วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

32
สจส. ทางสะดวก ทางสะดวก ปีท่ 10 ฉบับที่ 1 ประจำ�เดือนกันย�ยน - ธันว�คม 2554 ISSN 1686-2082 สจส. สำ�นักก�รจร�จรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมห�นคร

Upload: -

Post on 22-Mar-2016

222 views

Category:

Documents


2 download

DESCRIPTION

สมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทย www.thaicycling.com

TRANSCRIPT

Page 1: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก

ทางสะดวกปีที่ 10 ฉบับที่ 1 ประจำ�เดือนกันย�ยน - ธันว�คม 2554 ISSN 1686-2082

สจส. สำ�นักก�รจร�จรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมห�นคร

Page 2: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

งานประชุมเตรียมความพร้อมณ ห้องโมเน่ -พิซาโร่ - เซซาน

โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554

กิจกรรมเปิดตัวโครงการณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการ

กรุงเทพมหานคร (กทม 1)

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2554

โครงการถวายปณธิาน ล้านหัวใจ รักษ์วินัยจราจร

Page 3: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สารบัญC O N T E N T S

บรรณาธิการ ชวนคุย

คณะที่ปรึกษานายธนา วิชัยสาร ผู้อ�านวยการส�านักการจราจรและขนส่งนายอรวิทย์ เหมะจุฑา รองผู้อ�านวยการส�านักการจราจร และขนส่ง (ด้านวิชาการและปฏิบัติการ)นายนิคม พรธารักษ์เจริญ รองผู้อ�านวยการส�านักการจราจร และขนส่ง (ด้านบริหาร)นายสุธน อาณากุล ผู้อ�านวยการส�านักงานวิศวกรรมจราจรบรรณาธิการนายบรรจง เหลืองรัตนมาศ ผู้อ�านวยการกองนโยบายและแผนงาน

วารสาร “สจส.ทางสะดวก”มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร กิจกรรม การดําเนินงาน

และเรื่องราวน่ารู้ด้านการจราจรและขนส่งในกรุงเทพมหานคร

เจ้าของ : สํานักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร

ผู้ช่วยบรรณาธิการนายมนัส นิ่มนวล หัวหน้าศูนย์สารสนเทศจราจรนายจ�านอง ปัญญาวิศิษฎ์กุล หัวหน้ากลุ่มงานสถิติและข้อมูลนายประพันธ์ คุณาวุฒิ หัวหน้ากลุ่มงานแผนงานและประเมินผลกองบรรณาธิการนายไตรภพ ขันตยาภรณ์ หัวหน้าศูนย์ควบคุมระบบจราจรนางรัชนี พงษ์ธานี นักวิเคราะห์นโยบายและแผนงานช�านาญการนางเครือฟ้า บุญดวง นักวิชาการคอมพิวเตอร์ช�านาญการนายบุญสม สุวรรณปิฎกกุล นักวิจัยจราจรช�านาญการนางสาวครองศิริ โอรัญรักษ์ นักวิชาการคอมพิวเตอร์ช�านาญการนางสาวจณิสตา เอมครุฑ นักวิชการคอมพิวเตอร์ช�านาญการนายธีรวัจน์ หงษ์แสนยาธรรม วิศวกรโยธาช�านาญการฝ่ายศิลป์นายประวิทย์ มหาครุธ นายช่างศิลป์ช�านาญงานฝ่ายประสานงานและเลขานกุารนางสาวอุไรวรรณ เทียมเมือง นักวิชาการคอมพิวเตอร์ช�านาญการ

พิมพ์ที่ โรงพิมพ์ดอกเบี้ย จ�ำกัด1032/203-208 ซอยร่วมศิริมิตร ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0 2272 1169-72 โทรสาร 0 2272 1173 e-mail : [email protected]

ออกแบบคอมพิวเตอร์กรำฟิก : จารุวรรณ ศักดิ์มังกร, วัลลภ โตงาม

ติดต่อกองบรรณ�ธิก�ร 44 ถนนวิภ�วดีรังสิต ดินแดง กรุงเทพฯ 10400 โทร 0-2354-1215 Fax 0-2354-1210 www.bangkok.go.th/trafficแจ้งสัญญ�ณไฟขัดข้อง ป้�ยจร�จรชำ�รุด 24 ชั่วโมง ได้ที่ 0-2354-1234

• โครงกำรถวำยปณิธำน 4 ล้ำนหัวใจรักษ์วินัยจรำจร

• โครงกำรจุดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสำร 12 รถแท็กซี่

• หลักกำรเบื้องต้นของกฎหมำย 15

เกี่ยวกับกำรจรำจร (ตอนที่ 1)

• ควำมปลอดภัยทำงถนน : คนเดินเท้ำ 20• 5 เคล็ดลับ รับมือยำมรถติด 26

ปัญหาการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เพิ่มมากขึ้น

ทกุวนันบัเป็นเรือ่งทีต้่องแก้ไขอย่างเร่งด่วน และต่อเนือ่ง ถ้าปล่อยให้เป็นธรุะ

ของภาครัฐเพียงล�าพังจะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ให้ส�าเร็จลุล่วงไปได้

จ�าเป็นต้องได้รบัความร่วมมอื ร่วมใจจากประชาชน ผูใ้ช้รถใช้ถนนเป็นส�าคญั

โดยการรณรงค์ให้ประชาชนรกัษาระเบยีบวนิยัจราจรอย่างเคร่งครดั กระตุน้

ให้มีจิตส�านึกและมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อผู้ร่วมสัญจรบนท้องถนน

รวมถงึความมนี�า้ใจเอือ้เฟ้ือเผือ่แผ่ต่อผูร่้วมทาง เพิม่ความระมดัระวงัป้องกนั

ลดอุบัติเหตุ อันเป็นปัญหาส�าคัญ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู ่หัว

ทรงห่วงใยพสกนกิรทีต้่องประสบปัญหาจราจรอย่างหนกั ทรงให้ความส�าคญั

กับปัญหานี้ และลงมือเป็นตัวอย่าง ทรงปฏิบัติ แก้ไขอย่างได้ผล

ด้วยพระบารมีและพระอัจฉริยะภาพ

ส�านักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ร่วมกับเอกชน

ทุกภาคส่วน และประชาชนชาวไทย ส�านึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร่วมกัน

แสดงความจงรักภักดี โดยด�าเนินโครงการถวายปณิธานล้านหัวใจ

รักษ์วินัยจราจร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ

5 ธันวาคม 2554

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนำน

ข้ำพระพุทธเจ้ำข้ำรำชกำรและลูกจ้ำง

ส�ำนักกำรจรำจรและขนส่ง

Page 4: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก4

จากการด�าเนินโครงการตลอดระยะเวลา 270 วัน เพื่อให ้บรรลุ เป ้าหมาย ที่วางไว้ โดยการรวมพลังประชาชนสอดคล้องกับเจตนารมณ์ “รวมกัน เราท�าได้” ตั้งปณธิาน “รักษ์วินัยจราจร” พร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ อย่างน้อย 1,000,000 รายชื่อ เพื่อท�าความดีถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อจุดประกายการสร้างจิตส�านกึและปลุกกระแสรักษ์วินัยจราจรของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนให้เกิดขึ้นและขยายผลออกไปในวงกว้าง

Page 5: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 5

จากเป้าหมาย คือ การรวบรวมรายชื่อผู้แสดงความจ�านงในการถวายปณิธานให้ได้อย่างน้อย 1,000,000 รายชื่อ

ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 สิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม 2554 จึงได้มีการวางแผนขับเคลื่อนและประชาสัมพันธ์โครงการ

อย่างเป็นขั้นตอนเพื่อให้โครงการบรรลุผล เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมและทั่วถึง

Page 6: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก6

โดยในช่วง 2 เดือนแรก จะมีการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุก คือเป็นการประชาสัมพันธ์ปูพรม เพื่อสร้างกระแส

ให้เกิดการรับรู้อย่างกว้างขวาง สร้างความเข้าใจ พร้อมเชิญชวนเข้าร่วมถวายค�าปณิธาน รูปแบบสื่อและกิจกรรมในช่วงนี้

จึงเน้นที่การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของโครงการ พร้อมชี้ให้เห็นถึงความหมายและ

