาพ มีสำนึกในการพัฒนาตนเองมาตั้งแต่เนิ่นนานแล้ว ไม่ใช่เป็นผู้รอคอยความช่วย

เหลือจากภายนอกหรือกลุ่มคนที่ตกอยู่ภายใต้วงจรอุบาทว์ของการพัฒนาและชุมชนมีศักยภาพมีศักดิ์ศรี

ในการต่อต้านกับวัฒนธรรมทุนนิยมที่เป็นสิ่งมาจากภายนอก ดังนั้นการพัฒนาจึงต้องเริ่มจากฐานวัฒนธรรม

เดิมของชุมชนเพราะเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของชาวบ้านที่จะสามารถเป็นพลังผลักดันการพัฒนาชุมชนได้

หากย้อนกลับไปดูก็จะพบว่าชาวบ้านมีประวัติศาสตร์การสร้างชุมชนมายาวนาน โดยมีความร่วมมือกันใน

กิจกรรมต่างๆเพื่อให้ชุมชนทั้งหมดอยู่รอดร่วมกันและต่อต้านการเอารัดเอาเปรียบจากสังคมภายนอกได้

ซึ่งการที่ชุมชนอยู่รอดได้เพราะชุมชนมีทรัพยากรมาก พึ่งพาอาศัยกัน

ที่มา: http://www.oknation.net/blog/lek1/2009/03/10/entry-1

Page 6: วารสาร อบต.แม่พริก

พระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำเรื่อง “หญ้าแฝก” พืชมหัศจรรย์

ให้กับพสกนิกรชาวไทยมานานแล้ว ว่าเป็นพืชที่มีประโยชน ์

ต่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ รากหญ้าแฝกลึกและยาวสานกัน

เป็นกำแพงธรรมชาติอันแข็งแกร่ง จะช่วยป้องกันการพังทลาย

ของหน้าดินได้ ยามน้ำแล้งแฝกจะช่วยอุ้มความชุ่มชื้นให้กับดิน

ยามน้ำมากไหลกรากเชี่ยว แฝกจะช่วยยึดเหนี่ยวหน้าดินไว้ไม ่

ให้หลุดหายไปกับสายน้ำ ผมพบกับเกษตรกรและปราชญ์ชาวบ้านหลายคนที่

เป็นคนรักษ์แฝก เล่าให้ฟังว่าแรกๆที่ปลูกแฝก เพื่อนบ้าน

จะมองแปลกๆ พร้อมกับคำครหาแบบบ้านๆว่า“ปลูกข้าวยังไม่มี

จะแด..ปลูกแฝกแล้วมึงจะแด..อะไร”

แต่เมื่ออดทนจนเป็นผลสำเร็จ หลายคนสามารถทำนา

ข้าวได้บนดินลูกรัง หลายคนผลผลิตงอกงามบนดินดานที่แข็ง

ปานหิน ชาวสวนยางพาราทางใต้หลายรายรอดตายและไม่เสีย

หายจากน้ำท่วมหนักเมื่อปีที่แล้ว เพราะกำแพงแฝกช่วยป้องกัน

ภัยพิบัติไว้ เห็นผลทันตาจริงๆ

ท่ามกลางภัยธรรมชาติอันเกรี้ยวกราดในขณะนี้ ยิ่ง

ประจักษ์ชัดว่าแนวพระราชดำริที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้

คนไทยของพระองค์เป็นทางรอดของคนไทยและยังเป็นทางรอ

ดของโลกอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวพระราชดำริปรัชญา

เศรษฐกิจพอเพียง ที่ส่งเสริมการบริโภคทรัพยากร

แบบพอประมาณ ไม่สุดโต่งและเบียดเบียน

ธรรมชาติมากจนเกินไป รวมทั้งแนว

พระราชดำริในการพัฒนาและการอนุรักษ์

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกๆ

ด้าน ก็เหมาะเหลือเกินกับการเตรียมการ

ตั้งรับกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังวิกฤตยิ่ง

ของโลกใบนี้ แม้ว่าฝ่ายการเมืองจะไม่น้อมนำแนว

พระราชดำริของพระองค์ท่านมากำหนดเป็น

วาระแห่งชาติหรือนโยบายสาธารณะที่นำพา

ประเทศไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน แม้ว่าฝ่

ายการเมืองจะยังคงวนเวียนอยู่กับนโยบายป

ระชานิยมที่ฉาบฉวยเพื่อคะแนนนิยมเฉพาะ

หน้ าม ากกว่ า ก า รส่ ง เ ส ริ ม ให้ ช า วบ้ า น

พึ่ งตนเองและยืนอยู่ ได้ เองอย่ างยั่ งยืน

ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็ไม่จำต้องรอคอยทิศ

ทางของประเทศนี้จากการนำของฝ่ายการ

เมืองได้อีกต่อไปแล้ว

Page 7: วารสาร อบต.แม่พริก

ถึงเวลาแล้วที่ชาวบ้านอย่างเราๆ ต้องช่วยกันน้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านมาลงมือทำกันเอง