ความส�าคัญของการมีวินัยจราจร ความจ�าเป็นที่ต้องมี และความสูญเสียที่เกิดจากการขาดน�้าใจ ขาดวินัยและประมาท

เพื่อให้กลุ ่มเป้าหมายมีความรู ้ ความเข้าใจมากขึ้น และตระหนักถึงความส�าคัญของปัญหาดังกล่าว โดยเลือกใช้

สื่อสาธารณะที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้าง เช่น อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์

หน้า facebookหน้า website http://www.club-dd.com

Page 7: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 7

ต่อมาจะเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อขยายผล เมื่อกลุ่มเป้าหมายเริ่มรับรู้และจดจ�าสาระหลักที่ต้องการสื่อได้แล้ว

สิ่งที่ท�าเป็นล�าดับต่อไปคือ การต่อยอดขยายผล เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในสาระที่ต้องการสื่อ

เพิ่มขึ้น ซึ่งจะท�าให้กลุ่มเป้าหมายเกิดจิตส�านึกและทัศนคติที่ดี อันจะน�าไปสู่การยอมรับ คล้อยตาม และปรับเปลี่ยน

พฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนนได้ในที่สุด โดยเลือกใช้สื่อที่มีเนื้อที่เพียงพอในการบรรจุเนื้อหาสาระ เพื่อโน้มน้าว ชักจูง และ

กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องโดยง่าย สามารถเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายได้ดี เช่น ใบปลิว

โปสเตอร์ บอร์ดประชาสัมพันธ์

Page 8: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก8

และช่วงถัดไป จะเป็นการประชาสัมพันธ์

รณรงค์ ซึ่งในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ใดๆ นั้น การสร ้างความรู ้ความเข ้าใจเพียง

อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ

Page 9: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 9

สิ่งส�าคัญที่จะท�าให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการ

ยอมรับ เกิดทัศนคติที่ดี เกิดแรงจูงใจและคล้อยตาม

จนเกิดพฤติกรรมปฎิบัตินั้น ต้องท�าให้กลุ่มเป้าหมาย

รู ้สึกมีส ่วนร่วมกับโครงการด้วยการจัดกิจกรรม

สอดแทรกเนื้อหาสาระที่ต้องการสื่อและเปิดโอกาส

ให้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อสร้างความ

รู ้สึกถึงการเป็นพวกเดียวกันด้วยการ จัดกิจกรรม

รณรงค์ตามสถานที่ส�าคัญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

Page 10: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก10

ซึ่งสื่อและกิจกรรมที่ด�าเนินการอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ

บุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสื่อบุคคลที่เป็นที่เคารพยกย่องและน่าเชื่อถือ โดย

ทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรมรณรงค์จะมีการเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ศิลปิน ดารา

นักแสดง ผู้น�าชุมชน คนดังในพื้นที่ ผู้บริหาร หรือผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานนั้นๆ

เข้าร่วมถวายปณิธานด้วย

Page 11: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 11

และจากพลังแห่งความจงรักภักดีของพสกนิกรทุกหมู ่เหล่า ท�าให้โครงการ

ถวายปณิธานล้านหัวใจรักษ ์วินัยจราจร ได ้รวบรวมรายชื่อผู ้ร ่วมถวายปณิธาน

ครบตามเป้าหมาย 1,000,000 ที่ตั้งไว้แล้ว แต่ก็เป็นที่น่ายินดียิ่งที่ยังมีผู้แสดงความจ�านง

เข้าร่วมถวายปณิธานเพิ่มอีกจ�านวนมาก

จากการจัดงานแถลงข่าวโครงการเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ได้ประกาศ

ความส�าเร็จโครงการ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมถวายปณิธาน ล้านหัวใจรักษ์วินัยจราจรถึง 2,140,615

รายชื่อ บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เนื่องในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา

Page 12: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก12

โครงการจุดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสาร

รถแท็กซี่โดย นายภูริชญ์ พิทักษ์วรพันธ์

วิศวกรโยธาปฏิบัติการ กลุ่มงานระบบจราจรอัจฉริยะกองพัฒนาระบบจราจร ส�านักการจราจรและขนส่ง

ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครเป็นปัญหาส�าคัญ ในพื้นที่ที่ เป ็นแหล่งชุมชน และมีความคับคั่งของการจราจร มีปัญหาเกี่ยวกับการรับ-ส่งผู้โดยสารรถแท็กซี่ ซึ่งหยุดรับ-ส่งบนผิวทางจราจรท�าให้การจราจรติดขัด ประกอบกับปัจจุบันทั่วโลกประสบกับปัญหาน�้ามันแพง ส�านักการจราจรและขนส่ง จึงมีแนวคิดแก้ไขปัญหาโดยจัดสร้างจุดหยุดรถแท็กซี่ที่ ใช้พื้นที่ ทางเท้าและผิวจราจรร่วมกัน โดยลดระดับทางเท้าหรือท�าเป็นทางลาด ในพื้นที่ที่เป็นแหล่งชุมชน และบริเวณถนนที่การจราจรติดขัดไม่สามารถหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารบนผิวทาง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดอันเนื่องมาจากการหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารรถแท็กซี่ บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในภาพรวม และเป็นมาตรการประหยัดพลังงาน ซึ่งส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางด้วย ระบบขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนบุคคล

สจส. ทางสะดวก12

Page 13: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 13

รูปแบบจุดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารรถแท็กซี่ - ใช้พื้นที่ทางเท้าและผิวจราจรร่วมกัน

- ปรับเป็นทางลาด หรือลดระดับผิวทางเท้า โดยมีระดับสูงจากผิวถนน ๕ เซนติเมตร

- ลึกเข้าไปในทางเท้าประมาณ 0.90-1.50 เมตร พร้อมผายปากจุดหยุดรถแท็กซี่

(รถแท็กซี่หยุดรับ-ส่งผู ้โดยสาร โดยคร่อมทางเท้าประมาณ 0.90-1.50 เมตร และคร่อม

ผิวจราจรบางส่วน)

วัตถุประสงค์ 1. เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดจากการให้บริการและใช้บริการรถแท็กซี่

2. เพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ และผู้ใช้ถนนโดยทั่วไป

3. เพื่อพัฒนาระบบให้การบริการและจัดระเบียบการให้บริการรถแท็กซี่

4. เพื่อประหยัดพลังงาน และส่งเสริมการใช้รถสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนบุคคล

- ติดตั้งป้ายแสดงต�าแหน่งจุดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารรถแท็กซี่

สจส. ทางสะดวก 13

Page 14: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก14 สจส. ทางสะดวก14

หลังก่อนด�ำเนินกำรก่อนด�ำเนินกำร

ก่อนด�ำเนินกำร หลังก่อนด�ำเนินกำร

2. จุดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสำรรถแท็กซี่บริเวณหน้ำตลำดสด อตก. ถนนก�ำแพงเพชร

งานจัดสร้างจุดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารรถแท็กซี่ (โครงการน�าร่อง) โครงการจัดสร้างจุดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารรถแท็กซี่ เป็นการอ�านวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการรถแท็กซี่บนถนน

สายส�าคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จ�านวน 980 จุด โดยส�านักการจราจรและขนส่งได้มีจัดท�าโครงการน�าร่องการจัดสร้าง

จุดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารรถแท็กซี่ จ�านวนสองแห่ง เพื่อใช้เป็นต้นแบบ ดังนี้

1. จุดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสำรรถแท็กซี่บริเวณหน้ำโรงเรียนศรีอยุธยำ ถนนศรีอยุธยำ

ซึ่งในอนาคตจะขยายโครงการอย่างต่อเนื่องไปยังบนถนนสายส�าคัญทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อแก้ไขและบรรเทา

ปัญหาการจราจรติดขัดอันเนื่องมาจากการหยุดรับ-ส่งผู ้โดยสารรถแท็กซี่ และสนับสนุนมาตรการประหยัดพลังงาน

ซึง่ส่งเสรมิให้ประชาชนเดนิทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนบคุคลต่อไป

Page 15: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 15

จณิสตา เอมครุฑ

นักวิชาการคอมพิวเตอร์ช�านาญการ

หลักการเบื้องต้นของกฎหมายเกี่ยวกับการจราจร

(ตอนที่ 1)