เถอะ เริ่มจากจุดเล็กๆ ในระดับครอบครัว หรือถ้าใครขยายผลไปสู่ระดับชุมชนได้ก็ดี จากจุดเล็กๆในชุมชน

ท้องถิ่นหลายๆจุด เพิ่มมากขึ้นๆ ก็อาจต่อจิ๊กซอว์กลายเป็นภาพใหญ่ในระดับชาติได้ โดยไม่ต้องรอการนำเชิง

นโยบายจากฝ่ายการเมืองอีกต่อไป ท่ า ม ก ล า ง ภั ย ธ ร ร ม ช า ติ รุ ก เ ร้ า ทั่ ว เ มื อ ง ไ ท ย แ ผ่ น ดิ น ไ ห ว ใ น ภ า ค เ ห นื อ อ า ก า ศ แ ป ร

ปรวน ฝนตกและหนาวจัดหลายจังหวัด รวมทั้งใจกลางพระมหานคร ฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม

ทั่วทั้งภาคใต้แผ่นดินด้ามขวาน ผ ม จึ ง ข อ น ำ บ ท ก วี เ รื่ อ ง

“หญ้าแฝก” มาเผยแพร่ในที่นี้อีกวาระหนึ่ง

เผื่อจะเป็นข้อคิดสะกิดใจสังคมไทยได้ว่า

แนวทาง “ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ” นั้น

พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงแนะนำพสกนิกรชาว

ไทยของพระองค์ไว้แล้ว ขอเพียงแต่เรา

ต้องช่วยกันลงมือทำเท่านั้นเอง...

ผืนแผ่นดิน แกร่งกล้า ด้วยหญ้าแฝก

คือกล้าแรก ทรงชี้ทาง สร้างวิถี

แผ่นดินไทย ใต้ร่ม พระบารมี

ร่มชีวี แฝกเสริม เพิ่มพลัง

ปลูกบนที่ ลาดชัน เป็นคันขอบ

ปลูกไว้รอบ สระน้ำ ค้ำยันฝั่ง

ปลูกล้อมรอบ ต้นไม้ ใช้ประทัง

ใบแฝกยัง คลุมดิน เป็นอินทรีย์

แฝกหยั่งราก ลงเป็นแผง กำแพงกล้า

ช่วยรักษา หน้าดิน ทุกถิ่นที่

ช่วยอุ้มน้ำ เอาไว้ ให้พอดี

ประโยชน์แฝก มากมี ทวีคูณ

ยามใดน้ำ มามาก ไหลกรากเชี่ยว

แฝกยึดเหนี่ยว หน้าดิน ไม่สิ้นสูญ

ยามใดน้ำ มาน้อย คอยเกื้อกูล

ความสมบูรณ์ ชื้นชุ่ม แฝกอุ้มไว้

มหัศจรรย์ พระปรีชา เรื่อง “หญ้าแฝก”

คือกล้าแรก พระกรุณา จะหาไหน

ปลูกแฝกรักษ์ แผ่นดิน ทั่วถิ่นไทย

ร่วมเทิดไท้ พระเจ้าอยู่หัว ทั่วกันเทอญ...

โดย : อภิชาติ ดำดี

ที่มา : http://www.oknation.net/blog/

Page 8: วารสาร อบต.แม่พริก

องค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก ได้จัดทำโครงการปลูกหญ้าแฝกเฉลิมพระเกียรติตามแนว

พระราชดำริขึ้น ที่ตำบลแม่พริก เพื่อ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ลดความแรง

ของน้ำที่ไหลป่า ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในดินและพื้นที่ตอนบน ลดการสูญเสียธาตุอาหารพืชจากพื้นที่ รักษาความ

ชื้นในดิน ป้องกันการพังทลายของไหล่ถนน เป็นต้น

เกร็ดความรู้ เรื่องหญ้าแฝก

วัชพืชชนิดอื่นที่ขึ้นรกๆ อยู่ตามพื้นที่รกร้างท่ัวไป อาจดูรกหูรกตา

ไม่มีประโยชน์ ไร้ค่า ไร้ราคาหากเราไม่พิจารณาลึกไปถึงประโยชน์ที่แท้จริง

ของพืชเหล่านี้ ชื่อหญ้าแฝกคงจะคุ้นหูใครหลายๆ คน แต่พอขึ้นชื่อว่าหญ้า

คนมักจะนึกถึงความเป็นวัชพืชเป็นหลัก นึกถึงภาพของพงหญ้ารกๆ ที่ไม่

สามารถทำนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้ แต่พงหญ้ารกๆ ไร้ประโยชน์ดังกล่าว หญ้าแฝก มีชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า Vetiver Grass และชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vetiveria Zizanioides

Nash เป็นพืชขึ้นแน่นเป็นกอ และมีระบบรากหยั่งลึกและแผ่กระจายลงไปในดินตรงๆ เหมือนกำแพง จึงเหมาะ

ในการใช้ในการยึดดินป้องกันการพังทลายของดิน อีกท้ังยังช่วยเก็บความชื้นของดินได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยัง

สามารถปลกูเปน็แนวปอ้งกนัตะกอนดนิ และกรองของเสยีตา่งๆ ทีไ่หลลงในนำ้ รากของหญา้แฝกมคีวามแขง็แรง

สามารถหยั่งรากลงไปในเนื้อดินดาน ซึ่งเป็นดินที่มีความแข็งคล้ายหิน ทำให้ดินแตกร่วนซุย เป็นการเพิ่มความ

ชื้นในดินได้อีกทางหนึ่ง การนำใบและต้นหญ้าแฝกมาเป็นอาหารสัตว์และทำปุ๋ยหมักคือ ผลพลอยได้ หรือ By Product

ของหญ้ามหัศจรรย์ชนิดนี้ นอกจากนี้ยังนำมาใช้มุงหลังคา ทำสมุนไพร และทำน้ำหอมได้เพื่อเพิ่มคุณค่าทาง

การตลาดได้

ที่มา : http://www.oknation.net/blog/

Page 9: วารสาร อบต.แม่พริก

โดยบทบาทและอำนาจหน้าของ อบต. มีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่น อบต.แม่พริก

ได้ตระหนักและดำเนินตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและอำนาจหน้าที่ในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งในช่วงเดือน ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๕ ได้ดำเนินกิจกรรมหลายๆ อย่าง จึงขอประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ

พอสังเขปดังนี้

กีฬาแม่สรวยสัมพันธ์ ประจำปี ๒๕๕๕

การแข่งขันกีฬาแม่สรวยสัมพันธ์

จัดขึ้นที่ เทศบาลตำบลแม่สรวย มีการ

แข่งขันกีฬาสากลและกีฬาพื้นบ้านเพื่อ

กระชับความสัมพันธ์ สร้างความสามัคคี

ให้กับคนท้องถิ่นอำเภอแม่สรวย โดยเทศบ

าลตำบลเวียงสรวยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่ง

ขัน เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๕

Page 10: วารสาร อบต.แม่พริก

การประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก การประชุมสภาองค์การบริ

หารส่วนตำบลแม่พริก จัดขึ้นเมื่อวันที่

๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ณ. ห้องประ

ชุมองค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก

ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อ ร่วมกันหา

รือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ

ของท้องถิ่นในตำบลแม่พริก และร่วม

หาแนวทางในการพัฒนาตำบลแม่พริก

ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

องค์ ก ารบริ ห ารส่ วนตำบล

แม่พริก ได้ร่วมดับเพลิงไฟไหม้ที ่

บริเวณบ้านตีนธาตุ ตำบลแม่สรวย

งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก

Page 11: วารสาร อบต.แม่พริก

๕ ธันวามหาราช

เนื่องในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕

อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น ต ำ บ ล แ ม่ พ ริ ก ไ ด้

เ ข้ า ร่ ว ม ถ ว า ย พ ร ะ พ ร แ ล ะ จุ ด เ ที ย น ชั ย

ณ. บริเวรศาลสมเด็จพระนะเรศวรมหาราช

Page 12: วารสาร อบต.แม่พริก

โรงนากลางราชวัง

มีพระราช วังใด ในโลกนี้

ที่จะมี แปลงนา กล้าไสว

มีมหา ปราสาท ของชาติใด

ที่ข้างใน มีโรงสี มีโรงนา

มีกษัตริย์ ในโลกนี้ กี่พระองค์

ที่จะทรง งานหนัก เป็นนักหนา

มีกษัตริย์ พระองค์ใด ในโลกา

ทรงดำนา เกี่ยวข้าว เยี่ยงชาวดิน

ยอดกษัตริย์ อัจฉริยะ แห่งเกษตร

สายพระเนตร ยาวไกล ไม่รู้สิ้น

ทรงศึกษา ค้นคว้า เป็นอาจิณ

เพื่อให้ไทย ทุกถิ่น อยู่กินดี

ทรงชี้นำ แนวคิด “ทฤษฎีใหม่”