ลักษณะส�าคัญประการหนึ่ งของกฎหมายก็คือ กฎหมายต ้องเป ็นค�าสั่ ง หรือข ้อบังคับที่ ใช ้ ได ้ เสมอไป (Continuity) หมายความว่ากฎหมายเมื่อประกาศมีผลบังคับใช้แล้วก็ใช้ได้ตลอดไปจนกว่าจะถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิก โดยกระบวนการที่ถูกต้องตามขั้นตอนในภายหลัง เพราะตราบใดที่ยังไม่มีการยกเลิกก็ต้องถือว่ากฎหมายนั้น ยังมีอยู่ จะหยิบยกขึ้นมาใช้เมื่อใดก็ยังคงมีผลบังคับใช้ได้ การกระท�าความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรเป็นการกระท�าผิดที่มีโทษทางอาญาประเภท Mala Prohibita ซึ่งหมายถึงการกระท�าผิดที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ว ่าเป็น

ความผิด กล่าวคือการกระท�านั้น ๆ ไม่ได้เป็นความชั่วหรืออาชญากรรมด้วยตัวของมันเองแต่อย่างใด เช่น การที่ผู้ขับขี่รถยนต์จะเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวาก็ย่อมสามารถกระท�าได้โดยอิสระหากขับขี่ในบ้านของตนเอง แต่หากขับขี่ไปบนท้องถนนแล้วฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบังคับห้ามเลี้ยวซ้ายเข้า ก็จะเป็นความผิดทันที ทั้ง ๆ ที่การเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาก็ไม่ได้เป็นการชั่วหรือเป็นอาชญากรรมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเมื่อกฎหมายบัญญัติความผิดเกี่ยวกับการจราจรขึ้นมาแล้ว ผู้บังคับใช้กฎหมายก็จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมต่อทุกคน ดังนั้นผู้บังคับ

บางคนคิดว่ากฎหมายเป็นเรื่องยากที่จะท�าความเข้าใจ แต่อย่าลืมว่ากฎหมายนีท้�าให้ทุกคน อยู่ในระเบียบวินัยที่ดี การที่รู้เรื่องกฎหมายอยู่บ้างนับว่าเป็นก�าไร เป็นประโยชน์ต่อตนเองที่จะน�าไปใช้ มีโอกาสได้อ่านกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรใน Internet เห็นว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่น่าสนใจ ซึ่งทุกท่านอาจมองข้าม เลยถือโอกาสน�ามาเผยแพร่แก่ทุกคนค่ะ

Page 16: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก16

ใช้กฎหมายทุกฝ่ายจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในกฎหมาย ที่เกี่ยวกับการจราจรเป็นอย่างดี หลักการเบื้องต้นของกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรที่ควรทราบเป็นพื้นฐานเบื้องต้นและน�า ไปใช้ มีดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ปัญหาการจราจร - ที่มาของปัญหาได้จากปัจจัยส�าคัญ 4 ประการ คือ 1.1 ถนน และผังเมือง 1.2 ปริมาณรถ และทิศทางการเดินรถ 1.3 พฤติกรรมการขับขี่ 1.4 การบริหารงานจราจร - ถนนตามหลักวิศวกรรมจราจร แบ ่งเป ็น 4 ประเภท 1. ทางด่วน (Expressway) 2. ถนนสายหลัก (Arterial Street) 3. ถนนสายรอง (Collector Road) 4. ถนนสายย่อย (Local Road)

Page 17: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 17

- ลักษณะของถนน แบ่งเป็นตามล�าดับชั้นของถนน ได้แก่ ถนนสายหลัก, ถนนสายรอง, ถนนสายย่อย - การบริหารงานจราจร ประกอบด้วยปัจจัย 3 E คือ 1. E – Education การให้การศึกษา 2. E – Enforcement การบังคับใช้กฎหมาย 3. E – Engineering การด�าเนินการทางวิศวกรรม - วิศวกรรมจราจร คือ วิศวกรรมแขนงหนึ่ ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางแผน การออกแบบ การควบคุมระบบการจราจรของถนนทางหลวง ตลอดจนการใช้บริเวณที่ดิน ใกล้เคียงและศึกษาความสัมพันธ์กับระบบการขนส่งชนิดอื่น หรือหมายถึง การน�าเอาหลักการ เครื่องมือ วิธีการ เทคนิค ตลอดจนการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และประหยัดในการเคลื่อนย้ายขนถ่ายผู้โดยสาร และสิ่งของ องค์ประกอบของการจราจร มีอยู่ 3 ประการ 1. คนขับรถและคนเดินถนน 2. รถ และ ระบบการขนส่งทางบก 3. ถนนและสัญญาณไฟจราจร - สัญญาณไฟจราจร (Traffic – Signalization) ใช้ในการควบคุมการจราจร แบ่งเป็น 4 ประเภท 1. ชนิดตั้งเวลาล่วงหน้า (Pre-Timed) 2. ชนิดกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Actuated) 3. ชนิดอัตโนมัติ (Fully- Actuated) 4. ชนิดวัดปริมาณความหนาแน่นของรถ (Volume - Density)

Page 18: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก18

ข้อ 2. ระบบควบคุมสั่งการจราจร คือ ระบบที่ใช้เทคโนโลยีในการควบคุมการจราจร หรือสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่บนท้องถนนในการประสานการท�างาน, จัดการจราจร เพื่อให้เกิดการควบคุมสภาพการจราจร และมีการวางแผนการจราจร อย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งออกเป็น 2.1 ระบบควบคุมและสั่งการ (Command Control System) - ระบบ CCTV ควบคุมสภาพการจราจรบนท้องถนน (กล้องวงจรปิด) ควบคุมโดยศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - ระบบ ATC ควบคุมสัญญาณไฟจราจรตามทางแยก - ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ

1.1 เรื่องของ “รถ” กับกฎหมายจราจร ให้ความหมายไว้ ดังนี้ ก. ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 “รถ” หมายความว่า ยานพาหนะ ทางบกทุกชนิดเว้นแต่รถไฟ และรถราง (ชนิดของรถ ยังแยกออกเป็นชนิดต่าง ๆ อีก เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน รถฉุกเฉิน รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถโรงเรียน รถโดยสารประจ�าทาง รถแท็กซี่ รถลากจูง รถพ่วง ซึ่งมีหมายความหรือค�าจ�ากัดความต่างกันไป) ข. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถ” หมายความว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอื่นตามที่ก�าหนดในกฎกระทรวง (รถยนต์ รถยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการ รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ ก็มีค�าจ�ากัดความต่างกันออกไปอีก) ค. ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 “รถ” หมายความว่า ยานพาหนะ ทุกชนิดที่ใช้ในการขนส่งทางบก ซึ่งเดินด้วยก�าลังเครื่องยนต์ ก�าลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น และหมายความรวมตลอดถึงรถพ่วงของรถนั้นด้วย ทั้งนี้เว้นแต่รถไฟ ข้อสังเกต ค�าว่า “รถ” ตามหมายความของกฎหมายแต่ละฉบับนั้นมีความหมายไม่เหมือนกัน 1.2 เรื่องของ “คน” กับกฎหมายจราจร ให ้ ความหมายไว้ ดังนี้ ก. ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 “ผู้ขับขี่” หมายความว่า ผู้ขับรถผู้ประจ�าเครื่องอุปกรณ์การขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง ผู้ลากเข็นยานพาหนะ “คนเดินเท้า” หมายความว่า คนเดินและให้รวมตลอดถึงผู ้ใช้เก้าอี้ล้อส�าหรับคนพิการ หรือรถส�าหรับเด็กด้วย “เจ้าของรถ” หมายความรวมถึงผู้มีรถไว้ในครอบครองด้วย “ผู้เก็บค่าโดยสาร” หมายความว่า ผู้ซึ่งรับผิดชอบในการเก็บค่าโดยสาร และดูแลคนโดยสารที่อยู่ประจ�ารถบรรทุกคนโดยสาร 1.3 เรื่องของ “ทาง” กับกฎหมายจราจร มีก�าหนดให้ความหมายไว้ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ก�าหนดให้ความหมายดังนี้ “ทาง”” หมายความว่าทางเดินรถ ช่องเดินรถ ช่องเดินรถประจ�าทาง ไหล่ทาง ทางเท้า ทางข้าม ทางร่วมทางแยก ทางลาด ทางโค้ง สะพาน และ ลานที่ประชาชนใช้ในการจราจร และให้หมายความรวมถึงทางส่วนบุคคลที่เจ้าของยินยอมให้ประชาชนใช้ในการจราจร หรือที่เจ้าพนักงานจราจรได้ประกาศให้เป็นทางตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย แต่ไม่รวมถึงทางรถไฟ