จัดนาไร่ อย่างไร ไม่เป็นหนี้

มีข้าวปลา พอเพียง เลี้ยงชีวี

ชีวิตมี ความสุข ไม่ทุกข์ใจ

พระราชวัง กษัตริย์ไทย ในวันนี้

จึงต้องมี แปลงนา กล้าไสว

ล้วนพระปรี ชาชาญ งานวิจัย

ให้พสก นิกรไทย ได้เรียนรู้

ไร่นา ป่าดอย ตามรอยพ่อ

รู้จักทำ รู้จักพอ รู้ต่อสู้

รู้ธรรมะ ธรรมชาติ อาจเป็นครู

รู้จักอยู่ รู้ชีวิต จิตวิญญาณ

เศรษฐกิจ พอเพียง หล่อเลี้ยงไทย

ไทยจะรอด ปลอดภัย ในทุกด้าน

มีความรู้ ต้องมีธรรม ส่องนำงาน

ปณิธาน ตอบแทนคุณ แผ่นดิน

ระลึกคุณ แผ่นดินไทย หัวใจชาติ

ตามรอยเบื้อง ยุคลบาท ไปทั่วถิ่น

นึกถึงพระ กรุณา น้ำตาริน

ใจถวิล ถึงวาระ พระประชวร

อธิษฐาน รวมใจ ใสสงบ

ขอพรแม่ พระโพสพ ให้ครบถ้วน

รวมพรจาก หัวใจ ไทยทั้งมวล

ขอทรงหาย จากประชวร ในเร็ววัน

ขวัญเอย... ขวัญข้าว ชาวสยาม

ขวัญคนไทย ทุกเขตคาม ทุกความฝัน

ขวัญแผ่นดิน ขวัญชีวิต นิจนิรันดร์

ขอทรงเป็น พระมิ่งขวัญ นิรันดร์กาล

ที่มา : http://www.oknation.net/blog/damdee/2009/12/04/entry-2

Page 13: วารสาร อบต.แม่พริก

ความรู้ทั่วไปวิธีการขจัดความเครียดอย่างถูกวิธี ไม่ยากอย่างที่คิด

ขจัดความเครียดให้ถูกวิธี ไม่ยากอย่างที่คิด (Men’s Health)

เรื่อง Men’s Health US แปลและเรียบเรียง จิตติมา

เราทุกคนต่างรู้ดีว่าความเครียดเป็นสาเหตุที่ทำให้

คนเราอ่อนแอทั้งกายและใจ ดังนั้น หลาย ๆ คนจึงพยายามหา

ทางคลายเครียดด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป แต่คุณแน่ใจ

หรือเปล่าว่าวิธีคลายเครียดของคุณทำให้ร่างกายคุณดีขึ้น

หรือแย่ลงกันแน่

วิธีที่ชอบใช้กัน (ซึ่งเป็นวิธีที่ผิดมหันต์)

ซัดของหวาน

ดร.เฮอร์แมนอธิบายว่าสาเหตุที่ทำให้คนเราอยากกินขนมหวาน ๆ แก้เครียดเป็นเพราะการบริโภค

ของหวานเป็นการกระตุ้นให้สมองส่วนพรีฟรอนทัลคอร์เท็กซ์ทำงาน ซึ่งสมองส่วนนี้มีหน้าที่ควบคุมอารมณ์ แต่กา

รสวาปามขนมที่อุดมไปด้วยน้ำตาล ขณะที่คุณกำลังเครียดอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย สมาคมโรคเบาหวาน

ของอเมริกาเคยเตือนว่าคนที่มีภาวะเครียดต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่แล้วสูง

ขึ้นอีกจนเข้าข่ายกลายเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานได้

กระดกเหล้า

หลังจากดื่มไปสองสามแก้วคุณคงมึนจนนึกหน้าเพื่อนร่วมงานคนที่คุณเกลียดไม่ออกแล้วด้วยซ้ำ