- ระบบถ่ายภาพผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟ 2.2 ระบบการสั่งการ (Command system) - สร้างข่ายวิทยุสื่อสารของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ให้สามารถท�างานประสานกันได้ และสามารถควบคุมรถยนต์ทุกชนิด ไว้ในระบบเดียวกัน 2.3 ระบบสารสนเทศ (Information System) - ระบบแผนที่กราฟิก (Graphic Mapping) - ระบบสถิติสถานภาพข้อมูลจราจร - ระบบจ�าลองสถานการณ์จราจร 2.4 ระบบประชาสัมพันธ์ (Public Relation System) - ระบบแผ่นป้ายสลับข้อความ (Variable Message Signboard) - ระบบรายงานข่าวทางวิทยุกระจายเสียง ข้อ 3. ค�าจ�ากัดความในกฎหมายเกี่ยวกับการจราจร การจราจรเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องของรถ คน ถนน และ มีกฎหมายหลายฉบับซึ่งให้ความหมายหรือค�าจ�ากัดความ ไว้ต่างกัน จึงจ�าเป็นต้องศึกษาและท�าความเข้าใจให้ชัดเจน ในเรื่องดังต่อไปนี้

Page 19: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 19

“ทาง” ถือว่ามีความส�าคัญอย่างยิ่ง เพราะสถานที่ เกิดเหตุในคดีจราจรจะต้องเกิดขึ้นในทางเสียก่อนเมื่อคดี เกิดขึ้นในทางแล้ว จึงน�าเอาตัวบทกฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เข้าไปพิจารณามีความเห็นทางคดีได้ แต่ถ้าเมื่อใดสถานที่เกิดเหตุไม่ใช่ทาง ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ นี้แล ้ว พนักงานสอบสวนก็ไม ่สามารถ จะน�าเอาตัวบทกฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ นี้เข้าปรับพิจารณามีความเห็นทางคดีได้ เมื่อพิจารณาตามค�าจ�ากัดความของค�าว่า “ทาง” ตามมาตรา 4 (2) แล้ว สามารถแยกอธิบายได้เป็น 2 ประการ คือ 1) “ทาง” ตามความหมายที่ 1 หมายถึง ถนนหนทางต่าง ๆ ตรอก ซอย โดยสภาพมองเห็นชัดเจน และอยู่ในความดูแลของทางราชการ หรือของแผ่นดิน ในการพิจารณาใช้เป็นสถานที่ เกิดเหตุของพนักงานสอบสวนในทางปฏิบัตินั้น ไม ่มีป ัญหาสามารถพิจารณาดูได ้ เช ่น ถนนพหลโยธิน ถนนนารายณ์มหาราช ซอยต่าง ๆ ที่แยกออกจากถนนต่าง ๆ ดังกล่าว และตามถนนดังกล่าวก็จะมีเครื่องหมายการจราจรก�าหนดไว้

ส�าหรับ “ทาง” ในความหมายที่ 2 นี้พิจารณาแล้วเห็นว่าจะมีปัญหาต่อพนักงานสอบสวนค่อนข้างมาก เพราะบางสถานที่ไม่สามารถจะพิจารณาได้ชัดเจนว่าเจ้าของทางนั้น “ยินยอม” ให้ประชาชนใช้ในการจราจรหรือไม่ และค�าว่ายินยอมนั้นแค่ไหน เพียงใดถึงจะว่ายินยอม ข้อ 4. ศึกษาสภาพของ รถ คน ถนน ว่ามีกฎหมายใดก�าหนดไว้เป็นอย่างใด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสภาพ ของรถจะก�าหนดไว้ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ฯ (ส�าหรับรถเล็ก) พ.ร.บ.การขนส่งทางบกฯ (ส�าหรับรถใหญ่) เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่พบเห็นรถควรพิจารณาเป็นอันดับแรกให้ได้ว่ารถคัน ดังกล่าวนั้น ด�าเนินการถูกต้องเรื่องสภาพของรถตามกฎหมายที่ก�าหนดไว้หรือไม่ เช่น การจดทะเบียน การเสียภาษีประจ�าปี และการมีเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบครบถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นรถที่ได้รับการยกเว้นตามข้อกฎหมายหรือไม่ (พ.ร.บ.รถยนต์ฯ ม.8,9) เป็นต้น การสังเกตประเภทของรถที่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางบกฯ สามารถสังเกตได้จากรหัส ตัวเลข 2 ตัว แสดงประเภทการขนส่ง แล้วตามด้วยตัวเลขอีก 4 ตัว ซึ่งเลขรหัส 2 ตัว ข้างหน้านั้นมีการใช้แสดงประเภทของรถขนส่ง ดังนี้ 1. รถโดยสารประจ�าทาง ใช้หมายเลขตั้งแต่ 10 ถึง 19 2. รถขนาดเล็ก ใช้หมายเลขตั้งแต่ 20 ถึง 29 3. รถโดยสารไม่ประจ�าทาง ใช้หมายเลขตั้งแต่ 30 ถึง 39 4. รถโดยสารส่วนบุคคล ใช้หมายเลขตั้งแต่ 40 ถึง 49 และ 50 ถึง 59 5. รถบรรทุกประจ�าทาง ใช้หมายเลขตั้งแต่ 60 ถึง 69 6. รถบรรทุกไม่ประจ�าทาง ใช ้หมายเลขตั้ งแต ่ 70 ถึง 79 7. รถบรรทุกส่วนบุคคล ใช้หมายเลขตั้งแต่ 80 ถึง 89 และ 90 ถึง 99 สภาพหรือคุณสมบัติของคนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายจราจรควรจะต้องศึกษา ถึง “ผู้ขับขี่” ว่าเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เป็นผู ้ขับขี่รถนั้น ตรงตามกฎหมาย ตรงตามประเภทของ ใบอนุญาตหรือไม่ (พ.ร.บ.รถยนต์ ฯ ม.43, ม.43 ทวิ หรือ พ.ร.บ.การขนส่งทางบกฯ ม.92, ม.94 และ ม.95 ) เป็นต้น สภาพของถนนหรือทางควรจะต้องพิจารณาก่อนว่าถนนหรือซอยหรือทางนั้นเป็น “ทาง” ตามความหมายของกฎหมายจราจรตามข้อ 1.3 ที่กล่าวมาแล้วนั้นหรือไม่

ที่มำ : www.p1.police.go.th/download

“ลาน” ที่ประชาชนใช้ในการจราจร ซึ่งลานดังกล่าวนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ ทางราชการโดยสภาพที่มองเห็น ลานไม่ใช่ถนนแต่เป็นลานที่ประชาชนใช้ในการจราจร เช่น ในกรุงเทพมหานคร คือ ลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นต้น 2) “ทาง” ตามความหมายที่ 2 หมายถึง ทางส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นของบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ก็ได้ แต่ไม่ใช่ของทางราชการไม่ใช่ของแผ่นดิน แต่ที่เป็น “ทาง” เพราะกฎหมายนี้ ก�าหนดให้เป็นทาง ทางที่เป็นของส่วนบุคคลที่จะจัดว่าเป็นทาง ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ก็หมายถึง ทางที่ส่วนบุคคลนั้น (เจ้าของทาง) ยินยอมให้ประชาชนใช้ ในการจราจร