ขณะที่แอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดในตอนแรกมีฤทธิ์ทำให้สมองคลายความตึงเครียดได้ชั่วคราวจากนั้น

แอลกอฮอล์จะทำให้คุณซึมเศร้าหนักขึ้นอีก ข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย ชิคาโกระบุว่า ผู้ชายท่ีกำลังอ

ยู่ในภาวะเครียดและได้รับแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายจะมีอาการกระวนกระวายนานกว่าผู้ชายกลุ่มที่ไม่ได้รับแอล

กอฮอล์นี่อาจเป็นเพราะเหล้าเป็นตัวขัดขวางให้ร่างกายไม่อาจสงบลงได้เสียที จิตใจเลยพลอยกระวนกระวายไปด้วย

เล่นเกมทั้งคืน

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดพบว่า การเล่นวิดีโอเกมเป็นการกระตุ้นสมอง

ทำให้รู้สึกยิ่งตื่นตัว ดร.ไมเคิล แอดดิส อาจารย์สอนวิชา จิตวิทยา มหาวิทยาลัยคลาร์ก บอกว่า การเล่นวิดีโอเกม

มีข้อเสียคือส่วนมากเวลาเล่นคุณจะนั่งอยู่กับที่ ไม่ได้ออกกำลังกายใด ๆ แถมยังต้องคอยหาวิธีเอาชนะฝ่ายตรงข้าม

จนอาจจะเครียดพอ ๆ กับเวลาทำงานก็ได้ เพราะฉะนั้นวิดีโอเกมจึงไม่อาจช่วยให้สมองผ่อนคลายได้หรอก

Page 14: วารสาร อบต.แม่พริก

ได้เช่นกัน ดร.แอดดิส อธิบายว่า เมื่อคุณเครียด การตัดสินใจจะไม่มีความเด็ดขาด เนื่องจากคุณไม่สามารถช่ังใจ

ได้แน่ชัดว่าควรหรือไม่ควรเสี่ยง จึงทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็น

บ้าทำแต่งาน

บางครั้งเราก็อยากเอาชนะความเครียดด้วยการตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เสร็จเพราะมีงานที่ต้องรับ

ผิดชอบมากมาย แต่ขอเตือนว่าอย่าพยายามทำเช่นนี้เป็นอันขาด ดร.แมคคี บอกว่า “คุณจะไม่มีสมาธิ และทำ

งานได้ช้าลงเมื่อสมองไม่ได้ผ่อนคลายจงหยุดพักและเริ่มต้นทำงานใหม่” และไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพในการทำงาน

ของคุณจะด้อยลงเท่านั้น ข้อมูลจากงานวิจัยชิ้นใหม่ของอังกฤษระบุว่า คนที่ทำงานวันละ 11 ชั่วโมงขึ้นไปมีโอกาส

ที่จะป่วยเป็นโรคหัวใจภายใน 12 ปีข้างหน้า มากกว่าคนที่ทำงานวันละ 7-8 ชั่วโมง ถึง 70 เปอร์เซ็นต์

หลบหน้าผู้คน

ในเวลาที่เครียดจัด บางคนอาจจะอยากหลบไปพักใจอยู่ที่บ้าน ไม่อยากพบหน้าใครเลย งานวิจัย

ชิ้นหนึ่งค้นพบสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายมีพฤติกรรมแบบนี้ว่า เมื่อต้องต่อสู้กับความเครียด ผู้ชายมักจะหาทางออกโดย

“การเผชิญหน้าหรือไม่ก็หนี” ในขณะที่ผู้หญิงมักจะจัดการกับความเครียดโดย “การขอกำลังใจและคำปรึกษา

จากเพื่อน”แล้วทำอย่างไหนถึงจะดีกว่า งานวิจัยของอังกฤษเมื่อปี 2009 พบว่า เมื่อต้องประสบกับเหตุการณ์ท่ีทำ

ให้เครียด คนที่เก็บตัวอยู่คนเดียวจะมีค่าความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้นมากกว่า และมีฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียด

หลั่งออกมามากกว่าคนที่ไม่ได้อยู่คนเดียว

ขับรถซิ่งเกินเหตุ

ทำไมผู้ชายส่วนใหญ่ถึงชอบขับรถเร็ว ดร.ไมเคิล

แมคคี นักจิตวิทยาประจำคลินิก คลีฟแลนด์ อธิบาย

ว่าสาเหตุที่ผู้ชายชอบทำแบบนั้น รวมถึงชอบทำอะไร

ที่ท้าทายและเสี่ยงภัย ก็เพราะกิจกรรมเหล่านั้นทำให ้

ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมา ความเจ็บปวด

ต่าง ๆ จึงมลายหายไป แต่การทำอะไรเสี่ยงภัยตอนที่

เครียดมาก ๆ อาจก่อให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิต

Page 15: วารสาร อบต.แม่พริก

ลองวิธีนี้สิเวิร์กกว่า ทานไอศกรีมถ้วยเล็ก ๆ

ดร.เฮอร์แมนอธิบายว่าของหวานช่วยขจัดความเครียดได้เพราะมีรสชาติหวาน ไม่ใช่เพราะมีไขมัน

หรือแคลอรี่สูง เขาบอกว่า “อาหารที่มีแคลอรี่สูงมักจะมีรสชาติดีกว่า แต่แคลอรีไม่ได้มีผลต่อการบรรเทาความเค

รียด” ให้คุณซื้อไอศกรีมถ้วยจิ๋วมาละเลียดกินช้า ๆ โดยใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมง การที่คุณค่อย ๆ ซึมซับความอร่อ

ยจะทำให้จิตใจคุณสงบได้ยาวนานด้วย

ฟังเพลงย้อมใจ

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature Neuroscience พบว่า เวลาได้ฟังเพลงโปรดหรือรอฟังเพลง ท่อนที่

ชื่นชอบเป็นพิเศษจะทำให้สมองหลั่งสารโดพามีนหรือสารแห่งความสุขออกมามากมาย นอกจากนี้ เอ็ดวาร์ด รอธ

นักดนตรีบำบัด และเป็นอาจารย์สอนวิชาดนตรีบำบัด ที่มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นมิซินแกน บอกว่า “การฟังเพลงแบ

บนี้ช่วยเพิ่มระดับโดพามีนในร่างกาย ความเครียดจึงลดลง เลยทำให้ไม่นึกอยากไปดื่มเหล้าแก้กลุ้มอีกด้วย”

ทำสิ่งที่มีประโยชน์

ทาสีบ้าน หัดทำอาหาร หรือทำอะไรก็ได้ที่เป็นการสร้างทักษะใหม่ เพื่อกระตุ้นสมองให้หลั่งสารโด

พามีนหรือสารแห่งความสุขออกมา นอกจากนี้ขณะที่คุณฝึกทำอะไรใหม่ ๆ จิตใจคุณจะสงบและมีสมาธิมากขึ้น

ดร.แอดดิสบอกว่า “คุณจะไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว เพราะใจกำลังจดจ่ออยู่กับการฝึกหัด

และจิตใจคุณจะผ่อนคลาย เมื่ออยู่ในสภาวะเช่นนี้”

หนีไปออกกำลังกาย

แต่ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายตามโปรแกรมปกติหรอก ดร.แอดดิส บอกว่า

หากคุณเบื่อโปรแกรมออกกำลังกาย ร่างกายคุณก็จะไม่หลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมาหลังเล่นฟิตเนส การออกกำลัง

กายเพื่อคลายเครียดเลยไม่ได้ผลเท่าที่ควร ดังนั้นควรลองอะไรใหม่ ๆ อย่างเช่น สมัครเรียนศิลปะการป้องกันตัว

ลองไปปีนหน้าผาเทียมหรือขี่จักรยานเสือภูเขา เป็นต้น เพราะกิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้คุณได้ออกแรงเต็มที่โดยไม่

ต้องเสี่ยงอันตราย

พักเบรกหนึ่งนาที

ให้พักสมองทุกชั่วโมงด้วยการหาอะไรขำ ๆ ดูสักพักนึง ดร.แมคคีบอกว่าการพักสมองช่วยให้คุณ

สามารถวิเคราะห์และซึมซับข้อมูลใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในระหว่างพักให้ฝึกหายใจ 10 วินาที

โดยหายใจเข้า 4 วินาที หายใจอออก 6 วินาที นี่เป็นวิธีขับไล่ความเครียดออกไป

ที่มา : http://www.yanchaow.com/view1557.aspx

Page 16: วารสาร อบต.แม่พริก

นไข่ทุกวัน อันตราย หรือปลอดภัยกิมีข้อกล่าวถึงไข่ แหล่งโปรตีนราคาถูกไปในทางดีและทางร้ายอยู่ตลอดเวลาอะไรคือข้อเท็จจริง

ไข่เจียวร้อน ๆ กับพริกขี้หนูสด ฟาสต์ฟู้ดคนไทยที่อร่อยสุดยอด

หรือไข่ออมเลตแบบอเมริกันเบรกฟาสท์ กินไข่ปลอดภัยหรือทำร้ายหัว

ใจของเรา

ผู้ที่รักสุขภาพมากมายเริ่มรังเกียจความอร่อยของไข่เพราะกลัว

โคเลสเตอรอลที่มากับไข่แดง บางคนถึงกับแยกกินเฉพาะไข่ขาวปราศ

จากไข่แดง น่าเสียดาย เรากำลังโยนทิ้งคุณค่าอาหารที่ดีที่สุดในไข่แดง

เหมือนกับเรากินข้าวขัดสีสวยงามที่ขัดเอาวิตามินออกไปเสียหมด

ไ ข่ แ ด ง มี โ ค เ ล ส เ ต อ ร อ ล สู ง

เป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ร่างกายเราจำเป็นต้องม ี

โคเลสเตอรอลที่เหมาะสมในกระบวนการเผาผลาญอาห

ารหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย หากเรากินอาหารที่ม ี

โคเลสเตอรอลต่ำตลอดเวลา ร่างกายก็ต้องผลิตออกมา

เพื่อสร้างความสมดุล

ถ้ าคุณมี โคเลสเตอรอลสูงกว่ าปกติอยู่ แล้ว

ไข่แดงก็ควรจะหลีกเลี่ยง แต่ทว่าขอให้ระลึกไว้ด้วยว่า

ภาวะโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด

โคเลสเตอรอลไมไ่ดเ้ปน็ปจัจยัเดยีวทีก่อ่ใหเ้กดิปญัหา(สว่นใหญเ่กดิจากความเครยีด ไมอ่อกกำลงักายหรอืกนิมากไป)

การเลือกกินเฉพาะไข่ขาวเพราะกลัวโคเลสเตอรอล ทำให้คุณพลาดคุณค่าที่ดีของไข่แดง เพราะในไข่แดง

มีสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี วิตามินเอ โฟเลต โคลีน และบรรดาเกลือแร่ต่าง ๆ แคลเซี่ยม เหล็ก

กินไข่ไขมันดีเพิ่ม มหาวิทยาลัย North Carolina สหรัฐอเมริกา สนับสนุนให้กินไข่ทุกวันเพราะเป็นแหล่ง

สารอาหารที่ถูกมากโดยเฉพาะโคลีนที่มีมากในไข่แดง ซึ่งช่วยให้ระบบเซลล์สื่อประสาททำงานได้ดี

ช่วยเรื่องความจำ เด็ก ๆ ควรกินสม่ำเสมอเพราะไม่ต้องห่วงเรื่องโคเลสเตอรอล

กินไข่ทำให้โคเลสเตอรอลตัวดี HDL เพิ่มมากขึ้น การมี HDL เพิ่มมากขึ้นทำให้อัตราส่วนโคเลสเตอรอล

รวมกับHDL ดีขึ้น สัดส่วนที่ดีหมายถึงเอาโคเลสเตอรอลรวมหารด้วย HDL ค่าที่ดีควรอยู่ที่ 2-3 ในผู้หญิง และ

3-4 ในผู้ชาย

กินไข่ไม่ทำให้อ้วน จากการติดตามศึกษากลุ่มคนที่รับประทานอาหารเช้าเป็นไข่เทียบกับกลุ่มที่ทานซี

เรยีลและขนมปงั เปอรเ์ซน็ตข์องผูท้ีก่นิไขเ่ปน็อาหารเชา้จะมนีำ้หนกัตวัเฉลีย่ตำ่กวา่อกีกลุม่ เปน็เพราะโปรตนีจากไข่

ร่างกายจะค่อย ๆ ย่อยเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ไม่เหมือนกับการกินคาร์โบไฮเดรตหรือไขมันที่จะย่อยเร็วกว่า จึง

ทำให้หิวเร็วกว่าและทานซ้ำมากกว่า

Page 17: วารสาร อบต.แม่พริก

แม้ว่าไข่จะมีโคเลสเตอรอลสูงถึง 200 มิลลิกรัมซึ่งสมาคมโรคหัวใจของอเมริกา (American Heart As-

sociation) ได้ให้ข้อกำหนดว่าเราควรกินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ทำการศึกษาว่าการกินไข่มากกว่าวันละฟองไม่ทำให้ความเสี่ยงของโรคหัวใจ