Page 20: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก20

สังคมปัจจุบัน เศรษฐกิจจะชี้ชะตาความเป็นอยู่ของผู้คน การพัฒนาระบบการขนส่งโครงการใหญ่ช่วยผลักดันการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ รวมถึงการด�ารงชีวิตของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการทางด่วนยกระดับ โครงการถนนมอเตอร์เวย์ โครงการรถไฟฟ้าฯลฯ ซึ่งรัฐบาลได้ยึดถือเป็นหลักในการแก้ไขปัญหาจราจรและขนส่งตลอดมา โดยมีเป้าหมายให้เกิดการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว จึงอาจลืมไปว่ารากฐานการเดินทางที่ส�าคัญที่สุด ในการพัฒนาระบบขนส่งก็คือ “คนเดินเท้า” เท่าที่ลองนึกนึกดู ความปลอดภัยและความสะดวกของคนเดินเท้ามักเป็นส่วนเล็กน้อยที่ฝากอยู่ในโครงการใหญ่ๆ เหล่านั้น และบางทีก็ละเลยในส่วนนี้ด้วย โดยอ้างเป็นอุปสรรคต่อโครงการ เช่น การก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด มีการขยายผิวจราจรเพิ่มแต่ไปลดความกว้างทางเท้า ท�าให้ต้องรื้อถอนสะพานคนเดินข้ามถนน (สะพานลอย) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส�าหรับคนเดินเท้า และไม่สร้างกลับคืน (เนื่องจากทางเท้าแคบลง ไม่เพียงพอต่อการก่อสร้างตอม่อบันไดสะพานฯ) การสร้างทางเดินส�าหรับคนเดินเท้าประเภททางข ้าม(ทางม ้าลาย) ที่อาจเสี่ยงต ่ออันตรายเนื่องจากผิวจราจร(ถนน) กว้างมากและไม่อยู ่ในต�าแหน่งที่เหมาะสม เนื่องจากอันตรายและไม่สะดวกต่อการใช้สอย

คนเดินเท้าเป็นผู้ใช้ถนนกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงต่ออันตรายที่จะได้รับเนื่องจากบาดเจ็บ/เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มากกว่าผู้ใช้ถนนประเภทอื่นและเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายใดๆ เหมือนผู้ใช้ถนนที่ใช้รถจักรยานยนต์มีหมวกนิรภัย หรือผู้ใช้รถยนต์มีเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัย การเดินเท้าไม่จ�าเป็นต้องมีการทดสอบหรือฝึกหัดใดๆ การเดินเท้าเป็นธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเกิดมา การเดินเท้าแสดงถึงความสามารถของมนุษย์ในการตอบสนอง รับรู ้ ตลอดจนตระหนักถึงความปลอดภัยของตนในระหว่างเดินทาง การเดินเท้าจึงเป็นรูปแบบของการเดินทางที่ยั่งยืน ไม่ต้องการพลังงานหรือเชื่อเพลิงใดๆ และไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม

ความปลอดภัยทาง ถนน : คนเดินเท้าโดยนางกัลยา นาควัชระ

หัวหน้ากลุ่มงานวิศวกรรมความปลอดภัย

สจส. ทางสะดวก20

Page 21: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 21

ถนนที่ไม่มีทางเท้าหรือไหล่ทางถนนที่มีทางเท้า ในเวลาต่อมากฎหมาย(จราจร) ได้เพิ่มเติมทางส�าหรับให้คนเดินเท้าข้ามทางโดยก�าหนดเป็นทางข้าม โดยทางข้ามเป็นส่วนของทางที่เจ้าพนักงานจราจรท�าเครื่องหมายเป็นเส้นหรือแนวแบ่งไว้บนพื้นทางส�าหรับให้คนเดินเท้าข้ามทาง ต่อมาได้มีการปรับปรุงกฎหมายจราจร โดย พรบ.จราจรทางบกปี พ.ศ.๒๕๒๒ ได้ตราบทเกี่ยวกับคนเดินเท้าในมาตรา ๑๐๓ “ทางใดที่มีทางเท้าหรือไหล่ทางอยู่ข้างทางเดินรถ ให้คนเดินบนทางเท้าหรือไหล่ทาง ถ้าทางนั้นไม่มีทางเท้าอยู่ข้างทางเดินรถ ให้เดินริมทางด้านขวาของตน” จะเห็นว่าการเดินบนถนนที่ไม่มีทางเท้าให้เดินชิดขวา แต่การเดินบนทางเท้าไม่ได้บอกไว้ชัดเจนว่าให้เดินชิดด้านใด ปัจจุบันประเทศต่างๆ ให้ความส�าคัญอย่างมากแก่คนเดินเท้า มีการจัดท�าทางเท้าให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยเฉพาะแยกออกจากทางเดินรถ รวมถึงประเทศไทยด้วย เช่น การจัดท�าเครื่องหมายจราจรทางข้าม (ม้าลาย) การจัดท�าสะพานคนเดินข้ามถนน (สะพานลอย) การจัดท�าสะพานคนเดินข้ามถนน (สะพานลอย) มีการจัดระเบียบการเดินเท้าขึ้นลงบันไดสะพานโดยให้เดิน ชิดขวาหรือชิดซ้าย แตกต่างกันเนื่องจากพฤติกรรมหรือทิศทางการจราจรบนถนนของแต่ละประเทศและเมือง การเดินเท้าที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการเดินบนทางเท้า ทางข้าม(ทางม้าลาย) และบนถนนที่ไม่มีทางเท้า ที่จัดระเบียบเพื่อความปลอดภัย มีกฎหมายรองรับ ส�าหรับการเดินเท้า อีกประเภทหนึ่ง ได้แก่ การเดินขึ้น-ลงบันไดชนิดต่างๆ ได้แก่ บนบันไดสะพานคนเดินข้าม(สะพานลอย) บนบันไดเลื่อน ในระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(รถไฟฟ้า BTS) ระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน ในสนามบิน (รวมถึงทางเดินเลื่อน) ตลอดจนในห้างสรรพสินค้าต่างๆ มีการจัดระเบียบการเดินในระดับหนึ่ง บ้างให้เดินชิดขวา บ้างให้เดินชิดซ้าย โดยที่อาจสัมพันธ์กับทิศทางการจราจรบนถนนของท ้องที่ นั้ นหรื อ ไม ่ ก็ ได ้ (ตารางที่ 1)

“ในทำงที่มีทำงเท้ำ ให้เดินบนทำงเท้ำ และเมื่อเดินบนทำงเท้ำใดให้เดินชิดซ้ำยทำงเท่ำนั้น ในกรณีที่ถนนไม่มีทำงเท้ำ ให้เดินชิดขอบทำงด้ำนขวำ เว้นแต่เมื่อมีรถรำงเดินด้ำนนั้น จึงให้เดินใกล้ขอบทำงด้ำนซ้ำย” จะเห็นว่ำกำรเดิน บนทำงเท้ำให้เดินชิดซ้ำย ส่วนกำรดินบนถนน (ไม่มีทำงเท้ำ) ให้เดินชิดขอบทำงด้ำนขวำ”

การให้ความส�าคัญในการเดินเท้าเพื่อความปลอดภัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยแสดงถึงวัฒนธรรม ได้เริ่มมีขึ้นหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ พ.ศ.๒๔๗๕ ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้ตราไว้ในมาตราหลายมาตรา อาทิ มาตรา ๕๔ มีกล่าวเกี่ยวกับการเดินเท้าไว้ว่า

สจส. ทางสะดวก 21

Page 22: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก22

ตารางที่ 1 : แสดงพฤติกรรมการเดินเท้าโดยใช้บันไดเลื่อน

ที่มำ : สื่อออนไลน์ (Social Media)

กำรใช้บันได ขึ้น – ลง กำรเดินรถ

ล�ำดับ ประเทศ เดิน ยืน (ทิศทำง (Walk) (Stand) จรำจร บนถนน)

1) สหรัฐอเมริกา ซ้าย ขวา ขวา

2) จีน ซ้าย ขวา ขวา

3) รัสเซีย ซ้าย ขวา ขวา

4) แคนนาดา ซ้าย ขวา ขวา

5) ยุโรป ส่วนใหญ่ ซ้าย ขวา ขวา

6) ญี่ปุ่น (โอซากา) ซ้าย ขวา ซ้าย

7) ญี่ปุ่น (โตเกียว) ขวา ซ้าย ซ้าย

8) ฮ่องกง ซ้าย ขวา ซ้าย

9) อังกฤษ ขวา ซ้าย ซ้าย

10) สิงคโปร์ ขวา ซ้าย ซ้าย

11) ออสเตรเลีย ขวา ซ้าย ซ้าย

พฤติกรรมกำรขึ้นบันไดเลื่อนในประเทศญี่ปุ่น

พฤติกรรมกำรขึ้นบันไดเลื่อนในประเทศจีน

พฤติกรรมกำรขึ้นบันไดเลื่อนในประเทศฝั่งยุโรป

ส�าหรับคนกรุงเทพมหานคร มีพฤติกรรมการเดินเท้าและขึ้นลงบันไดเลื่อนหรือบันไดสะพานลอยส่วนใหญ่ยังไม่ได้จัดระเบียบมากนัก แม ้ว ่า กรุง เทพมหานครได ้จัดท�าเครื่องหมายจราจรพื้นทาง (ลูกศร) เดินชิดขวาขึ้นลงบนพื้นบันไดสะพานลอย บนทางข้าม (ม้าลาย) บางแห่ง ในระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (รถไฟฟ้า BTS) มีการจัดระเบียบการ ขึ้นลงบันไดเลื่อนให้เดินชิดขวา มีป้ายประชาสัมพันธ์รณรงค์การใช้งานบริเวณจุดขึ้นลง รวมถึงในบัตรโดยสารด้วย และ ในสนามบินสุวรรณภูมิก็มีเช่นเดียวกัน

บันไดเลื่อนในห้ำงสรรพสินค้ำ Siam Paragon

กำรรณรงค์ให้เดินชิดขวำบนสะพำนลอย สจส. ทางสะดวก22

Page 23: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 23

การรณรงค์ให้ยืนชิดขวาในสถานีรถไฟฟ้า BTS เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะใน

กรุงเทพมหานครและผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)

ได้รวมตัวกันในโครงการ “คนไทยขึ้นบันไดยืนชิดขวา” (Stand

on the Right) ได้รณรงค์เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของ

การใช้บริการขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้บันได

เลื่อนในชั่วโมงเร่งด่วน โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์

www.facebook.com และต้องการให้กรุงเทพมหานครผลัก

ดันนโยบาย “ยืนชิดขวา” ในระยะยาวเพื่อให้ปรากฏผลในทาง

ปฏิบัติเกิดการยอมรับระเบียบสังคม จึงขอความร่วมมือ

กรุงเทพมหานครผลักดันและจัดท�ามาตรฐานในการปฏิบัติ

(Standard Practice) ซึ่งขณะนี้ สจส. อยู่ระหว่างการรวบรวม

ข้อมูล ระเบียบ หรือ กฎหมายที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณา

จากข้อมูลเกี่ยวกับการเดินเท้า ข้อกฎหมาย ความคิด

ความเห็นต่างๆ เป็นประเด็นชิดซ้ายหรือชิดขวา เท่าที่ตรวจพบ

พอสรุปได้ดังนี้

สจส. ทางสะดวก 23

Page 24: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก24 สจส. ทางสะดวก24

1) พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ จ ร า จ ร ท า ง บ ก ปี ๒๔๗๗ เป้นครั้งแรกที่ออกกฎหมายคนเดินเท้ามาตรา ๕๔ คน เดินบนทางเท้าให้เดินชิดซ้ายทางเท้า ถนนไม่มีทางเท้า ให้เดินชิดขวาของทางเดินด้านขวา2) เป ็นการจัดระเบียบสังคมในเรื่อง ก า ร เ ดิ น เ ท ้ า เ กิ ด วิ นั ย ใ น ก า ร ใ ช ้ ท า ง เกิดอุบัติเหตุสามารถตัดสินได้ตามกติกา หรือเกิดอุบัติภัย/สาธารณภัยสามารถช่วยเหลือ/บรรเทาทุกข์ ได้ทันเวลาทันเหตุการณ์ ลดการสูญเสีย

การเดินขึ้นลงบันไดสะพาน - ในทางเท้า - ในทางถนน - บันไดเลื่อน

1) พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ จ ร า จ ร ท า ง บ ก ปี ๒๕๒๒ ปรับปรุงแก้ไขใหม่ มาตรา ๑๐๓ ให้คนเดินบนทางเท้า ไหล่ทาง ถนนไม่มีทางเท้า ให้เดินริมทางเท้าด้านขวาของตน 2) ป ร ะ เ ท ศ อ า ร ย ะ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ช ่ น ยุโรป และอเมริกา เดินชิดขวา ซึ่งสัมพันธ์กับกฎการจราจรในการขับรถ (ทิศทางจราจรบนถนน)3) คนส่วนใหญ่ถนัดมือขวา จึงสัมพันธ์กับการเดินชิดขวา

1) สอดคล้องกับกฎหมายเป็นสิ่งที่ต้องถือปฏิบัติตามกฎหมายหากละเมิดกฎหมาย มีบทลงโทษ (ลงโทษ – ค่าปรับ)2) การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้เข ้าใจ ยอมรับระเบียบ (กฎหมาย) ทางสังคม จะ เกิดความปลอดภัย สะดวก และมีมาตรฐานการปฏิบัติ (Standard Practice)3) การชิดซ้ายหรือชิดขวามีสิ่งส�าคัญที่ควรค�านึงถึง คือ 3.1) เรื่องความปลอดภัย - การสัญจร ( เดินเท ้า) ไปในทาง ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว (กรณีบันไดเลื่อน) ต ้ องใช ้ความระมัดระวั ง อาจ เกิดการ พลัดหกล้มบาดเจ็บได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้สูงวัยที่มีการตอบสนองช้ากว่า การทรงตัว ที่แย่กว่า และก�าลังที่น้อยกว่า ดังนั้นควรยืนในทิศทางที่คนส่วนใหญ่ถนัด ส�าหรับใน ต่างประเทศมีข้อก�าหนดให้คนชรา คนที่ใช้ ไม ้ เท ้ า คนเดินไม ่สะดวก ให ้ ใช ้ลิฟต ์ ประเทศไทยพยายามให้มีเช่นนี้ แต่ในทางปฏิบัติถือว่าสอบตก3.2) ความเคยชินในระบบการเดินเท้า - ความเคยชิน เป ็นสิ่ งที่ สั่ งสมมา ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นลงบันไดสะพานลอย/บันไดสถานที่ต่างๆ มักมีลูกศรก�ากับ ให้เดินชิดขวา เพราะคนส่วนใหญ่ถนัดขวา มือขวาเป็นมือที่มีก�าลังมากกว่าในการเหนี่ยวรั้งตัว หรือในการพยุงตัวขณะขึ้นลงบันได หรือในถนนที่ไม่มีทางเท้า (ถนนตามตรอก ซอยต่างๆ การเดินชิดขวาขอบทางจะท�าให้มองเห็นรถที่วิ่งสวนออกมา มีความปลอดภัย สูงกว่าเดินชิดซ้าย ส�าหรับบนบันไดเลื่อน บ้านเรา (ประเทศไทย) ก�าหนดให้เดินชิดขวา มานานแล้ว โดยมีป้ายประชาสัมพันธ์ติดตั้งชัดเจนทุกจุด

ชิดซ้ำย ชิดขวำ ควำมเห็น

บทสรุป การเดินเท้าเป็นรากฐานการเดินทางที่ส�าคัญที่สุด จึงไม่ควรละเลยในการพัฒนาทางเดินเท้าเพื่อความปลอดภัย และสะดวกในการสัญจร ควรพัฒนาไปพร้อมๆ กับพัฒนาระบบขนส่งจราจรดังเช่นประเทศอารยะทั้งหลาย ที่ใช้กฎหมายตอบสนองการสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมให้ยอมรับระเบียบ กฎกติกา มารยาททางสังคม น�าสู ่มาตรฐานการปฏิบัติ (Standard Practice) ต่อไป

ปัจจุบันเราจะพบเสมอ ทางเดินเท้าเป็นที่จอดรถ เป็นทางเดินรถ เป็นที่ขายของหาบเร่ แผงลอย ควรที่จะ แ ก ้ ป ั ญหา บ นท าง เท ้ าแ ล ะบ ริ หา ร จั ด การ ไ ด ้ อ ย ่ า ง มีประสิทธิภาพ ปัญหาสาธารณูปโภค (ประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ ไปรษณีย์) กีดขวางบนทางเท้าตลอดจนการสร้างซ่อมที่ขาดการประสานงานอย่างจริงจัง ควรได้รับการแก้ไขโดยเร็ว