เพิ่มขึ้น แต่การปฏิเสธ ไม่กินไข่เลยหรือเลือกกินเฉพาะไข่ขาวไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเพราะร่างกายหากได้

โคเลสเตอรอลไม่เพียงพอร่างกายเราก็จะพยายามผลิตออกมาเอง ซึ่งอาจจะมากกว่าการกินเข้าไป

การกินแบบพอดี ไข่วันละฟองหรือสัปดาห์หนึ่ง 3-4 ฟอง ไม่ก่อปัญหาให้มากแต่ที่เป็นปัญหาส่วนใหญ่

เกิดจากการได้ไขมันส่วนเกินจากเครื่องเคียงเสียมากกว่า เช่น ไส้กรอกทอดที่อุดมด้วยน้ำมันทั้งนอกและใน

ไข่เจียวอมน้ำมัน หรือขนมปังทาเนยจริงหรือเทียม ล้วนเป็นตัวสร้างปัญหาให้มากกว่าตัวไข่เอง

กินไข่ต้มรับรองว่าคุณได้สารอาหารที่ครบคุณค่าและปลอดภัยจากไขมันที่มาจากการปรุง สำหรับผู้ใหญ่

ที่มีปัญหาสุขภาพก็ควรระมัดระวัง แต่สำหรับเด็ก ๆ ไข่คืออาหารที่วิเศษที่คุ้มค่าราคาเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่

ได้รับ

ที่มา : http://board.chaosiam.com/b37/t9953/?PHPSESSID=e84fc10c296956485ad0f4398ec1b49a

Page 18: วารสาร อบต.แม่พริก

หากพูดถึง “นมถั่วเหลือง” คงไม่มีใครไม่นึกถึง “น้ำเต้าหู้” แต่ถ้าหากพูดถึง “น้ำเต้าหู้”

หลายคนก็คงจะคิดถึง “นมถั่วเหลือง” ขึ้นมาใช่ม้า... (อิอิ) เอาล่ะ!! ว่าแล้วก็เข้าเรื่องเลยดีกว่า

วันนี้เรามีเกร็ดความรู้เรื่อง “น้ำเต้าหู้” มาฝากเพื่อนๆ กันด้วย สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ พลาดไม่ได้เด็ดขาด...

“น้ำเต้าหู้” หรือ “นมถั่วเหลือง” แหล่งโปรตีนชั้นดีสำหรับผู้ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์

หรือสำหรับคนที่บริโภคเนื้อสัตว์ ก็สามารถดื่มน้ำเต้าหู้เป็นอาหารเสริมได้ เพราะถั่วเหลืองที่นำมาทำน้ำเต้าหู้น้ัน

มีโปรตีนสูง และมีคุณค่าทางโภชณาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ถ้าเราบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่สูง

พอ ร่างกายของเราก็จะได้รับโปรตีนเพียงพอกับความต้องการได้ (ว้าว... วิเศษสุดๆ)

นอกจากนี้ ในถั่วเหลืองยังอุดมไปด้วยสารอาหารอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม

ฟอสฟอรัส วิตามิน A, B, B1, B2, B6, B12 ไนอาซิน และวิตามิน C, D, E และในเมล็ดถั่วเหลืองยังมี “เลซิทิน”

อันเป็นสารบำรุงสมอง เพิ่มความทรงจำ ลดไขมัน และลดโคเลสเตอรอลในร่างกายได้อีกด้วย

ทั้งนี้ การดื่มน้ำเต้าหู้จะได้รับประโยชน์กว่าเครื่องดื่มอื่นๆ ถ้าเทียบกับนมธรรมดาแล้ว

น้ำเต้าหู้จะมีข้อดีกว่า แต่บางอย่างก็จะสู้นมธรรมดาไม่ได้ โดยน้ำเต้าหู้ให้โปรตีนเกือบเท่านมธรรมดาทั่วไป มี

ไขมันที่ดีกว่าคือให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวมากกว่า และช่วยลดโคเลสเตอรอล สำหรับข้อเสีย คือ น้ำเต้าหู้จะให้แคล

เซียมได้น้อยมาก ดังนั้น จึงควรรับประทานอาหารอ่ืนที่มีแคลเซียมควบคู่กันไปด้วย เช่น ปลาทอดกรอบ

ผักคะน้า กวางตุ้ง เป็นต้น

ระโยชน์ของน้ำเต้าหู้ หรือ น้ำถั่วเหลืองป

ที่มา : http://www.yanchaow.com/view1489.aspx

Page 19: วารสาร อบต.แม่พริก