Page 25: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 25สจส. ทางสะดวก 25

ทำงเท้ำปัจจุบันถูกหำบเร่ แผงลอยตั้งกีดขวำงคนเดินเท้ำ

การจัดหาและจัดท�าสิ่งอ�านวยความสะดวกส�าหรับคนเดินเท้า (พื้นทางเดินสะดวกสบายปลอดภัย) สวยงาม รักษ์สิ่งแวดล้อม (ต้นไม้) มีจุดพัก (เก้าอี้นั่ง) เป็นเรื่องเร่งด่วน ที่กรุงเทพมหานครควรดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจังต่อไป ความปลอดภัยของคนเดินเท้า ถนนคนต้องเดินได้และคนเดินเท้าต้องปลอดภัย การส่งเสริมการเดินทางด้วยการเดินเท้ามากขึ้น จะท�าให้การใช้รถยนต์ลดลง เป็นประโยชน์ ต่อเศรษฐกิจของสังคมมาสู่คนเดินเท้าในที่สุด ถือว่าแก้ไขปัญหาจราจรได้ทางหนึ่ง เกิดความปลอดภัย ลดมลพิษ สุขภาพดีขึ้น สิทธิ์ผู้ใช้ถนนดีขึ้น ในอนาคต ภาครัฐควรส่งเสริมและสนับสนุนการเดินเท้าอย่างจริงจังแบบบูรณาการ โดยการสร้างสิ่งอ�านวยความสะดวกเพิ่มให้เพียงพอ สามารถใช้สอยได้อย่างมีประสิทธิผล การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางให้สอดคล้องสอดรับการความสามารถในการใช้ทางของบุคคล (เด็ก สตรี คนชรา) โดยมีหลักการสังเขปกล่าวคือ 1. การลดโอกาสการเสียชีวิต โดยการชะลอความเร็ว (Speed Calming) 2. การลดระยะทางในการเดิน โดยการพัฒนารูปแบบผังเมือง เกิดความปลอดภัยและความสะดวกในการเดินทาง 3. การเพิ่มความปลอดภัยยามค�่ าคืน โดยการ เพิ่มไฟฟ้าแสงสว่างบริเวณทางเดินเท้าเกิดความปลอดภัย ทั้งผู้เดินทาง ผู้ขับขี่ ลดอุบัติเหตุและอาชญากรรม

4. การเพิ่มความสะอาดและร่มรื่น โดยการปลูกต้นไม้ หรือไม้ประดับ ตึกอาคารใกล้เคียง การจัดการเชื้อโรค ทั้งจากสัตว์ (สุนัข, แมว ฯลฯ) คน (คนจรจัด, เร่ร่อน) การจัดการทางด้านการเดินเท้าส�าหรับคนเดินเท้า ช่วยเสริมสร้างสังคมทั้งทางเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่แล้ว ยังสร้างความสามัคคี ปรองดองทางสังคม ต่อไปได้ แล้วคงไม่มีประเด็นที่ต ้องมาถกเถียงกันว่า เดินตรงไหนดี หรือ ขึ้นบันไดสะพานจะเดินชิดซ้ายหรือขวาดีกว่ากัน เนื่องจากทางเท้าถูกยึด ทางข้าม (ม้าลาย) ข้ามยากล�าบาก รถยนต์ ไม่จอดให้ สะพานลอยสูงมาก เดินไกล ขึ้นไม่ไหว โดยเฉพาะคนชรา ผู้สูงวัย และผู้ถือของหนัก

ทำงเท้ำถูกใช้เป็นจุดพักหรือที่รวมของคิวรถจักรยำนยนต์

กำรฝ่ำฝืนจอดรถยนต์บนทำงเท้ำ

ข้อมูลอ้ำงอิง 1. การประชุมสัมมนาระดับชาติ เรื่องอุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ ๙ พลังเครือข่ายเพื่อความปลอดภัย ปี ๒๕๕๒2. พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ (อ้างอิงข้อความ ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ โสมประยูร ลงในสื่อออนไลน์)3. พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๘ พ.ศ.๒๕๕๐4. สื่อออนไลน์ (Social Media)

Page 26: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก26

เชื่อว่าหลายคนคงเคยบ่นดังๆ ทั้งในใจและนอกใจ

คล้ายกับวลีด้านบนเป็นแน่ เมื่อต้องท�าสงครามกับ ‘รถติด’

ที่หลีกเลี่ยงได้ยากบนท้องถนน เพราะอย่างไรก็ต้องออกไป

ท�างานทุกวัน จะไม่ไปก็ไม่ได้ ‘รถติด’ จึงเรียกได้ว่าเป็นปัญหา

ระดับชาติเลยก็ว ่าได ้ เพราะไม ่ว ่ารัฐบาลไหนจะแก้ไข

โดยการสร้างทางด่วน อุโมงค์ใต้ดิน ตลอดจนรถไฟฟ้าทั้งบน

ดินและใต้ดิน แต่ก็ไม่เคยจะแก้ปัญหานี้ได้สักที ความเครียด

และความเบื่อหน่ายยามรถติดที่น่าหงุดหงิดและร�าคาญใจจึง

เป็นตัวบั่นทอนสุขภาพทั้งกายและใจของผู้ที่ใช้ท้องถนนเป็น

ประจ�า Healthy Tips ฉบับนี้เรามีเคล็ดลับการผ่อนคลายง่ายๆ

ยามรถติดมาฝาก ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

ฟังเพลง เป็นตัวเลือกที่หลายคนโปรดปรานเป็น

อันดับต้นๆ ยามรถติด เพราะเสียงเพลงที่ตรงกับสไตล์ของตัว

เองก็ช่วยลดความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี ยิ่งหากเป็นเพลง

เบาๆ สบายหู ก็ยิ่งช ่วยให้รื่นหูและผ่อนคลายได้มากขึ้น

เพราะหากรถติดแล้วยิ่งฟังเพลงที่ดนตรีค่อนข้างหนักก็อาจยิ่ง

‘โอ๊ยยยย...รถติดอีกแล้ว ไปทางไหนก็ติด เมื่อยก็เมื่อย

หงุดหงิด ก็หงุดหงิด’

5 เคล็ดลับ รับมือยามรถติด

ท�าให้เครียดและปวดหัวได้มากขึ้น หรือหากเบื่อฟังแค่เพลง

ก็อาจเปลี่ยนจากซีดีหรือเอ็มพี 3 มาฟ ังคลื่นวิทยุแทน

เพราะนอกจากจะได้ฟังเพลงเพราะๆ แล้ว ยังมีเพื่อนเป็นดีเจ

มืออาชีพคอยส่งเสียงเจื้อยแจ้วราวกับก�าลังสนทนาอยู่กับเรา

อีกต่างหาก เรียกได้ว่านอกจากคลายเครียดแล้วยังช่วยคลาย

เหงาอีกด้วย

สจส. ทางสะดวก26

Page 27: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 27

อ่านหนังสือเล่มโปรด หลายคนก็นิยมใช้วิธีนี้

กันมาก เพราะเวลาที่รถติดนานๆ หนังสือก็สามารถฆ่าเวลา

และเป็นเพื่อนคลายเหงาได้ แนะน�าให้คุณหาหนังสือหรือ

นิตยสารดีๆ สักเล่มติดรถไว้แก้เบื่อยามติดอยู่บนท้องถนน

ไม ่ว ่าจะเป ็นนิตยสารบันเทิงดารา หนังสือพิมพ ์ หรือ

พ็อกเกตบุ๊ค แต่หากเป็นหนังสือที่ชอบก็จะดีมาก เพราะจะอ่าน

ได้นานและไม่เบื่อด้วย อย่างน้อยก็เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็น

ประโยชน์ ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปพร้อมกับเพิ่มความเครียด

และความหงุดหงิดให้ตนเองเพราะรถติดอีกด้วย

บริหารกล้ามเนื้อ หลายคนที่ขับรถคงเข้าใจดีว่า

ความเมื่อยล้าจากการขับรถนานๆ เป็นอย่างไร ถ้ารถติดด้วย

แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง เมื่อยไปทุกส่วนตั้งแต่คอจรดปลายเท้า

แต่ช่วงที่ปวดตึงได้ง่ายที่สุดก็คือกล้ามเนื้อช่วงต้นคอ เพราะ

เป็นส่วนที่ได้รับผลจากความเครียดมากที่สุด แนะน�าให้ยืดเส้น

ยืดสายง่ายๆ ด้วยการก้มศีรษะจนคางชิดอก แล้วเงยหน้าขึ้น

จนสุด จากนั้นหันหน้าไปทางขวาจนสุดขณะที่หลังและไหล่ยัง

ตรงอยู่ จากนั้นหันไปทางซ้ายจนสุดเช่นกัน ท�าทั้ง 4 ท่าค้างไว้

สลับกันช้าๆ จนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อหายตึงและสบายขึ้น เรียกได้

ว ่าเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ได ้ผลดีเกินคาดในการช่วยทุเลา

ความเมื่อยล้าและความเครียดจากรถติด

สจส. ทางสะดวก 27

Page 28: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก28

ขอบคุณข้อมูล www.kbt.ac.th

ทานขนม ลูกอม น�้ าผลไม ้ อีกหนึ่งวิธีช ่วย

ผ่อนคลายยามรถติดคือการทาน ไม่ว่าจะเป็นขนมกรุบกรอบ

แซนด์วิช ลูกอมรสมิ้นต์เย็นสดชื่น หรือเมล็ดฟักทองแก้เพลิน

ก็ได ้ทั้งนั้น เพราะนอกจากจะบรรเทาความหิวไม่ให้โรค

กระเพาะถามหาแล้ว ยังช่วยแก้ง่วงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม วิธีนี้

ก็ไม่ควรท�าบ่อยนัก เพราะหากเจอรถติดแล้วทานขนมกรุบ

กรอบทุกครั้ง อาจเป็นการเพิ่มรอบเอวให้ตัวคุณเอง โดยไม่รู้ตัว

ก็ได้ แต่หากชอบทานของว่างยามรถติดจริงๆ ก็อาจต้อง

พิถีพิถันในการเลือกชนิดขนมสักหน่อย เช่น มีส่วนประกอบ

ของไขมันหรือแป้งต�่า หรือถ้าจะให้ดีก็ควรเปลี่ยนเป็นนม

หรือน�้าผลไม้ติดรถไว้แทนก็ได้ ที่ส�าคัญหากไม่อยากให้ขนม

ติดคอก็อย่าลืมเอาน�้าเปล่าติดรถไว้ด้วย

น�้ามันหอมระเหยปรับอากาศ เป็นผลิตภัณฑ์

ที่หลายบริษัทผลิตและวางจ�าหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป

ได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้ขับรถยนต์ เพราะช่วยสร้างความ

สดชื่นและบรรยากาศที่ดีให้กับพาหนะของคุณ ทั้งยังช่วย

ดับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย หรือหากประสบกับรถติด

เมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ช่วยผ่อนคลายจิตใจให้หายหงุดหงิด

ได้มาก หากใครสนใจจะลองใช้วิธีนี้ก็มีให้เลือกหลากรูปแบบ

หลายราคา ไม่ว ่าจะเป็นกลิ่นดอกไม้ กลิ่นส้ม หรือกลิ่น

เปปเปอร ์มิ้นต ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสอดคล้องกับ

รูปลักษณ์ของรถและรสนิยมของคุณ

ถึงตอนนี้ก็ทราบกันคร่าวๆ แล้วว่าเคล็ดลับในการ

ผ่อนคลายระหว่างรถติดมีอะไรบ้าง บางคนอาจเลือกท�าอย่าง

ใดอย่างหนึ่ง แต่บางคนอาจทั้งฟังเพลงและอ่านหนังสือควบคู่

กันไป แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม วิธีเลี่ยง

รถติดที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือออกจากบ้านให้เร็วขึ้น หาก

เกรงว่าจะปฏิบัติภารกิจยามเช้ าไม่ทันก็อาจน�าข้าวเช้ามาทาน

ที่ท�างาน หรือมาแต่งหน้าที่ท�างานก็ได้ นอกจากนี้การช่วยกัน

ใช้บริการรถประจ�าทางเพื่อลดปริมาณรถยนต์ส่วนตัวที่อยู่บน

ท้องถนนก็สามารถท�าให้รถติดน้อยลงได้ด้วย หากใครสนใจจะ

ลองท�าตามวิธีดังกล่าว อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนหงุดหงิดกับรถ

ติด ทั้งยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่ว่าจะ

ขับรถเองหรือขึ้นรถเมล์

สจส. ทางสะดวก28

Page 29: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก 29

Page 30: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

กิจกรรมรณรงค์ใหญ่ครั้งที่ 1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม 2554 ณ ลานหน้าอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ สีลม

กิจกรรมรณรงค์ใหญ่ครั้งที่ 2เมื่อวันอังคารที่ 6 กันยายน 2554 เวลา 10.30 น. ณ บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา (วงเวียน โอเดียน)

ถนนเยาวราช

กิจกรรมรณรงค์ใหญ่ครั้งที่ 3เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2554 เวลา 10.30 น. ณ บริเวณลาน

อเนกประสงค์ ตลาดนัดจตุจักร

โครงการถวายปณธิาน ล้านหัวใจ รักษ์วินัยจราจร

กิจกรรมรณรงค์ใหญ่ครั้งที่ 4เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 เวลา 19.30 - 21.30 น.

ณ บริเวณถนนข้าวสาร

กิจกรรมรณรงค์ใหญ่ครั้งที่ 5เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2554 เวลา 15.30 - 20.00 น. ณ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

สจส. ทางสะดวก30

Page 31: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

งานแถลงข่าวสรุปผลโครงการถวายปณธิานล้านหัวใจ รักษ์วินัยจราจร เมี่อวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 เวลา 14.00 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู ้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในงานแถลงข่าวสรุปผล “โครงการถวายปณิธานล้านหัวใจ รักษ์วินัยจราจร” ซึ่งกรุงเทพมหานครจัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนมีวินัยในการใช้รถใช้ถนน และเป็นการกระตุ้นเตือนให้ทุกคนได้ตระหนักถึง การปฏิบัติตามกฎจราจร ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2554 โดยมีผู้บริหาร กทม. และผู้แทนเครือข่ายรักษ์วินัยจราจรเข้าร่วมงาน การด�าเนินงานโครงการ “ถวายปณิธานล้านหัวใจ รักษ์วินัยจราจร” ตลอดระยะเวลากว่า 270 วัน มีจ�านวน ผู้เข้าร่วมถวายปณิธานกว่า 2 ล้านคน ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งเพราะแสดงว่าภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมได้เล็งเห็นถึงความส�าคัญพร้อมที่จะ ร่วมมือกันแก้ไข และมีจิตส�านึกในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน ไม่เฉพาะแต่ประชาชนชาวกรุงเทพ ฯ เท่านั้น ยังมีประชาชนจากทั่วประเทศที่ห่วงใยในการแก้ไขปัญหาจราจรและแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าร่วม ถวายค�าปณิธานอีกด้วย ท�าให้มียอดผู้ร่วมถวายค�าปณิธานเพิ่มจากเป้าหมาย 1 ล้านคน กว่า 1 เท่าตัว ซึ่งกรุงเทพมหานคร จะเตรียมด�าเนินการน�ารายชื่อพร้อมค�าถวายปณิธาน น้อมเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสต่อไป

สรุปผลโครงการถวายปณธิาน ล้านหัวใจ รักษ์วินัยจราจร

Page 32: วารสาร สจส ทางสะดวก ก.ย.-ธ.ค.2554

สจส. ทางสะดวก32

สำ�นักก�รจร�จรและขนส่ง กรุงเทพมห�นครเลขที่ 44 ถนนวิภ�วดีรังสิต ดินแดง กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0-2354-1215fax : 0-2354-1210 www.bangkok.go.th/trafffiicแจ้งเหตุสัญญ�ณไฟขัดข้อง ป้�ยจร�จรชำ�รุด 24 ชั่วโมง ได้ที่ 0-2354-1234